เซียวเฉวียนเบนสายตาไปมองมู่จิ่น “มี”
เมื่อเอ่ยถึงญาติ ในใจของเซียวเฉวียนก็อดโศกเศร้าในใจ
เซียวเฉวียนมาต้าเว่ยมาหนึ่งปีกว่าแล้ว จึงไม่รู้ว่าช่วงเวลาในฮวาเซี่ยตรงกันหรือไม่ ในสายตาของพวกเขา เซียวเฉวียนจากญาติมาปีกว่าแล้ว บางทีก็อาจจะนานกว่าในตอนนี้เสียอีก?
เซียวเฉวียนอิ่มหนำสำราญอยู่ในต้าเว่ยทุกวัน แต่กลับยังวุ่นวายไม่หยุดเช่นนี้
คนต้าเว่ยจำนวนมากต่างไม่เป็นมิตรกับเซียวเฉวียน และมักจะหาทางทำให้เซียวเฉวียนเกิดความอับอาย อยากให้เซียวเฉวียนเสียหน้า หัวเราะเยาะเซียวเฉวียน กระทั่งอยากได้ชีวิตของเซียวเฉวียน
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนี้ ใช่ว่าเซียวเฉวียนจะอยู่บนเส้นทางที่ต้องต่อสู้ด้านสติปัญญาหรือต้องสู้รบตบมือกับใครในทุกวัน เขาต้องคิดหาทางว่าจะเอาชีวิตรอดในต้าเว่ยอย่างไร
เพื่อรักษาชีวิต เพื่อเอาชีวิตรอด กระทั่งในความฝันเซียวเฉวียนก็ยังครุ่นคิดว่าจะเดินบนถนนแห่งจิตวิญญาณ
พอเป็นแบบนี้ เซียวเฉวียนไม่มีเวลาคิดถึงบ้าน
กระทั่งคืนนี้ขณะที่เขากำลังนอนเล่นอยู่บนทะเลทรายกับมู่จิ่น มองดูท้องฟ้าที่พร่างพรายด้วยหมู่ดาว ประโยคของมู่จิ่นสหายบ้านเดียวกันคนนี้ได้กระตุ้นความรู้สึกคิดถึงบ้านของเซียวเฉวียนอย่างอดไม่ได้
ในฮวาเซี่ย ฐานะครอบครัวของเซียวเฉวียนอยู่ระดับกลาง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการดำรงชีพ มีเสื้อผ้าอาภรณ์ มีอาหารการกินสมบูรณ์พร้อม ดังนั้นเขาจึงยังอยู่ในพิพิธภัณฑ์ รอความตาย
ในตอนที่เซียวเฉวียนยังเรียนอยู่นั้น ปู่ของเขาได้ลาจากโลกนี้ไป ในบ้านเหลือเพียงพ่อแม่และพี่สาว
สิ่งที่ทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกภูมิใจในบ้านหลังนี้คือ พ่อแม่ของเซียวเฉวียนไม่เพียงแต่จะมีเหตุผลแล้ว ยังเต็มไปด้วยความรัก ด้วยเหตุนี้ภายใต้การจัดการของสองสามีภรรยาคู่นี้ บ้านหลังนี้จึงเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น เซียวเฉวียนและพี่สาวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
แต่จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็บุกเข้ามาในต้าเว่ยอย่างคนไร้จิตวิญญาณ เช่นนี้เซียวเฉวียนคงต้องตายอยู่ในฮวาเซี่ยแล้ว?
แม้จะไม่กลัวตาย ทว่าทันทีที่เซียวเฉวียนนึกถึงการลาจากของเขา ญาติ ๆ ในฮวาเซี่ยจะต้องโศกเศร้าอย่างแน่นอน เซียวเฉวียนรู้สึกเสียใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้ว่าตลอดปีกว่า พวกเขาพ้นจากความโศกเศร้างแล้วหรือไม่
คิดว่าเดิมทีบ้านที่แสนอบอุ่นจะถูกความมืดปกคลุมเพราะการจากไปของเซียวเฉวียน
นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เซียวเฉวียนต้องการ หากได้ เซียวเฉวียนคงอยากเขียนจดหมายถึงญาติที่ฮวาเซี่ย บอกพวกเขาว่าเขาอยู่ต้าเว่ยมีความสุขดี พวกเขาไม่ต้องเสียใจ
แต่ปัญหาคือบัดนี้เซียวเฉวียนจะมาต้าเว่ยอย่างไร พอจะมีช่องโหว่อะไรเข้าไปได้บ้าง จะเขียนจดหมายถึงครอบครัวอย่างไร โดยที่ไม่ต้องบอกฮวาเซี่ย
ถูกต้อง เซียวเฉวียนครุ่นคิดอยู่ในใจ ในเมื่อเซียวเฉวียนมาได้ เช่นนั้นก็ต้องมีรอยต่อระหว่างฮวาเซี่ยและช่องว่างนี้ ตราบใดที่หาจุดเชื่อมต่อนี้ได้ เซียวเฉวียนอาจจะกลับฮวาเซี่ยได้
แต่โลกที่แสนกว้างใหญ่ จักรวาลที่ไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ จะหาชุดเชื่อมต่อนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ในเมื่อมาแล้วก็จงอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขเถอะ
ถ้าเป็นอย่างที่มู่จิ่นกล่าวไว้ การที่เซียวเฉวียนต้องจากฮวาเซี่ยมายังยังมิติที่น่าประหลาดนี้อาจจะเป็นโชคชะวตาที่ฟ้าลิขิตมาให้เขาแล้วก็ได้ และสวรรค์ก็เตรียมจะส่งพวกเขากลับไป
พอคิดได้เช่นนี้ เซียวเฉวียนก็อดรู้สึกดีในใจไม่ได้ ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาเถามันเทศและหอก เพื่อกลับไปสนับสนุนโอรสของฮ่องเต้ ช่วยฮ่องเต้โค่นเว่ยเชียนชิว กอบกู้สันติภาพสู่ต้าเว่ย
ไม่แน่ว่าการกอบกู้ต้าเว่ยอาจจะเป็นชะตากรรมของเซียวเฉวียนก็ได้ พอเป็นเช่นนี้ เวลาที่เซียวเฉวียนจะได้กลับฮวาเซี่ยคงอีกไม่นานแล้ว
คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องคิดหรอก เซียวเฉวียนปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเบนสายตาไปมองหน้าด้านข้างของมู่จิ่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าล่ะ มีครอบครัวที่ฮวาเซี่ยไหม?”
มู่จิ่นส่ายหน้าอย่างโศกเศร้า
เนื่องจากมู่จิ่นขยันขันแข็งและเฉลียวฉลาด พ่อครัวต่างยอมรับในความสามารถของมู่จิ่น พอเป็นเช่นนี้ มู่จิ่นจึงเข้าสู่เส้นทางพ่อครัว ค่อย ๆ พัฒนาความสามารถของตัวเองไปทีละขั้น
ในระยะเวลา 5 ปี ย่าของมู่จิ่นก็ล้มป่วยและตายจากไป
มู่จิ่นกลายเป็นคนโดดเดี่ยว
ได้ฟังเรื่องราวของมู่จิ่น เซียวเฉวียนก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “เจ้าก็เป็นคนน่าสังเวชเช่นกัน”
มู่จิ่นทอดถอนใจอย่างหนัก “ใช่ แต่เป็นแบบนี้ก็ดี ข้ามามิตินี้แล้ว ที่ฮวาเซี่ย ไม่มีใครต้องเสียใจกับการจากไปของข้าอีกแล้ว ข้าเองก็ไม่มีครอบครัวที่เป็นห่วงรั้ง”
มีแค่มู่จิ่นผู้ไร้ความกังวลถึงจะดูแลทุกอย่างได้
“อย่าว่าแต่เรื่องพวกนี้เลย” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดเคร่งเครียดตามไม่ได้ กระทั่งเข้าสู่บรรยากาศที่น่าหดหู่
การใช้ชีวิตต่างมิติย่อมลำบากเป็นธรรมดา แล้วทำไมจะต้องพูดให้ตัวเองเป็นกังวลเล่า ดื่มกินใช้ชีวิตให้สนุกสนานอยู่ในฮวาเซี่ยไม่ดีกว่าหรือ?
พอพูดถึงเรื่องกิน มู่จินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ “เซียวเฉวียน เจ้าเคยกินขามหูไหม?”
ดั่งคำกล่าวที่แพร่หลายอยู่ทางตอนใต้ของฮวาเซี่ยที่ว่า ขาวขาหมูในชนบทคือความหอมหวานของบุรุษ
เซียวเฉวียนตอบ ‘อื้อ’ “อร่อย!”
เซียวเฉวียนคือยอดนักชิม ตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัย เขามักจะตระเวนชิมอาหารเลิศรสในวันหยุดฤดูร้อนและปิดเทอมฤดูหนาวเสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...