ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1142

คมดาบพลันแทงทะลุแขนของเซียวเฉวียนลงไปได้ประมาณหนึ่งนิ้ว

เพียงพริบตาเดียว หยดเลือดพลางย้อมอาภรณ์ของเซียวเฉวียนจนกลายเป็นสีแดงไปในทันที

เซียวเฉวียนถึงกับลอบกัดฟันเพื่อข่มอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

หากแต่ข้อมือของเขาหาได้ปล่อยวางลงมาไม่

หากเขาปล่อยมือของตนเองเมื่อใด เจ้าบุตรีตัวน้อยของเขาคงได้ตกลงบนพื้นแน่ ๆ

เซียวเฉวียนจึงมิอาจปล่อยมือของตนเองเป็นอันขาด

นักฆ่าที่สามารถลอบทำร้ายเซียวเฉวียนได้นั้น เขาพลันยืนมองฝีมือของตนเองด้วยท่าทีดุร้าย ก่อนจะลอบส่งกำลังภายในของตนเองเข้าไป เพื่อฝังให้ใบมีดกดจมลงไปในร่างกายของเซียวเฉวียนมากกว่าเดิม

เมื่อคมดาบค่อย ๆ ฝังลึกเข้าไปในร่างของเซียวเฉวียนอีกนั้น

หยดเลือดจึงไหลออกมาตามคมดาบก่อนจะหยดซึมลงพื้นในทันที

“ฮึก!” เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เซียวเฉวียน!”

"นายน้อย!"

"นายท่าน!"

เมื่อเหล่ากำลังพลของเซียวเฉวียนเห็นฉากเหตุการณ์ตรงหน้านั้น พวกเขาถึงกับตกตะลึงไปในทันที

โดยเฉพาะเหล่าจิ้นซื่อนั้น พวกเขาตกตะลึงเสียจนลืมพูดไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่เซียวเฉวียนโดยไม่กะพริบตา

ทั้งมู่จิ่นและคนอื่น ๆ มิคิดมิฝันเลยว่าเซียวเฉวียนจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้

ในช่วงเหตุการณ์ที่หน้าคับขันนั้น มู่จิ่นจึงเล็งปืนไปที่ข้อมือของนักฆ่าผู้นั้นในทันที ก่อนจะเหนี่ยวไกออกมา "ปั้ง!"

กระสุนปืนที่บินลอยออกไปนั้น ทว่า ลูกกระสุนปืนหาได้ฝังเข้าข้อมือของนักฆ่าผู้นั้นไม่ มันกลับถูกนักฆ่าอีกคนหนึ่งปัดป้องหนีด้วยคมดาบเสียก่อน

ราวกับเห็นผียามกลางวันแสก ๆ

ในยุคโบราณมีคนมีฝีมือเก่งกาจมาเพียงนี้เลยหรือ?

กระสุนปืนเช่นนี้ นึกจะขัดขวางก็สามารถขัดขวางได้หรืออย่างไรกัน!

นักฆ่าผู้ที่เป็นคนปัดป้องกระสุนนั้น พลางหันมามองจิ่นด้วยท่าทางดุร้าย พร้อมทั้งเดินเข้าไปหามู่จิ่นทีละก้าว เขาพลันครุ่นคิดกับตนเองภายในใจว่า มู่จิ่น เจ้าคนทรยศ พวกเขาหาได้ลงมืออันใดกับมู่จิ่นไม่ กลับเป็นมู่จิ่นเสียเองที่คิดเปิดศึกกับพวกเขาเสียก่อน มู่จิ่นมีชีวิตอยู่นานเกินไปแล้วกระมัง!

เมื่อสัมผัสได้ว่ามู่จิ่นกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น เซียวเฉวียนที่กำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวดนั้นจึงเอ่ยสั่งการออกมาว่า "ปกป้องคุณชายมู่จิ่น"

มู่จิ่นซึ่งมีความสามารถเป็นถึงท่านหมอและพ่อครัวที่หาฝีมือจับตัวได้ยากเช่นนี้ เขามิอาจยอมให้มู่จิ่นเป็นอันใดไปเด็ดขาด

“ขอรับ” ต้าจวงพลันรับคำก่อนจะเข้าไปขีดขวางยืนแยกเขี้ยวยิงฟันต่อหน้านักฆ่าในทันที

ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตกำยำของต้าจ้วงนั้น เพียงแค่เขาเข้ามาขัดขวางก็สามารถปิดบังสายตาของนักฆ่าที่มองมาได้มิดในทันที แม้แต่หัวของมู่จิ่นเอง นักฆ่าผู้นั้นก็มิอาจมองเห็น

ราวกับแม่ไก่ที่กำลังคอยปกป้องลูกเจี๊ยบก็ไม่ปาน

พละกำลังอันแข็งแกร่งของต้าจ้วงนั้น เหล่านักฆ่าต่างก็ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ไปแล้ว หากยังคงดึงดันที่จะเข้าไปประจันหน้ากับต้าจ้วงนั้น พวกเขารู้ดีว่าตนเองหาใช่คู่ต่อสู้ของต้าจ้วงไม่

ดังนั้น เหล่านักฆ่าจึงไม่กล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่น ทั้งยังมิกล้าผลีผลามเข้าไปอีกด้วย พวกเขาเพียงแค่ยืนประจันหน้าดูเชิงกับต้าจ้วงเพื่อรอโอกาส

ส่วนนักฆ่าที่เหลืออีกสี่คนนั้น พวกเขาก็พยายามเข้าขัดขวางไม่ให้ชาวยุทธ์แท้เข้ามาช่วยเหลือเซียวเฉวียนได้ ทั้งยังเริ่มเปิดฉากเข้าโจมตีชาวยุทธ์แท้อีกด้วย ทำเอาเหล่าชาวยุทธ์แท้มิอาจปลีกตัวออกมาได้

ในยามนี้จึงเหลือเพียงโยว่ควนเท่านั้นที่พอจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้แล้ว

เมื่อเห็นเวลาไม่คอยท่าเช่นนี้ โยว่ควนจึงหยิบปืนพกออกมาจากเอวของตนเอง ก่อนจะฉวยโอกาสยิงไปที่หัวของนักฆ่าในยามที่ทุกคนยังมิทันได้ตั้งตัว

เหล่ามือสังหารรู้แต่เพียงว่ามู่จิ่นมีปืนพกอยู่ในมือ นั่นเป็นเพราะยามที่อยู่ในสำนักหมิงเซียนนั้น พวกเขาเห็นมีเพียงมู่จิ่นที่พกมันติดตัว

แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าโยว่ควนเองก็จะพกปืนติดตัวด้วยเช่นกัน ยามที่พวกเขามิทันได้ตั้งตัวนั้น กระสุนปืนจึงฝังเข้าหัวนักฆ่าอีกคนหนึ่งไปในทันที

ยังมิทันที่นักฆ่าผู้นั้นจะได้สติกลับมา เขาพลันล้มลงไปบนพื้นด้วยเสียงดังปั้ง

โยว่ควนคุ้นเคยกับยิงปืนเป็นอย่างดี

ยามที่โยว่ควนยิงปืนปลิดชีพคนในคราแรกนั้น เขายังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง

เมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้า โยว่ควนจึงเริ่มนิ่งขึ้นมากแล้ว

เมื่อโยว่ควนสามารถปลิดชีพนักฆ่าได้สำเร็จนั้น

หากว่าผนึกจูเสินมิได้หลอมรวมเข้ากับร่างของเซียวเฉวียนแล้วละก็ ไม่ว่าเหล่านักฆ่าพวกนั้นจะกินยากลูกกลอนจนกลายเป็นผีไปแล้วนั้น ผนึกจูเสินย่อมสามารถต่อกรกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย

เพียงแค่ผนึกสังหารระเบิดตัวออกมานั้น เหล่าภูตผีปีศาจก็กลายเป็นผุยผงในทันที

แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือ ผนึกจูเสินในยามนี้ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของเซียวเฉวียนไปแล้ว ผนึกจูเสินกล่าวว่าหากมันหลอมรวมเข้ากับร่างของเซียวเฉวียนเมื่อใด มันก็จะไม่สามารถออกมาจากร่างของเซียวเฉวียนได้อีก

เช่นนั้นจะทำเช่นไรเล่า?

ผลัก!

เซียวเฉวียนลงมือเตะเหล่านักฆ่าผู้นั้นอย่างเต็มแรง เพื่อส่งร่างของนักฆ่าผู้นั้นไปหาพวกพ้องของมัน ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากนักฆ่าพวกนั้น เซียวเฉวียนกลัวว่าพวกมันจะทำให้บุตรีตัวน้อยของตนเองตื่นขึ้นมา

ทว่า ขอเพียงไม่แทงนักฆ่าผู้นี้ลงไป นักฆ่าผู้นี้ย่อมมิกลายเป็นปีศาจไปอย่างแน่นอน

ยาที่เซียวเฉวียนกำลังคิดหาทางรับมืออยู่ เซียวเฉวียนจึงมิกล้าหุนหันพลันแล่นลงมือลงไป

เพื่อป้องกันมิให้เหล่านักฆ่าที่เหลือกลืนยาลูกกลอน เซียวเฉวียนจักต้องหาทางควบคุมพวกมันเอาไว้ให้ได้ หลังจากนั้นค่อยทำการค้นตัวพวกมันเพื่อหายาลูกกลอนเม็ดนั้นแทน

ในยามนั้น เซียวเฉวียนจึงเคลื่อนกายไปมาด้วยความเร็วไวก็ระหว่างนักฆ่าทั้งสี่คนนั้น

ทว่า เนื่องจากนักฆ่าได้ทำการเฝ้าระวังเซียวเฉวียนเอาไว้แล้ว ยามที่เซียวเฉวียนพุ่งตรงมาหาพวกเขานั้น เหล่านักฆ่าจึงหยิบยาลูกกลอนออกมาโยนใส่ปากของตนเองก่อนจะกลืนลงคอไปในทันใด

หลังจากกลืนยาลงไปแล้วนั้น เหล่านักฆ่าต่างก็มองมาที่เซียวเฉวียนด้วยความดุร้าย

เมื่อยาลูกกลอนอยู่ในท้องของเขาเช่นนี้ ไม่ว่าเซียวเฉวียนจักมีประสบการณ์และพละกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาอย่างไร ก็ย่อมมิกล้าลงมือพวกเขาอย่างอุกอาจอย่างแน่นอน

นั่นเป็นเพราะเซียวเฉวียนรู้ดีว่า หลังจากที่พวกเขากินยาเข้าไปแล้ว หากพวกเขาโดนแทงลงไปเมื่อใดนั้น พวกเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นปีศาจในทันที

เซียวเฉวียนรู้ดีว่าปีศาจพวกนี้รับมือยากเพียงใด

ที่จริงแล้ว เซียวเฉวียนมิอาจทำอันใดกับพวกมันได้

มู่จิ่นที่นึกเป็นกังวลนั้น พลางเอ่ยออกมาว่า "เซียวเฉวียน ทำอย่างไรดี? เช่นนั้น เจ้าเรียกผนึก... "

ทั้งมู่จิ่นและโย่วควนหาได้รู้ไม่ว่าผนึกจูเสินได้หลอมรวมเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเซียวเฉวียนแล้ว

เมื่อเคยเห็นพละกำลังของปีศาจมาแล้วนั้น โหย่วควนหาได้เห็นด้วยกับคำแนะนำของมู่จิ่นไม่ พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเป็นกังวลว่า "นายน้อย อย่าเลย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย