ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 122

สถานการณ์ตามปกติธรรมดา ฮ่องเต้เลือกเวลาในช่วงย่ำรุ่งเพื่อพบกับเหล่าข้าราชบริพาร

คราวนี้ พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเร็วกว่าปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง

เซียวเฉวียนกับฉินเฟิงบังเอิญพบกับฮ่องเต้ ก่อนเวลายามห้าซึ่งเป็นเวลาที่ต้องว่าราชการ

เมื่อเห็นเซียวเฉียน ฮ่องเต้ลุกขึ้นด้วยความตกใจ นี้พึ่งจะยามสาม พวกเขามาทำอะไรที่นี้?

เซียวเฉวียนไม่รู้ว่าฮ่องเต้ลุกจากบรรทมแล้วหรือยัง แต่เขาคิดว่าฮ่องเต้ตื่นเต้นและตั้งตารอเป็นแน่ เมื่อเซียวเฉวียนคำนับ ฮ่องเต้กลับไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา

ความประทับใจแรกของเซียวเฉวียนที่มีต่อฮ่องเต้ก็คือแม้ฮ่องเต้จะยังดูไม่แก่นัก แต่กลับมีความรับผิดราวกับผู้ใหญ่

ในการต่อสู้ที่เหวอันหยวน เขารู้อยู่แล้วว่าฮ่องเต้ไม่ใช่คนอันตราย แต่ก็ดูเป็นคนที่มีความมืดปะปนอยู่ เกรงว่าจะมีขุนนางเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงตัวตนของฮ่องเต้

แม้จะไม่รู้เรื่องราว แต่เซียวเฉวียนจะไม่เพิกเฉยแน่นอย

ไม่ว่าฮ่องเต้จะดูเป็นยังไง แต่จิตวิญญาณของเหล่าฮ่องเต้ก็ทรงพลังมากนัก ทุกคำพูดและการกระทำทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ฮ่องเต้ควรจะมี

คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ต่างก้มหน้าลง แม้กระทั่งฉินเฟิงก็ยังก้หน้าลงฟัง ยกเว้นเซียวเฉวียนที่มองตรงไป

เสื้อคลุมลายมังกรบนตัวของเขางดงามมาก ทำมาจากด้ายสีทองและเงิน ถ้าเทียบเท่ากับเงินในยุคปัจจุบันคงจำนวนมหาศาล

ในสายตามืออาชีพอย่างเซียวเฉวียน พนักงานพิพิธภัณฑ์ ฮ่องเต้ก็ไม่ต่างจากโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม เพียงแต่ว่าโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมนั้นเป็นวัตถุ แต่ฮ่องเต้เป็นคนที่มีชีวิต

ฮ่องเต้ยกย่องฉินเฟิงเป็นประจำ บอกว่าเขาเหมือนแม่ทัพเก่าของตระกูลฉิน และเขาได้สร้างชื่อเสียงอย่างมากในการปกป้องท่านอ๋อง ทองคำสามพันตำลึงเพื่อตอบแทนเขาถูกวางไว้ตรงหน้าอย่างเปล่งประกาย

เซียวเฉวียนสังเกตเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ได้บอกว่าฉินเฟิงปกป้องเซียวเฉวียน แต่เป็นปกป้องเจี้ยนชือ

เขาขอบคุณฮ่องเต้ผู้มีไหวพริบคนนี้จริงๆ เพราะทุกคนจะมุ่งไปที่เจี้ยนชือ ไม่ใช่เซียวเฉวียน

ฉินเฟิงรู้สึกภาคภูมิใจมากและแอบมองไปที่เซียวเฉวียน ซึ่งทองคำสามพันตำลึงนั้น มันทำให้เขาเชิดหน้าชูตาได้ เพราะเป็นรางวัลที่มีค่ามากกว่ารางวัลของเซียวเฉวียน

“เซียวฮุ่ยหยวน เจ้าเองก็สมควรได้รับ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้ข้าจึงอยากพบเจ้า ข้าเห็นความกล้าได้กล้าเสียของเจ้า” ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งและแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อย “วันที่เจอกัน เซียวฮุ่ยหยวนไม่เพียงแต่มีความโดดเด่นในด้านวรรณกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่กล้าหาญและมีกลยุทธ์ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เสด็จอาของข้า คงถูกผู้ทรยศของจวนว่าการชั้นในสังหารไปแล้ว”

“พะยะค่ะ สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างอันตราย และกระหม่องเองก็คิดว่าควรทำอะไรสักอย่าง” เซียวเฉวียนพยักหน้าและพูดออกมาอย่างเป็นกลาง

คนอื่นๆ ตกตะลึง ลูกตาของฉินเฟิงกลอกไปมาเซียวเฉวียนควรจะขอบคุณเขา ทำไมเขาถึงพยักหน้าและสรรเสริญตัวเอง?

บ้าหรือเปล่า?

ต้องชมเช่นนี้เลยงั้นรึ? ฉินเฟิงดูถูกเหยียดหยามเขามาก คนเช่นนี้ไม่อยากจะพบเจอ!

ไม่คาดคิด ใบหน้าที่จริงจังขอฮ่องเต้กลับมีรอยย่นจากการทรงพระสรวล "แล้วเซียวฮุ่ยหยวน ต้องการรางวัลแบบไหนกันล่ะ?"

“ข้าต้องขอคิดดูก่อนพะยะค่ะ เพราะข้ากลัวว่าจะมีคนไม่ยอมให้ข้าทำตามสิ่งที่ข้าต้องการ”

ทุกคนตกตะลึง คำพูดของเซียวเฉวียนดูเหมือนจะไม่ได้ขอรางวัล แต่ราวกับขอให้ความตายเกิดขึ้น!

สิ่งที่เซียวเฉวียนพูด ไม่มีคำว่า "ใต้ฝ่าพระบาท" และมันดูไร้มารยาทที่สุด

แต่ดูเหมือนฮ่องเต้จะไม่สนใจ เพียงแค่มองเขาอย่างเงียบ ๆ

ขันทีหม่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "เซียวฮุ่ยหยวน ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้พระองค์ที่ 9 และเป็นผู้ปกครองของโลกนี้ ฝ่าบาททรงสามารถหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการจากต้าเว้ย และมอบให้เจ้าได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางขัดขวางได้"

“จริงอย่างนั่นหรือ?” เซียวเฉวียนกระพริบตาถี่ๆราวกับเด็กไร้เดียงสา

“ข้าให้สัญญา” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

เซียวเฉวียนคุกเข่าลงทันทีและก้มหัวลงไป "ถ้าอย่างนั้น ข้าอยากจะขอสองรางวัล"

ทุกคนตกตะลึง เราสามารถขอสองรางวัลจากฮ่องเต้ได้อย่างนั้นหรือ? รางวัลเพียงรางวัลเดียวก็ถือเป็นความเมตตาของฮ่องเต้แล้ว รางวัลที่สองจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?

แต่เพราะได้เห็นเป็นประจักษ์ ฮ่องเต้จึงไม่ว่าอะไร "เจ้าพูดมา"

"เซียวเฉวียนมีความปรารถนาสองประการ ประการแรก ทาสคุนหลุนและฉินเฟิงก็ทำสิ่งเดียวกัน คือปกป้องท่านอ๋อง โปรดฝ่าบาททรงนึกถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ของพวกเขา และกำจัดสถานะทาสของพวกเขา และประการที่สอง อนุญาตให้เข้าสถานศึกษาชิงหยวน"

น้ำเสียงของเขาดังก้องกังวาล ราวกับมีฟ้าร้องดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

ทุกคนในที่นั้นรวมถึงฮ่องเต้ เข้าใจความปรารถนาข้อแรกของเซียวเฉวียน แต่ตกตะลึงกับความปรารถนาข้อที่สอง

ขันทีหม่าขมวดคิ้ว แอบชำเลืองมองฮ่องเต้อย่างเงียบๆ

ทาสคุนหลุนที่อยู่ต่ำที่สุดของห่วงโซ่ ถ้าถูกปลดออกจากการเป็นทาสก็จะเทียบเท่ากับการฟื้นฟูระบบการคุ้มครองผู้มีความสามารถ และนั้นคือความปรารถนาของฮ่องเต้ จึงกลายเป็นความเข้าใจระหว่างฮ่องเต้และเซียวเฉวียน

อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้เข้าสถานศึกษาชิงหยวนนั่น

สถานศึกษาชิงหยวนมีไว้สำหรับลูกหลานของตระกูลขุนนางและผู้มีอำนาจมาโดยตลอด และการรับเข้าสถานศึกษาชิงหยวนก็เทียบเท่ากับคนธรรมดาที่ได้รับการศึกษาที่ดี สิ่งนี้จะทำให้เกิดสนามพายุในสำนักอย่างแน่นอน และจะตามมาด้วยข้อโต้แย้งมากมาย

การเปลี่ยนวิธีการ ราวกับการเคลื่อนรากฐานของความรู้

นี่จะเป็นสงครามที่นองเลือดยิ่งกว่าการฟื้นฟูระบบการคุ้มครองผู้มีความสามารถ เซียวเฉวียนจะสามารถทำให้มันเป็นจริงตามความปรารถนาได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย