ตอน บทที่ 1185 จางเคอตกหลุมพราง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1185 จางเคอตกหลุมพราง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เป็นครั้งแรกที่จางจิ่นรู้สึกเสียดาย ที่จริงแล้วคนดียอมได้รับผลที่ดีตอบแทน
นับจากนี้ไป จางจิ่นสาบาน เขาจะต้องเป็นคนดี จะเป็นคนดีคนหนึ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของต้าเว่ย เขาจะไม่ทำเพื่อเว่ยเชียนชิวอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามจางจิ่นคาดไม่ถึงว่า ถึงแม้ว่าเขาจะมีใจที่จะทำประโยชน์เพื่อต้าเว่ย แต่โชคชะตาของเขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากการที่ต้องอยู่ข้างๆเว่ยเชียนชิว
เพราะว่าฮ่องเต้คิดแผนดีๆขึ้นมา ฮ่องเต้ต้องการใช้ประโยชน์จากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจางจิ่น ให้จางจิ่งแฝงตัวอยู่ข้างๆเว่ยเชียนชิวต่อไป
นี่ทำให้จางจิ่งอยากจะร้องไห้
แน่นอน นี้เป็นสิ่งที่พูดกันภายหลัง
กลับมาพูดต่อ จางจิ่งมองจ้องเซียวเฉวียนจนเดินมาสุดสะพานวิญญาณ เขาทนไม่ได้ถอนหายใจออกมา เฮ้อ สุดท้ายก็ไม่สามารถเอาชนะเซียวเฉวียนได้!
เกลียด!
จางจิ่งเกลียดเซียวเฉวียนที่สร้างม่านกั้นไว้
แค้น!
เขาแค้นนักปราชญ์ในเวลาที่สำคัญอย่างนี้ละทิ้งเขาไว้!
มองดูเซียวเฉวียนที่ค่อยๆเดินทำตามขั้นตอนที่ควรทำ จางจิ่นทั้งวิตกกังวลทั้งโกรธ
เห็นฉากนี้ของเซียวเฉวียนโดยไม่ได้ตั้งใจ มันกระทบไปถึงก้นบึ้งในใจของจางจิ่ง จางจิ่นมีสิ่งที่ดีอยู่แค่นี้ ยังคิดที่จะไปสู้กับเซียวเฉวียน และยังหลงผิดคิดต้องการภรรยาของเซียวเฉวียน?
ไม่รู้จักประเมินกำลังความสามารถของตัวเอง!
ที่หอบวงสรวงเทวดา เซียวจิ่วและฮูหยินผู้เฒ่าเซียวมีสีหน้าเหนื่อยล้า แต่ปากของพวกเขายังคงพึมพำท่องสวดมนต์
เพื่อให้ดวงวิญญาณของกองทัพเซียวทั้งห้าหมื่นได้สงบสุข มันยากลำบากมากสำหรับทั้งสองคนย่าทวดและเหลน
ในตอนนี้ ฝนค่อยๆตกลงมาแล้ว บนท้องฟ้า แสงค่อยๆส่องสว่างมากขึ้น
แต่ว่า วิญญาณไม่สามารถโดนแสงสว่างได้
ถึงแม้ว่าในสถานที่จะมีผ้าบางๆสีดำบดบังไว้อยู่ แต่พวกเขาก็ยังกลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาด
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงในการรบกวนวิญญาณ ย่าทวดและเหลนทั้งสองคนเริ่มแข่งขันกับเวลา ทั้งสองคนเพิ่มความเร็วในการสวดท่องมนต์
เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ฝนก็ค่อยๆหยุดลง ในที่สุดท้องฟ้าก็ไม่มืดมนอีกแล้ว ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
แต่ว่า บนท้องฟ้าก็ยังมีเมฆสีขาวอีกชั้นหนึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์
ดูท่าทาง เป็นเหมือนกับสิ่งที่สวรรค์ได้กำหนดไว้แล้ว
ก่อนที่พิธีสวดทำให้วิญญาณสงบสุขจะเสร็จเรียบร้อย ดูแล้วพระเจ้าก็คงไม่ยอมปล่อยให้ดวงอาทิตย์โผล่ออกมาได้
ตอนที่เซียวจิ่วและฮูหยินผู้เฒ่าร่วมแรงร่วมใจกัน ท่องสวดมนต์ทำพิธีจนเกือบจะสิ้นสุดขั้นตอนสุดท้าย
ในตอนนั้น มีเงาร่างหนึ่งวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คนนั้นก็คือจางเคอ
หลังจากที่ฝนหยุด ชิงหลงก็ไม่มีข้ออ้างที่จะสร้างม่านกั้นเพื่อกักขังทุกคนไว้อีกแล้ว ดังนั้น ชิงหลงจึงถอนม่านกั้นออก
เมื่อม่านกั้นถูกถอนออกไปแล้ว ก็เป็นการปล่อยให้จางเคอทำสิ่งต่างๆได้อย่างอิสระ
หลังจากได้รับอิสระแล้ว จางเคอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สิ่งแรกที่ทำคือพุ่งเข้าไปหยุดยั้งพิธีการสวดส่งวิญญาณให้สงบสุข
ดังนั้น เมื่อเขาพุ่งเข้าไป ก็ได้แอบเอาผงขี้เถ้าที่เตรียมมาโรยลงบนแท่นบวงสรวง
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของจางเคยแล้ว
จางเคอคิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้วเซียวเฉวียนไม่ใช่ว่าไม่รู้เกี่ยวกับการกระทำนี้ของเขา แต่เซียวเฉวียนตั้งใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ ทำให้จางเคอตกหลุมพรางที่วางไว้
จางเคอที่คิดว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว เขาแกล้งทำเป็นหวาดกลัวพูดว่า “ขอ ขอโทษ รบกวนกองทัพตระกูลเซียวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในใจไว้ได้ จึงพุ่งขึ้นไป”
ข้ออ้างนี้เป็นข้ออ้างที่ดี
อย่างน้อยก็ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
แต่เซียวเฉวียนมองเห็นและยืนมือไปจับข้อมือของจางเคอเอาไว้ และยกมือขึ้น หันฝ่ามือขึ้นต่อหน้าทุกคน:“แล้วนี่ เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ฝ่ามือของจางเคอมีขี้เถ้าติดอยู่ คนที่ไม่รู้ ไม่สามารถแยกแยะออกได้ระหว่างยันต์ขี้เถ้าหรือว่าขี้เถ้าธรรมดา
คงไม่เงียบสงบได้อย่างนี้!
สายตาของเซียวเฉวียนหันมองจางเคอ สีหน้าเยือกเย็นพูดว่า:“ดูแล้ว เจ้าก็ไม่ได้โง่นิ”
“เจ้า!” จางเคอกำลังจะเอ่ยปากด่า แต่คิดได้ว่าอยู่ต่อหน้าคนมากมาย จางเคยก็เกิดกลัวขึ้นมา เขาโกรธกัดฟันแน่นไม่กล้าพูด เต็มไปด้วยความโกรธมองเซียวเฉวียน
ครั้งนี้ จางเคอไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆ
ไม่ ไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้
ไม่ว่าจางเคอจะพูดอะไร เขาก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดว่าผงขี้เถ้าเป็นผงขี้เถ้าธรรมดา แต่ในขณะที่ประชานชนกำลังโกรธ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ยังทำให้ประชาชนยิ่งรังเกียจจางเคอมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นผงขี้เถ้าธรรมดา ในสถานการณ์ที่สำคัญอย่างนี้ จางเคอกล้าที่จะเสี่ยงทำเรื่องอย่างนี้ ก็ถือว่าไม่เคารพต่อกองทัพตระกูลเซียว
ยิ่งไปกว่านั้น คนมากมาย ทำไมมีเพียงเขาคนเดียวที่มีผงขี้เถ้าติดตัวมาด้วยละ?
ถ้าไม่ได้มีการวางแผนไว้ก่อน พูดไปใครจะเชื่อ?
นอกจาก.......นอกจากว่าเซียวเฉวียนจะยอมช่วยจางเคอแก้ไขสถานการณ์นี้
ถ้าเซียวเฉวียนยอมที่จะบอกต่อหน้าทุกคนว่านี้เป็นขั้นตอนหนึ่งในพิธีสวดส่งวิญญาณให้สงบสุข ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกคนก็จะไม่ต่อต้านจางเคออย่างนี้
มันสำคัญมาก จางเคอหน้าด้านลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขากลับพูดขอร้องประจบประแจง:“ใต้เท้าเซียว ขอร้องไว้ชีวิตข้าด้วย ถ้าครั้งนี้ท่านปล่อยข้าไป ต่อจากนี้ไปข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน”
เพียงแค่ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อน รักษาชื่อเสียงเอาไว้ก่อน หลังจากนี้จางเคอจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของจางเคอ เซียวเฉวียนไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ จางเคอคิดว่าจะสามารถปิดบังเซียวเฉวียนได้ เขามีสีหน้ากระตือรือร้นมองเซียวเฉวียน ยกมือขึ้นพูดด้วยความจริงใจ:“จริงๆนะ นับจากนี้ ข้าไม่กล้าทำเรื่องไม่ดีต่อท่านอีกแล้ว”
“เหอะ!” เซียวเฉวียนถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยให้โอกาสเจ้า เจ้าไม่รักษาเอาไว้ให้ดีเอง และ เจ้าคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด และยังไม่รู้จักแก้ไขปรับเปลี่ยน!”
คำพูดของเซียวเฉวียน เหมือนกับมีดคมๆที่ทิ่มแทงจิตใจของจางเคอ
เมื่อพูดอย่างนี้แล้ว เซียวเฉวียนคงจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนแล้ว?
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ จางเคอก็ต้องเอาวิธีสุดท้ายที่เหลืออยู่มาใช้ เขาเข้าไปใกล้ๆข้างหูของเซียวเฉวียน พูดอย่างสะใจว่า :“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเปิดเผยเรื่องขององค์หญิงต้าถงเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...