“ในวันนี้ ข้าจะทำให้ความปรารถนาข้อแรกของเจ้าสำเร็จ ข้อที่สองนั้น ข้าได้มีการออกพระราชโองการลับไปแล้ว และคงถูกซ่อนอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของสถานศึกษาชิงหยวน หลังจากการสอบต่อหน้าพระที่นั่ง หากเจ้าได้อันดับหนึ่ง ในตอนนั้นเจ้าจะรู้คำตอบของข้า”
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"
ฮ่องเต้พยักหน้าและหันไปทางฉินเฟิง
แม้เซียวเฉวียนจะไม่ได้รับคำตอบในวันนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย เรื่องภายในสำนัก ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะตอบตกลงกับทุกเรื่องได้ทันที ยิ่งกว่านั้น อันดับหนึ่งยังไงก็ต้องเป็นเขา เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลการแข่งขันเลยแม้แต่น้อย
ฉินเฟิงดูถูกเขา เป็นแค่ฮุ่ยหยวน คิดหรือว่าจะชนะได้? จองหอง! ในขณะเดียวกันฮ่องเต้ที่กำลังชื่นชมอยู่ ก็ทำให้ฉินเฟิงมีควาสุขมาก ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เซียวเฉวียนกลับยืนเงียบ ๆ ที่ด้านข้างและไม่ได้พูดอะไร
เซียวเฉวียนรู้ดีว่าฮ่องเต้ชื่นชมฉินเฟิงสำหรับความภักดีและความกล้าหาญของเขา เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่มุ่งความสนใจไปที่ตัวเอง ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการปกป้องเขาไปในตัว
“ฝ่าบาท ได้เวลาขึ้นว่าราชการแล้วพะยะค่ะ”
ขันทีหม่าดึงความสนใจจากฮ่องที่ที่กำลังสนทนากับฉินเฟิง เขาหันหน้าไปมองเซียวเฉวียนที่ยืนสงบนิ่งด้วยท่าทางที่อ่อนโยนราวกับรูปปั้น
“เซียวฮุ่ยหยวน ความปรารถนาสองข้อที่เจ้าขอนั้น เป็นผลประโยชน์ของบ้านเมือง แล้วตัวเจ้าล่ะ เจ้าไม่ต้องการขออะไรเพื่อตัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ฮ่องเต้พูดอย่างชัดเจน ซึ่งหมายความว่าพระองค์ต้องการตอบแทนเขาอีกครั้ง ขันทีหม่าไม่เคยเห็นฮ่องเต้เป็นเช่นนี้มาก่อน ขันทีหม่าเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เป็นอันรู้ว่าเซียวเฉวียนผู้นี้ เป็นที่ยอมรับ
“ไม่พะยะค่ะ” เคล็ดลับของเซียวเฉวียนมีหลักการเดียวกันกับความปรารถนาของเหล่าสตรี บางครั้งยิ่งเราปฏิเสธมันมากเท่าไหร่ คนอื่น ๆ ก็ยิ่งอยากจะมอบมันให้กับเรามากขึ้นเท่านั้น ในท้ายที่สุด เราก็จะได้มันมาโดยธรรมชาติและทิ้งสิ่งดีๆ ไว้ เป็นความประทับ
ฮ่องเต้ส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้”
เซียวเฉวียนยิ้มแต่ไม่ได้พูด
ฮ่องเต้นึกถึงสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจมาเป็นเวลานาน "ข้าได้ยินมาว่าเจี้ยนชือสัญญาว่าจะให้เงินหกหมื่นตำลึงแก่เจ้า แม้ว่าตอนนี้จะไม่เป็นดังนั้น แต่นี้เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียต่อตระกูลอย่างมาก เงินหกหมื่นตำลึงข้าจะมอบให้เจ้าแทนเสด็จอาของข้าเอง”
เป็นรางวัลที่เซียวเฉวียนคาดไว้
ความตั้งใจของฮ่องเต้ชัดเจน เซียวเฉียนอดได้เงินหกหมื่นตำลึงเพราะเจี้ยนชือคนนั้น
ถ้าไม่ตอบรับ จะดูเป็นคนโง่หรือไม่? เซียวเฉวียนโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม และตอบอย่างซื่อตรง "ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่กระหม่อมรับไว้มิได้"
เงินหกหมื่นตำลึงกับทองหกพันตำลึง
เงินที่จะได้รับเป็นรางวัลตอบแทน มีค่ามากกว่าทองที่ฉินเฟิงได้รับเสียอีก
ฉินเฟิงซึ่งก่อนหน้ายังคงภูมิใจ ในตอนนี้กลับตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
“เจ้าไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้น สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ” ฮ่องเต้ยื่นแส้ม้าสีเงินไปด้านหน้าของเซียวเฉวียน
ดวงตาของฉินเฟิงเป็นประกาย นี่เป็นแส้ที่หาที่ติมิได้! เป็นสมบัติส่วนพระองค์!
“เสด็จอาให้สิ่งนี้แก่ข้ามา เป็นของที่หายากมาก ข้าพึ่งได้สิ่งนี้มา ไว้ข้าจะจับคู่กับม้าให้เจ้า สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์และใช้งานได้ง่ายกว่ากระถางธูปอันนั้น"
คำพูดของฮ่องเต้ แฝงไปด้วยนัยยะสำคัญ
จะสื่อว่าแส้ สามารถเอาไว้เฆี่ยนตีคนได้ดีกว่ากระถางธูปอย่างนั้นรึ?
ในวันสอบ จูเหิงกับเซียวเฉวียนมีเรื่องนิดหน่อย และฮ่องเต้ก็รู้เรื่องนั้นดี
เซียวเฉวียนมองดูแส้ คงไม่ได้หมายความว่าให้ข้าจัดการให้สิ้นซากหรอกนะ หึ! ฮ่องเต้พระองค์นี้ น่าสนใจใช่เล่น ด้วยแส้นี้ ข้าจะทำให้หัวของจูเหิงแตกเป็นดอกไม้บานเลย!
ใช่แล้ว สิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการคือจัดการกับเขาให้สิ้นซาก
ดวงตาของขันทีเป็นประกาย วันนี้ฝ่าบาทมีน้ำพระทัยอันล้นพ้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นคำสั่งของฮ่องเต้ต่อเซียวเฉวียน และฮ่องเต้กำลังขอศีรษะของจูเหิง
จูเหิงทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคือง แม้เว้ยเจียนกั๋วจะจัดการกับเขา แต่ฮ่องเต้ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เซียวเฉวียนรับไป เขาเองก็ไม่พอใจจูเหิงมานานแล้วเช่นกัน
ฉินเฟิงรู้สึกไม่พอใจ เซียวเฉวียนไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขาได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากฮ่องเต้ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าฝ่าบาทชอบอะไรในตัวเขา!
หลังจากที่เซียวเฉวียนได้รับรางวัล ก็ใกล้ได้เวลาการว่าราชการในวันนี้แล้ว
หลังจากที่เซียวเฉวียนน้อมรับแส้แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีน้ำพระทัยต่อราษฎรผู้ต่ำต้อยคนนี้มาก ข้าผู้ต่ำต้อยรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระองค์ ข้าน้อยเองจะอุทิศร่างกาย และรับใช้ฝ่าบาทอย่างจริงใจ!"
ทันใดนั้น ฉินเฟิงก็รู้สึกเดือดดาลทันที
"บิดาของข้าน้อย ทิ้งของดูต่างหน้าไว้ให้ ข้าน้อยทะนุถนอมมันอย่างดีและรู้สึกว่าไม่มีใครเหมาะสมกับมันได้นอกจากพระองค์เท่านั้น”
คำพูดไม่กี่คำของเซียวเฉวียนไม่เพียงแต่เยาะเย้ยฉินเฟิงเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความสนใจของฮ่องเต้อีกด้วย "งั้นรึ? ไหน ข้าขอดูหน่อย?"
ฉินเฟิงกัดฟัน ทวดแกสิไอ้เซียวเฉวียน!
เขาคิดว่าเซียวเฉวียนจะปล้นหรือใช้อุบายต่างๆ เพื่อนำกระบี่ฉุนจุนกลับไป แต่เขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉวียนจะใช้วิธีนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...