บทที่ 1234 ไปลานอี้หง – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1234 ไปลานอี้หง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
พอคิดเช่นนี้ ภายในใจของเซียวเฉวียนก็อดสั่นไหวไม่ได้ หรือว่าลานอี้หงเป็นสถานที่สอดแนมของตระกูลจาง?
หากเป็นเช่นนี้ละก็ ทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ได้พบความลับของตระกูลจางโดยไม่รู้ตัว
หากว่าสามารถเปิดโปงแผนในลานอี้หงออกมาได้ ไว้ให้ตัวเซียวเฉวียนช่วงใช้ก็คงไม่เลวเช่นกัน
ทว่า หนุ่มขึ้นคานที่มาจากยุคปัจจุบันของประเทศจีนอย่างเซียวเฉวียน การจะห้มาบริหารลานอี้หง เซียวเฉวียนรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก
กลับกันแล้วจางจิ่นก็กลับตัวกลับใจมาเข้าพรรคกับฝ่าบาทแล้ว เช่นนั้นลานอี้หงจะอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทไว้ใช้สอยได้ ดังนั้นแล้ว เซียวเฉวียนจะวางแผนกับมันไปก็ไม่ได้อะไร
สุดท้ายแล้ว เซียวเฉวียนเลยล้มเลิกความคิดนี้เสีย
ทว่า คนชั่วช้าอย่างจางเคอผู้นี้ เป็นผู้หลบหนีผู้หนึ่ง หากว่าให้เขาพักอยู่ที่ลานอี้หงต่อกินดีอยู่ดีแล้วมีคนงามเคียงข้าง ไม่ใช่ว่าจะให้มันตายสบายไปหน่อยหรือไร?
ผู้หลบหนีย่อมไม่มีคุณสมบัติจะเสพสุขกับการปรนนิบัติชั้นเลิศเช่นนี้
คิดๆ ไปแล้ว มุมปากของเซียวเฉวียนก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“เหมิงเอ้า” เซียวเฉวียนเอ่ยเรียกเสียงเบาครั้งหนึ่ง
พอถูกไอดอลอันดับหนึ่งในใจเรียกหา เหมิงเอ้าก็ตื่นเต้นจนยิ้มไม่หุบ เขาหันกายปราดเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าเซียวเฉวียน จากนั้นก็เอ่ยปากเสียงดังว่า “นายท่าน! บ่าวอยู่ที่นี่”
พูดมาได้ครึ่งหนึ่ง เหมิงเอ้าก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่าเซียวเฉวียนพูดกับเขาหลายรอบแล้วว่าอย่าเอ่ยปากเสียงดัง ดังนั้นจึงพยายามลดระดับเสียงลงไป
คำพูดของสุดยอดไอดอลเช่นนี้ เขาย่อมต้องเชื่อฟัง ไม่เช่นนั้น วันไหนเขาถูกไอดอลตนเองรังเกียจเข้าละก็ มิใช่ว่าเขาจะน่าสงสารมากหรอกหรือ
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหล่านี้ของเหมิงเอ้า เซียวเฉวียนไม่ได้จดจำมันไว้ในสายตา เมื่อได้ยินความในใจ เซียวเฉวียนก็อดยกยิ้มหัวเราะพลางส่ายหน้าไม่ได้ เจ้าเด็กเหมิงเอ้าผู้นี้ มีบางครั้ง เซียวเฉวียนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเลยจริงๆ
“เจ้ารีบไปที่ลานอี้หงเสียก่อน จากนั้นหาตัวจางเคอออกมา ก่อเรื่องก่อราวใหญ่โต ยิ่งวุ่นวายเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น” เซียวเฉวียนกำชับพลางเอ่ยด้วยสายตาเป็นประกาย
พอได้ฟังว่าเซียวเฉวียนต้องการให้เหมิงเอ้าไปที่ลานอี้หง สีหน้าของเหมิงเอ้าก็พลันแดงขึ้นมา
แม้ว่าเหมิงเอ้าไม่เคยไปที่ลานอี้หงมาก่อน แต่เขาก็รู้ว่าสถานที่นั่นคือสถานที่แบบใด เซียวเฉวียนเรียกให้เหมิงเอ้าไปก่อเรื่องที่ตรงนั้น เหมิงเอ้าแสดงท่าทีลำบากใจ
แล้วยิ่ง เหมิงเอ้าไม่เคยกระทั่งกุมมือของสตรี จู่ๆ ไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยคาวโลกีย์เช่นนั้น ภายในใจของเหมิงเอ้าไม่สงบเลย
ว่ากันตามจริงแล้ว ให้เหมิงเอ้านำทัพ อาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวก็ต้านทหารนับพันม้านับหมื่นได้ และเหมิงเอ้าก็ไม่เคยตื่นเต้นปานนี้มาก่อน
เมื่อเห็นเหมิงเอ้ายังคงยืนลังเลไม่เอยวาจา เซียวเฉวียนก็เข้าใจความกังวลภายในใจของเหมิงเอ้า เขาฉีกยิ้มบางเบา “หากว่าเจ้าไม่คิดจะไป เช่นนั้น ข้าจะก็จะให้เสี่ยวเชียนชิวไป”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ยังไม่ทันรอให้เซียวเฉวียนเอ่ยปากเรียกเสี่ยวเชียนชิว เสี่ยวเชียนชิวที่ผ่านทางมาพอดีก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเสนาะหูว่า “ท่านพ่อ เรียกเสี่ยวเซียนชิวไปที่ใดกันหรือ?”
“ไปลานอี้หงหาตัวจางเคอเสีย” สีหน้าแววตาของเซียวเฉวียนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางเบา
สาวน้อยผู้หนึ่งแต่ไหนแต่ไรมายโสโอหังเช่นนี้ ให้นางไปที่ลานอี้หง คงจะก่อเรื่องวุ่นวายเสียจนไก่หมากระเจิงไปหมด ก็ไม่เลวเหมือนกัน
เคราะห์ดี ถือโอกาสให้เสี่ยวเชียนซิวได้เรียนรู้อะไรเสียเลย มิอย่างนั้นจะให้เสี่ยวเชียนชิวใสซื่อไม่รู้อะไรเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ดี
ลานอี้หงงั้นหรือ?
เสี่ยวเชียนชิวไม่รู้ว่าลานอี้หงเป็นสถานที่เช่นใด
แต่ว่าในเมื่อเซียวเฉวียนบอกให้นางไป นางก็ย่อมตอบรับด้วยความยินดี “เอาละ เช่นนั้นเสี่ยวเซียนชิวจะไปเจ้าค่ะ”
กล่าวแล้ว เสี่ยวเซียนชิวก็หายตัวไปในทันทีไม่เห็นเงา
เมื่อเห็นแม่นางน้อยอย่างเสี่ยวเชียนชิวรับปากอย่างร่าเริงเช่นนี้ เหมิงเอ้าชายชาตรีก็ไม่อาจจะบิดพลิ้วได้ เขาจึงเอ่ยปากอย่างค่อนข้างรู้สึกผิดขึ้นมา “นายท่าน ข้ายังคงไปตามไปช่วยดูคุณหนูสักหน่อย กันไม่ให้นางถูกคนรังแก”
เสี่ยวเชียนชิวอาละวาดใส่คนนอกเสียขนาดนั้น พละกำลังก็ไม่ธรรมดา ใครมันจะรังแกนางได้กัน?
นางไม่รังแกคน ก็ขอบคุณพระพุทธองค์แล้ว
แต่ว่า เหมิงเอ้าก็แค่หาที่ลงให้ตัวเอง เซียวเฉวียนจะไม่เปิดโปงเขาเช่นกัน เขาพยักหน้ากล่าว “ไปเถอะ”
ลานอี้หง
ลานอี้หงตั้งอยู่ตรงแหล่งที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง
ในเวลานี้ สีท้องฟ้าค่อนข้างมืดลงมาแล้ว แสงตะเกียงเริ่มจุด
บนถนนในเมืองนั้นจำนวนคนเริ่มเพิ่มมากขึ้น แม่นางของลานอี้หงก็เริ่มต้อนรับผู้คน
เหล่าแม่นางสวมเสื้อเปิดเว้า แต่งตัวกันประชันสุดฤทธิ์ ด้านหนึ่งขยับเอวที่อ่อนโยนปานไม่มีกระดูก อีกด้านโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วหวาน “ท่านแขก มาสิ เข้ามาข้างในเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเชียนชิวที่นั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามลานอี้หงพลันสายตาสว่างวาบแล้วคิดในใจ นี่แม่นางพวกนี้ทำเรื่องอะไรกันอยู่นะ?
พอเห็นผู้ชายก็ทำท่าจะลากพวกเขาเข้าไปข้างในด้วยท่าทางร้อนแรงปานไฟ?
เสี่ยวเชียนชิวที่ภายในใจสงสัยขั้นสุดก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ นางอดถามเหมิงเอ้าที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ “เหมิงเอ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่นางพวกนี้กำลังทำสิ่งใด?”
พอได้ยินแล้ว มุมปากของเหมิงเอ้าก็อดกระตุกไม่ได้ สายตาของเขาพลันกลอกไปมา ภายในใจขบคิด เรื่องนี้เขาควรจะพูดกับเสี่ยวเซียนชิวหรือไม่?
เหมิงเอา ก็เผยสีหน้าข้ารู้อะไรเยอะแยะออกมาพลางกระแอมไอแล้วเอ่ย “คุณหนู แม่นางพวกนี้นั้น”
เหมิงเอ้ากำลังเตรียมจะอธิบายอย่างกล้าหาญครั้งหนึ่ง ไม่ทันคิดเลยว่าจะถูกเสี่ยวเซียนชิวตัดตอน “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้แล้ว”
ต่อหน้าเสี่ยวเซียนชิว เหมิงเอ้าที่เป็นคนระดับนี้ ไม่อาจจะเก็บความลับไว้ได้
ทั้งจวนเซียวนั้น เหมิงเอ้าเป็นคนที่พูดมากที่สุด ยิ่งตอนหลังๆ เซียวเฉวียนบีบให้เหมิงเอ้าเรียนหนังสือ นิสัยแบบนี้ของเหมิงเอ้ายิ่งปรากฏชัด
เห็นได้ชัดว่าพูดไม่กี่คำก็พูดเรื่องนี้จบแล้ว เหมิงเอ้ายังต้องใช้ความรู้อะไรของเขาอีกหรือ
แถมหลังจากปรับตัดทอนคำพูดหลายครั้งจนกลายเป็นเรื่องราวยืดยาว คำพูดต่างๆ นานายังพ่นออกมาจากปากเขาไม่หยุด พ่นจนทุกคนง่วงงุนผล็อยหลับเขาถึงจะพูดถึงจุดสำคัญได้
แล้วถ้านางต้องมาเสียเวลาเช่นนี้ เสี่ยวเซียนชิวไม่สู้อ่านความในใจของเหมิงเอ้าไปเลยตรงๆ จึงจะเหมาะสมเสียกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...