เซียวเฉวียนยิ้มและพูดว่า:“ชีวิตในโลกนี้ จะต้องมองโลกในแง่บวก”
เมื่อเจอกับความยากลำบากเพียงเล็กน้อยก็ทำหน้าตาเศร้า ไม่ใช่สไตล์ของเซียวเฉวียน
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็อย่ามาเสียใจโทษตนเอง คร่ำครวญถึงความทุกข์ทรมานของประชาชน
เพราะว่าไม่มีประโชยน์อะไร
ชีวิตมีความทุกข์ทรมานมากมาย มีเพียงตนเองต้องแข็งแร่ง ถึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้!
มู่จิ่นรู้สึกชื่นชมอย่างมากพยักหน้า:“โชคดีที่ได้เจอกับเจ้า ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่กล้าคิดถึงอนาคตของข้า”
ที่ผ่านมามู่จิ่นเคยคิดถึงอนาคตจอมปลอบอยู่หลายครั้ง เขาคิดที่จะออกจากสำนักหมิงเซียงไปตั้งสำนักของตัวเอง แต่เขาก็ค้นพบว่าเมื่อไม่มีสำนักหมิงเซียงค่อยเป็นที่พึ่งพาอาศัย เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ที่ซินเจียงแห่งนี้จะทำสิ่งใดการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เป็นเรื่องที่ยากมาก
หลังจากคิดทบทวนแล้ว มู่จิ่นก็ต้องเลือกเสี่ยงกับวิธีที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด นั่นก็คืออยู่ที่สำนักหมิงเซียงต่อไป ต้องค่อยใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดตอนนี้เขาติดตามเซียวเฉวียนที่เป็นคนฮว๋าเซี่ยบ้านเกิดเดียวกัน มู่จิ่นรู้สึกเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง มู่จิ่นอยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องกลัวคิดมากกังวลอีกต่อไปแล้ว
ใช้ชีวิตเหมือนเซียวเฉวียน เป็นชีวิตที่ปกติเหมือนกับคนยุคปัจจุบัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่จิ่นพูดขึ้นอย่างจริงจัง:“เซียวเฉวียน ขอบคุณเจ้ามาก”
ขอบคุณที่เซียวเฉวียนช่วยมู่จิ่น พามู่จิ่นออกมาจากสำนักหมิงเซียง
ขอบคุณที่เซียวเฉวียนทำให้มู่จิ่นรู้สึกมีตัวตนขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จิ่นแล้ว เซียวเฉวียนพูดเล่นว่า:“อูย ขนลุกไปหมดแล้ว ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้ามีสไตล์เป็นของตัวเอง”
สิ่งที่สำคัญคือมู่จิ่นเข้าใจยอมที่จะไปต้าเว่ยกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็เพียงแค่ทำไปตามความต้องการ ช่วยทำให้เกิดขึ้นจริงก็เท่านั้น
“ฮ่าฮ่า!ใช่ ข้ามีสไตล์เป็นของตัวเอง” มู่จิ่นยิ้มอย่างสบายใจ
ตั้งแต่ติดตามเซียวเฉวียนมา ใจของมู่จิ่นก็สงบลงมาก ใจของมู่จิ่นสงบนิ่ง นิสัยของเขาก็เบิกบานสดใสขึ้นมาก บางครั้งยังแกล้งพูดจาเยาะเย้ยเสี่ยวเฉวียนบ้างเล็กน้อย
นี้เป็นรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของยุคสมัยปัจจุบันของฮว๋าเซี่ย
“อื้ม สไตล์หน้าด้าน” เซียวเฉวียนหัวเราะ แต่ว่าสีหน้าของเขาดูแล้วมีความเหนื่อยล้าเล็กน้อย
มู่จิ่นเห็นเป็นห่วงพูดว่า :“เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
ในตอนนั้น เซียวเฉวียนก็ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ความเจ็บปวดของร่างกายกำลังทรมานเขาอยู่ เขาตอบรับและก็เริ่มหลับตารักษาจิตวิญญาณของตนเอง
รถม้าค่อยๆขับเคลื่อนออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างทางก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
โย่วควนจับเชือดดึงม้าให้หยุดลง
ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลง มู่จิ่นเปิดม่านรถม้าขึ้นรู้สึกสงสัยพูดถามขึ้นว่า:“เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณชายมู่จิ่น เส้นทางยิ่งเข้าไปใกล้ทางยิ่งแคบลง ม้าทั้งสองตัววิ่งเข้าไปไม่ได้” โย่วควนรู้สึกเศร้าใจก้มลงมองดูเส้นทาง
โย่วควนบ่นพึมพำในใจ :“เส้นทางของซินเจียงทำไมถึงได้แคบอย่างนี้?”
ที่จริงก็จะโทษเส้นทางที่แคบของซินเจียงไม่ได้ และเมื่อมองออกไปรอบๆ เส้นทางที่มองเห็นห่างไกลก็เล็กแคบมาก ตรงนี้ถือว่าดีมากแล้ว ม้าสองตัวและรถม้ายังสามารถเดินทางมาได้ระยะทางช่วงหนึ่ง มีบางที่แม้แต่รถม้าก็เข้าไปไม่ได้ เหมาะกับการขี่ม้าหรือเดินเท่านั้น
โย่วควนอยู่ที่เมืองหลวงของต้าเว่ยนานไปแล้ว จนลืมไปแล้วว่าเส้นทางอย่างนี้เป็นเส้นทางปกติของประชาชน
เส้นทางของคนในยุคโบราณใช้แรงงานคนค่อยๆสร้างทีละเล็กละน้อย และข้อจำกัดของหมู่บ้านเหล่านี้ก็ลำบากมาก การเดินทางปกติต้องอาศัยการเดินหรือขี่อูฐ ขี่ม้า ไม่มีการใช้รถม้านั่งในการเดินทางสันจร
ดังนั้น เส้นทางในที่เหล่านี้ถึงไม่ใหญ่มาก เพียงแค่ให้คนหรือม้าผ่านไปได้ก็เพียงพอแล้ว
มู่จิ่นมองดู เส้นทางแคบลงมากจริงๆ ต้องการจะไปที่เมืองชิงชาน มีทางเดียวก็คือรถม้าที่มีม้าสองตัวเปลี่ยนให้เหลือรถม้าที่มีม้าเพียงตัวเดียว:“เอาอย่างนี้ พวกเราจัดการปรับเปลี่ยนรถม้าก่อน”
ตอนที่อยู่ที่ฮว๋าเซี่ย ก่อนหน้านี้มู่จินเป็นพ่อครัว เคยซ่อมแซมอุปกรณ์งานช่างไม้ของหมู่บ้าน ตอนนี้แค่ทำให้รถม้าที่มีม้าสองตัวเปลี่ยนให้เหลือรถม้าที่มีม้าเพียงตัวเดียว เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับมู่จิ่น
มู่จิ่นถามเซียวเฉวียนก่อนขอยืมดาบจิงหุน หลังจานนั้นก็ให้โย่วควนช่วยเหลือด้วย มู่จิ่นจัดการเพียงพริบตาเดียวก็สามารถจัดการรถม้าได้และเดินทางต่อไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...