บทที่ 1224 เยี่ยมบ้าน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1224 เยี่ยมบ้าน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ฉะนั้นปัญหามาแล้ว เว่ยเชียนชิวออกจากวัง เสียงที่ชาวเมืองหลวงปราบปรามเว่ยเชียนชิวยังไม่ผ่านพ้นไป เว่ยเชียนชิวจะไปที่ใดได้?
ด้วยนิสัยของชาวราษฎร เมื่อเห็นเว่ยเชียนชิว ก็ไม่แน่ว่าจะถูกดืทอดูถูก โยนไข่เน่าและผักใบไม้เน่าใส่เขา
เว่ยเชียนชิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทาในใจ เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากและน่าอับอายเช่นนี้
สถานการณ์เช่นนี้ รับไม่ได้ รับไม่ได้
ทันใดนั้น เว่ยเชียนชิวก็จ้องมองไปที่หวังหลิน พูดอย่างใจเย็น: "ถอดเสื้อคลุมบนร่างกายของเจ้าออกมา"
เสื้อคลุมบนร่างของหวังหลิน แม้ว่ามันเก่าแล้ว แต่มันก็มีเหตุผลที่ทำให้เว่ยเชียนชิวต้องตา มันมีหมวกด้วย
ตราบใดที่เว่ยเชียนชิวสวมเสื้อคลุมตัวนี้ และสวมหมวกใบนั้น ก็จะไม่มีใครจำเขาได้แล้วมิใช่หรือ
เมื่อได้ยินว่าเว่ยเชียนชิวขอให้หวังหลินถอดเสื้อคลุมของเขาออกหวังหลินก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขาก้มศีรษะลงและมองดูเสื้อคลุมของเขา เสื้อคลุมของเขาเก่ามากเนื้อผ้าก็ไม่ดีเลย เจียนกั๋วอยากให้มันทำไมกันนะ?
เมื่อเห็นว่าหวังหลินชักช้ายังไม่ถอดเสื้อคลุมออกเป็นเสียที เว่ยเชียนชิวจึงพูดอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย: "มัวชักช้าอะไร?"
หวังหลินรีบดึงเชือกผูกเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว ถอดเสื้อคลุมออกแล้วส่งให้เว่ยเชียนชิวอย่างสงสัย
เว่ยเชียนชิวรับเสื้อคลุมมา ภายใต้การจ้องมองที่งุนงงของหวังหลินเขาเหวี่ยงเสื้อคลุมไปทางหลัง จากนั้นผูกเชือกสองสามทีแล้วคลุมหมวกนนศีรษะ
หลังหลินและองครักษ์ที่เฝ้าประตูพระราชวังตกตะลึงกับรูปลักษณ์นี้
หมวกนั้นพอดี สามารถสวมบนศีรษะของเว่ยเชียนชิวได้
แต่เมื่อมองดูเสื้อคลุมบนตัวเขา ก็เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถปกปิดร่างกายที่กำยำแข็งแรงของเว่ยเชียนชิวได้ เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ที่ขโมยเสื้อผ้าของเด็กมาใส่ มันดูตลกที่สุด
หวังหลินอยากเตือนเว่ยเชียนชิวด้วยความหวังดีว่า เสื้อคลุมนี้ไม่เหมาะสำหรับเว่ยเชียนชิว
แต่หวังหลินก็เปลี่ยนความคิด ตัดสินใจที่จะช่างมัน เกรงว่าเว่ยเชียนชิวจะคิดว่าหวังหลินไม่เต็มใจสละเสื้อคลุม
ท้ายที่สุดแล้ว เว่ยเชียนชิวเองก็สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ว่ามันเหมาะสมสำหรับตัวเขาเองหรือไม่
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เว่ยเชียนชิวถามว่า: "ครอบครัวของเจ้ามีใครบ้าง?"
บ้านเกิดของหวังหลินไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เพราะเขาต้องการมาเข้าสอบที่เมืองหลวง ครอบครัวของเขาก็เอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา รวบรวมเป็นเงินทอง มอบให้กับหวังหลินเพื่อที่เขาจะได้มาสอบได้อย่างสบายใจ
เดิมทีหวังหลินวางแผน จะกลับไปที่บ้านเกิด หลังจากเสร็จสิ้นการสอบ และผลสอบออกมา ดังนั้นเงินนี้จึงมากเกินพอ
ตามประสบการณ์ของปีก่อนๆ ใช้เวลาไม่นาน
เพียงแต่ไม่คิดว่า การสอบเคอจี่ในปีนี้ มักจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย และล่าช้าเป็นเวลานาน หวังหลินใช้ชีวิตอย่างประหยัด จึงได้เช่าบ้านที่เรียบง่ายใกล้เมืองหลวงพักอาศัย
ประคองมาจนถึงตอนนี้ หวังหลินยากจนมาก จนเกือบจะหมดข้าวสารที่จะหุงแล้ว
วันนี้ หวังหลินมาที่เมืองหลวง ก็เพื่อสำรวจข่าว ดูว่าจะมีทางรอดอื่นหรือไม่
คาดไม่ถึงว่า ได้พบกับเว่ยเชียนชิวโดยบังเอิญ
เว่ยเชียนชิวยังสนใจว่าครอบครัวของหวังหลินยังมีใครอีก หวังหลินอดไม่ได้ที่จะสงสัย หรือว่าเว่ยเชียนชิวจะตกรางวัลหวังหลินที่ช่วยเขาในเมื่อครู่นี้หรือไม่?
ถ้าเป็นเช่นนี้จะดีมาก หวังหลินไม่ต้องกังวลเรื่องการยังชีพของเขาแล้ว
ทุกคนรู้ดีว่าเว่ยเชียนชิวมีเงินมากมาย ขอแค่เล็ดลอดออกมาจากระหว่างนิ้วของเขาได้เพียงเล็กน้อย หวังหลินก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายปีแล้ว
โอ้โห กำลังจะรวยแล้ว
"เรียนท่านเจียนกั๋ว ข้ามีพ่อแม่และน้องชายอยู่ที่บ้าน" หวังหลินพูดด้วยความเคารพและระงับความตื่นเต้นในใจ
"เจ้าเป็นคนเมืองหลวงรึ?" เว่ยเชียนชิวขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เว่ยเชียนชิวพยายามเกลี้ยกล่อมหวังหลินนั้น แม้ว่าเว่ยเชียนชิวจะเคยได้ยินลูกน้องของเขารายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของหวังหลิน แต่เว่ยเชียนชิวก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่ไม่มีนัยสำคัญเหล่านี้ในตอนแรก ดังนั้นเขาจึงเพียงฟังผ่านๆ ไม่ได้จดจำเป็นพิเศษ
"ไม่ใช่ขอรับ" หวังหลินตอบอย่างคล่องแคล่ว
"ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน" ด้วยวิธีนี้ มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่หวังหลินอาศัยอยู่ตามลำพังในขณะนี้ และเว่ยเชียนชิวรู้สึกว่ามีความหวังสำหรับที่ตั้งถิ่นฐานของเขาแล้ว
"ชานเมืองหลวงขอรับ" ณ จุดนี้หวังหลินอดไม่ได้ที่จะพึมพำ เจียนกั๋วใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชาเยี่ยงนี้เลยหรือ?
เป็นเรื่องน่าอบอุ่นใจจริงๆ ที่มีผู้นำที่ดีเช่นนี้
ฮือฮือฮือ
หลังหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกปิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาและพูดโกหก เขาบีบรอยยิ้มที่ดีกว่าการร้องไห้แล้วพูดว่า: "ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ท่านเจียนกั๋วจู่ๆ ก็พูดว่าจะไปเยือนที่บ้าน ข้าน้อยตื่นเต้นมากจนเดินไม่ไหวขอรับ"
ใช่ หวังหลินตื่นเต้นมาก
……
……
พระราชวัง
เซียวเฉวียนเข้าวังอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฮ่องเต้มีความสุขอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ตรัสด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า: "ราชครู มีเรื่องอันใดจึงเข้าวังในครั้งนี้?"
ดังสุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า ไม่มีธุระไม่มาซันเป่าเตี้ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างเซียวเฉวียนที่ขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าสังคมปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ถ้าไม่มีธุระ มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าวัง
เซียวเฉวียนเลือกเก้าอี้ตามใจ แล้วนั่งลง ไขว่ห้าง ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเล่าถึงสิ่งที่เขาคิดในตลาด
เมื่อฮ่องเต้ได้ฟัง ดังนั้นก็ตาวาววับและตรัสว่า: "เรื่องนี้ดีมาก ข้าขอขอบคุณราชครูในนามของชาวเมืองหลวง"
ทุกวันนี้ ฮ่องเต้ก็มีแนวคิดเรื่องการบรรเทาทุกข์เช่นกัน แต่ในเมืองเมืองหลวงอันกว้างใหญ่นั้น การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ และการอาศัยคลังสมบัติเพียงอย่างเดียวเพื่อสนับสนุนนั้นคงหนักเกินกว่าจะแบกรับได้
ดังนั้น การระดมทุนจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
แม้ว่าฮ่องเต้จะคิดวิธีนี้ แต่เขาก็กังวลว่าจะไม่มีใครริเริ่ม และฮ่องเต้ก็ไม่รู้ว่าจะตรัสอย่างไรมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อฮ่องเต้เปิดปากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขุรนางในราชสำนักจะไม่กล้าขัดคำสั่ง จะระดมทุนเพราะคำสั่งของฮ่องเต้ อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ทรงรู้ดีว่า ความกระตือรือร้นของพวกเขานั้นไม่สูงอย่างแน่นอน แค่ควักออกมานิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้ผ่านปัญหา
ตอนนี้ เซียวเฉวียน ซึ่งพวกเขากล่าวว่าหยิ่งและยโส ได้เป็นผู้นำในการใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเมืองหลวงหลังภัยพิบัติ นั่นเท่ากับแตกต่างออกไปอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...