เซียนกระบี่ เป็นศัตรู เป็นคนที่ชักจูงลูกศิษย์ของจักรพรรดิ จึงไม่ฝักฝ่ายจักรพรรดิอย่างแน่นอน
เซียวเฉวียนไม่ยึดติดเหมือนคนโบราณ ดังคำพังเพยกล่าว ไม่ว่าแมวจะดำหรือขาว ขอแค่จับหนูได้ มันก็เป็นแมวที่ดี
เช่นเดียวกับศัตรู ไม่มีเพื่อนที่ถาวรในโลกนี้ มีแต่ผลประโยชน์ที่ถาวร เวลาใดที่เซียนกระบี่กับเซียวเฉวียนยืนอยู่ด้วยกัน เซียนกระบี่ก็เป็นมิตรของเขาในช่วงเวลานั้น
ทันทีที่เซียนกระบี่มาถึง ก็บอกกล่าวว่าต้องการชักชวนเขา
เซียวเฉวียนไม่เต็มใจอย่างยิ่ง เขาเลือกฝ่ายของจักรพรรดิอย่างสุดใจ ในต้าเว่ย ไม่ว่ากองกำลังอื่นจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ไม่เทียบเท่าจักรพรรดิที่สืบทอดมาตามทำนองคลองธรรม
แต่ว่าเซียนกระบี่ใจป้ำมาก เสนอม้าเหงื่อโลหิตมาให้เขาต่อหน้า
เซียวเฉวียนดวงตาเป็นประกาย เฮ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับชายยุคโบราณใจกว้างอย่างนี้ วันนี้โชคดีจริงๆ
ม้าเหงื่อโลหิตในยุคสมัยใหม่ยิ่งเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ไม่มีเงินเป็นล้านคงเลี้ยงมันไม่ไหวแน่
ในยุคโบราณยิ่งถือเป็นสิ่งฟุ่งเฟือยสุดๆ ม้าที่เซียวเฉวียนเพิ่งซื้อมาสักครู่ตัวหนึ่งแค่ห้าสิบตำลึง เซียนกระบี้บอกว่า ม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้หนึ่งหมื่นตำลึง ทั้งเป็นม้าสนามรบที่ฝึกซ้อมมาอย่างดีที่สุด ถือเป็นทรัพย์ที่ประเมินค่ามิได้!
เซียนกระบี่ใจกว้างกว่าเซียนกวีที่มาซื้อกวีจริงๆ เซียวเฉวียนพอใจมาก กล่าวทันทีว่า "ท่านอ๋อง งั้นฉันไปอยู่กับท่านแล้วกัน"
คนรับใช้ของเซียนกระบี่ตกใจมาก ลุงเขยตระกูลฉินเอาง่ายๆ งั้นเหรอ? ในเมื่อเขาได้รับการชักชวนจากเซียนกวีแล้ว ทำไมเขาถึงมาตกลงกับเซียนกระบี่อีก? พฤติกรรมแบบนี้เปรียบเหมือนหนึ่งสาวปรนนิบัติสองสามี ซึ่งสร้างความรู้สึกขยะแขยงให้ผู้อื่น
"เรียกเซียนกระบี่" เซียนกระบี่ไม่พอใจมาก ยกเว้นคนรับใช้ที่เรียกเขาว่าท่านอ๋อง พวกที่มีปัญญาและสถานะให้เรียกเขาว่า เซียนกระบี่
”เซียนกระบี่” เซียวเฉวียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ เซียน เซียนจริงๆ มันเป็นแค่ชื่อ แต่มันทำให้ท่านอ๋องแท้ๆ คนหนึ่งรู้สึกพึงพอใจได้มากมายถึงขนาดนี้
"ถูกต้องแล้ว" เซียวเฉวียนรู้กาลเทศะ เซียนกระบี่พอใจมากและเรียกให้คนรับใช้นำไก่ย่างสามสี่ตัวออกมาและอุ่นไก่ด้วยไฟที่กำลังไหม้อยู่ เขาวิ่งไล่ตามเซียวเฉวียนมาไกลขนาดนี้ และท้องไส้หิวแทบขาดแล้ว
ขณะที่รับประทานอาหาร จู่ๆ เซียนกระบี่ก็จำอะไรบางอย่างได้ "ส่วนของเซียนกวีไม่ต้องกังวล ฉันจะบอกเขาเป็นการส่วนตัวว่าคุณมาอยู่กับฉันแล้ว"
"กังวลอะไรหรือ ฉันไม่รู้จักกับเซียนกวี" เซียวเฉวียนกัดน่องไก่ชิ้นหนึ่ง ปากมีน้ำมันเยิ้มๆ รู้สึกถึงความมันอร่อยที่ได้กินเนื้อคำใหญ่ๆ
บรรดาผู้ที่รู้เหตุการณ์ซึ่งอยู่ตรงนี้แทบยืนไม่ติดพื้น
เซียนกระบี่ผงะ "เขาลงทุนเงินตั้งหกหมื่นตำลึงเพื่อซื้อตัวคุณ คุณจะไม่รู้ได้อย่างไร?"
"เหร้อ!" เซียวเฉวียนตระหนักขึ้นมาได้ว่า "เขาเป็นคนที่มาซื้อบทกวีของฉันนั้นหรือ แล้วจะทำไง ฉันก็ไม่รู้จักเขา ฉันไม่ไปทางโน้น คุณก็ไม่ต้องไปคุยอะไรกับเขาหรอก "
แล้วจะทำไง......
แล้ว......ไง......ล่ะ?
ไม่อยากให้เขาซื้อตัว คุณกล้าเก็บเงินหกหมื่นตำลึงสำหรับบทกวีนั้นหรือ?
เซียนกระบี่เกือบจะอารมณ์เสีย เขาไม่คิดว่าฮุ่ยหยวนในปีนี้จะมาเพี้ยนๆ แต่พอเห็นการแสดงออกที่ไร้กังวลของ เซียวเฉวียน ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้พูดโกหก
"คุณรีบเอาหกหมื่นตำลึงคืนให้เขาไปสิ" แม้ว่าเซียนกระบี่ยืนยันที่จะชิงคนของเซียนกวี แต่ทั้งสองก็เป็นพี่น้องกัน ถ้าเซียวเฉวียนคืนเงินไป เขาจะคุยกับเซียนกวีให้อีกที เซียนกวีน่าจะตกลงและปล่อยตัวคนไป
"เงินใช้หมดเกลี้ยงแล้ว"
"อะไรนะ" เซียนกระบี่ตกตะลึง ทิ้งน่องไก่ในมือแล้วลุกขึ้นยืนทันที แผดเสียงด้วยความไม่เชื่อ "เพิ่งได้เงินหกหมื่น ตำลึงมาไม่กี่วัน คุณใช้จ่ายเงินเก่งกว่าฉันได้ไง หกหมื่นตำลึง! เงินตั้งหกหมื่นตำลึง!"
เซียนกระบี่เป็นคนตรงไปตรงมา ตะโกนเวลาพูด คำรามเวลาออกคำสั่ง ฟังจนแก้วหูของเซียวเฉวียนสั่นระริก
”เงินเป็นสิ่งที่มีไว้ใช้ ใช้ไปใช้มาก็หมดไปโดยไม่รู้ตัว แล้วฉันควรทำอย่างไร?” เซียวเฉวียนกระพริบตาและถอนหายใจ “เมื่อกี้คุณบอกว่า ฉันอยู่กับใครได้แค่คนเดียว แต่ฉันใช้เงินไปหมดแล้ว ทำไง......”
เขาถอนหายใจอย่างสุดซึ้ง "น่าเสียดาย" "ฉันทำได้แต่คืนม้าเหงื่อโลหิตของคุณ คุณกับฉันไม่มีบุญวาสนากันจริงๆ!"
”คุณ!” เซียนกระบี่เคยนำผู้คนมากมาย และไม่เคยมีใครทำตัวง่ายๆ อย่างเซียวเฉวียน “คุณทำไมบอกไม่มาก็ไม่มาง่ายๆ แบบนี้”
“เซียนกระบี่กรุณาใจเย็นๆ ฉันไม่สามารถไปทำให้เซียนกวีโกรธเคืองนี่! ใช่ไหม? ฉันกลัวตาย” เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว ทำท่าดูอ่อนแอมาก
เซียนกระบี่กระทืบเท้าและคำรามด้วยความโกรธ "เงินหกหมื่นตำลึง...... ฉันจ่ายแทนคุณให้!"
”ท่านอ๋อง......” คนรับใช้อยากจะร้องไห้แต่ไม่กล้าห้ามปราม หกหมื่นตำลึงเป็นจำนวนเงินมหาศาล! เซียวเฉวียนวางยาหลอนจิตนายหรือเปล่านี่?
ไป่ฉีอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ เจ้านายแค่เอ่ยปากนิดเดียว หลอกมาได้หกหมื่นตำลึงแล้ว?
อันที่จริง เจ้านายยังไม่ได้แตะต้องเงินของเซียนกวีเลยแม้แต่สตางค์เดียว
จุ๊! เซียนกระบี่นี้เป็นคนที่ใจกว้างที่สุดอย่างแท้จริง!
เซียนเฉวียนดูเหมือนจะได้กลิ่นที่คุ้นเคยของเศรษฐีบ้านนอก เขาหายใจเข้าลึกๆ และยิ้มเบาๆ "แต่ฉันไม่รู้ เหตุผลที่คุณชักชวนฉันคืออะไร ฉันคิดว่าฉันมีค่าควรแก่ม้าที่ดีและเงินหกหมื่นตำลึง แต่เซียนกระบี่มีความเอื้ออาทรเช่นนี้หาได้ยากในต้าเว่ย ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก”
เซียนกระบี่ดีใจมากที่ได้รับคำชมเชยดังกล่าว และตะโกนว่า "ฉันให้ความสนใจคุณตั้งแต่คุณได้ดาบเล่มแรกใน หอคุนหวูแล้ว! คุณมีพลังเยี่ยงบิดาในตัว! มีเลือดเร่าร้อนอยู่ในกระดูก ฉันจะรับคุณ! รอคุณอยู่!" รอคุณผ่านการสอบในวัง คุณกับฉันจะพัฒนาวิชาดาบร่วมกัน และเอาชนะตระกูลฉิน! กลายเป็นแม่ทัพกุมอำนาจทางการทหารที่แท้จริงของต้าเว่ย!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...