ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1044

ฮวาเซี่ยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทุกเมืองจะมีวัฒนธรรมและอาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์ ยกตัวอย่างเช่น หลิวโจวมีเส้นหมี่ซุปหอยขม ซาเซี่ยนมีเกี๊ยวน้ำ ฉางซามีเต้าหู้เหม็น

ช่วงที่เขากำลังเล่าเรียน มักจะได้ยินอาหารที่ชื่อว่าข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวหลอด น้ำชายามเช้าและชายามบ่ายจากเพื่อนร่วมห้องที่มาจากทางตอนใต้ของฮวาเซี่ยเหมือนกันเสมอ เซียวเฉวียนจำได้ว่าหลังจากเรียนจบเทอมนั้น เขาแอบที่บ้านซื้อตั๋วลงใต้ เพื่อไปชิมอาหารเลิศรสที่เพื่อนร่วมห้องมักพูดถึงบ่อย ๆ

ทันทีที่ชิม เซียวเฉวียนก็ยิ่งอยากย้ายร้านเหล่านี้มาไว้ที่บ้าน

อาหารในเขตทางใต้นับว่าไม่เลวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำแกงแก่ไฟชามนั้น รสชาติยังคงติดลิ้นไม่หาย เกลียดตัวเองทำไมถึงไม่เกิดทางตอนใต้

พอได้ยินเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ มู่จิ่นก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ “เจ้ามันนักชิมจริง ๆ”

“นักชิมอย่างไร?” เซียวเฉวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าว่าแต่นักชิมอย่างข้าเลย แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เกลื่อนเต็มถนนก็ยังต้องอาศัยชื่อของหอปี๋เซิ่งเลย บัดนี้ตราบใดที่ต้าเว่ยได้กินอาหารของหอปี๋เซิ่ง อาหารที่อื่นก็คงไม่ถูกปากอีกต่อไป”

“เจ้าคงยังไม่รู้สินะ อาหารที่ถูกปรุงโดยพ่อครัวมือหนึ่งของต้าเว่ยก็ยังอร่อยสู้หนึ่งในสามของที่ข้าทำไม่ได้” เซียวเฉวียนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “คนโบราณมักจะกินอาหารจืดชืด น่าเบื่อยิ่งนัก”

พอได้ยินเซียวเฉวียนสามารถก่อร่างสร้างตัวจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ มู่จิ่นก็อดยกนิ้วชื่นชมเขาไม่ได้ เซียวเฉวียนในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ในสายตาของมู่จิ่น

ไม่อย่างนั้นล่ะ? เซียวเฉวียนสอบเข้าจอหงวน กระทั่งฆ่าเว่ยเชียนชิวผู้มีศักยภาพให้ตายในเสี้ยววินาที แม้แต่การทำธุรกิจก็ยังรุ่งเรืองมหาศาล

ถ้าเซียวเฉวียนได้ยินความคิดในใจของมู่จิ่น เขาจะต้องสำลักอย่างแน่นอน ใคร ๆ ก็บอกว่าเซียวเฉวียนมากความสามารถ ถ้าจะให้ชายฉกรรจ์อย่างเซียวเฉวียนตั้งท้องคลอดลูก เซียวเฉวียนคงทำไม่ได้

ทางนี้ ขณะที่เซียวเฉวียนและมู่จิ่นกำลังคุยกันเรื่องฮวาเซี่ย

ไม่ไกลนัก มู่เวยและโย่วควนยังคงนั่งรักษาระยะห่าง ระยะแค่นี้เป็นสิ่งที่โย่วควนยืนกรานจะทำ

มู่เวยต้องการให้โย่วควนเข้าใกล้เซียวเฉวียน แต่ด้วยท่าทีที่เข้มงวดของโย่วควน ไม่ว่ามู่จิ่นจะถมเรื่องของเซียวเฉวียนอย่างไร โย่วควนก็พูดอยู่แค่ประโยคเดียว หากแม่นางมู่เวยอย่างรู้ก็ไปถามนายท่านเองเถิด

ประโยคนี้ทำให้มู่เวยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เพื่อเซียวเฉวียน เพื่อเข้าใจโย่วควน มู่เวยจึงต้องเอ่ยด้วยท่าทีหยอกเย้า “โย่วควนผู้แสนดี เจ้าบอกข้ามาเถอะ”

ไม่ว่ามู่เวยจะโน้มน้าวอย่างไร นอกจากประโยคนั้นโย่วควนก็พูดว่า แม่นางมู่เวยไปถามเองเถอะ

แม้ว่ามู่เวยจะมีความกระตือรือร้น แต่ก็ยังมีจิตใจแน่วแน่ แค่เป็นเรื่องที่นางอยากรู้ ต่อให้ต้องซักถึงต้นตอ มู่เวยก็ไม่มีวันยอมแพ้ นางจะปล่อยโย่วควนที่เข้าใจเซียวเฉวียนทุกอย่างไปได้อย่างไร

มู่เวยถามไม่หยุดไปตลอดทาง แม้แต่ตอนนั่งพัก มู่เวยก็ยังเข้าหาโย่วควนไม่เลิก ถึงขั้นมานั่งลงข้างโย่วควนทีเดียว

ทันทีที่นางนั่งลง โย่วควนก็ขยับไปด้านหนึ่งพลางเอ่ยด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “แม่นาง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน”

มู่เวยอดกลอกตาใส่โย่วควนไม่ได้ “ที่ตีนเขาหมิงเซียน ในขณะที่ชายฉกรรจ์อย่างเจ้าดันทุรังอุ้มแม่นาง เหตุใดถึงไม่เห็นเจ้าบอกว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?”

ทันทีที่โย่วควนได้ยิน ใบหน้าก็อดแดงระเรื่อไม่ได้ จากนั้นก็กลืนน้ำลาย “ข้าโดนบังคับ หวังว่าแม่นางจะให้อภัยข้า”

ให้อภัย?

นัยน์ตาของมู่เวยกลอกไปกลอกมา จากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้าไปและเอ่ยอย่างจริงจังว่า “อยากให้ข้าให้อภัย? เว้นแต่ว่าเจ้าจะบอกเรื่องเซียวเฉวียนกับข้า”

“แม่นางยังไม่ให้อภัยสินะ” โย่วควนติดตามเซียวเฉวียนมานาน เรียนรู้ความเจ้าเล่ห์จากเซียวเฉวียน

ถ้าจะให้โย่วควนนำเรื่องของเซียวเฉวียนมาขายเพียงเพื่ออยากได้รับการให้อภัย คงเป็นไปไม่ได้

คำพูดของเซียวเฉวียน โย่วควนได้บอกเหตุผลกับมู่เวยไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอโทษอีกครั้ง ในเมื่อมู่เวยจะไม่ยอมให้อภัย ก็ไม่ต้องให้อภัย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้สำคัญกับโย่วควนเช่นนั้น

“เจ้า!” มู่เวยคว้าทรายกำมือหนึ่งขว้างออกไปอย่างแรง

เซียวเฉวียนแข็งแกร่งช่างมันเถอะ ลูกน้องก็ยังจงรักภักดี แม้แต่ข้อมูลของเซียวเฉวียนก็ยังไม่ยอมเปิดเผย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย