แม่เล้าเหลือบมองไปที่ห้องนั้นอย่างไม่ทิ้งร่องรอย พูดเหมือนร้อนตัว "นี่ ต้องมีใครกุเรื่องนี้ขึ้นแน่ๆ"
”จริงหรือ ?” เซียนชิวน้อยลุกขึ้นยืนและหันไปมองแม่เล้าอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “เหมิงเอ้า ขึ้นไปดูสิ”
เหมิงเอ้ารับคำสั่งและตอบอย่างร่าเริง "ขอรับ นายน้อย"
นายน้อย ?
คราวนี้ ผู้ที่มุงดูเหตุการณ์ก็รู้ว่าเซียนชิวน้อยเป็นใคร ที่แท้เธอคือลูกสาวของเซียวเฉวียนนี่เอง
แต่ทำไมเซียวเฉวียนมีลูกสาวตัวโตขนาดนี้หรือ ?
ในนั้นมีคนหนึ่งที่ดูสมองฉลาดกว่าหน่อยตอบข้อสงสัยว่า "น่าจะเป็นลูกสาวบุญธรรมกระมัง"
ก็เซียวเฉวียนกับองค์หญิงต้าถงเพิ่งจะแต่งงานกันไม่นาน องค์หญิงต้าถงก็สิ้นพระชนม์ไปแล้วด้วย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวเฉวียนยังเป็นโสดตอนนี้
พูดไปพูดมา เซียวเฉวียนคนนี้ก็ประสบชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นกัน อุตส่าห์ได้ก่อสร้างจวนเซียวขึ้นมาใหม่ ได้ตั้งตัวมีครอบครัว แต่มาถูกสังหารหมู่ทั้งตระกูล
ดิ้นรนมาได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเซียวเฉวียน
กระทั่งมีชาวบ้านไม่น้อยซึ่งเคยเยาะเย้ยเซียวเฉวียนแต่ก่อน เริ่มรู้สึกละอายต่อเซียวเฉวียนที่ไปซ้ำเติมเขา
เดิมที ทุกคนล้วนเป็นคนที่น่าสังเวช พวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเซียวเฉวียน แต่พวกเขาก็ยังไม่ลดละที่จะดูถูกเซียวเฉวียนและถากถางเขา ซึ่งไม่ควรทำจริงๆ
ทางโน้น ผู้คนพูดคุยต่างๆ นาๆ อารมณ์หลากหลาย
ทางนี้ แม่เล้าเห็นว่าเหมิงเอ้าเตรียมจะขึ้นไปชั้นบนจริงๆ แม่เล้าแอบกวักมือ ส่งสัญญาณให้สาวๆ มาเกาะเหมิงเอ้าเอาไว้
แต่แล้ว พอเหมิงเอ้าเห็นสาวๆ ล้อมกันเข้ามา เขาก็เคลื่อนร่างแวบเดียว ขึ้นไปยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นบนแล้ว
สาวๆ จะไล่ตามยังไง ก็ตามไม่ทัน
แม่เล้าเห็นสภาพ ร้อนใจวิตกยิ่งนัก มือขยี้ผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยสีหน้าเศร้าสลด
จบกันที ถ้าจางเคอถูกเหมิงเอ้างัดออกมาต่อสายตาผู้คนในที่สาธารณะจริงๆ แม่เล้าจะต้องกลับบ้านเก่าแน่ๆ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แม่เล้าไม่มีทางเลือกจึงรีบขึ้นไปชั้นบนอย่างเร่งรีบพลางตะโกนเสียงดัง "โอ้ นายท่านคนนี้ ใต้เท้าจางไม่อยู่นี่จริงๆ โปรดมีน้ำใจหน่อย อย่ารบกวนแขกคนอื่นเขา"
หวังให้จางเคอได้ยิน จะได้หลบหนีไปให้ทันเวลา
ตอนนี้ จางเคอที่กำลังสนุกสนานอยู่ในห้อง มือซ้ายกอดสาวงามคนหนึ่ง มือขวากอดอีกคนหนึ่ง ฟาดเหวี่ยงกับสาวงามกำลังเร่าร้อนได้ที่
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของแม่เล้า จางเคอก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างหมดอารมณ์ ได้ยินมีการเคลื่อนไหวที่นอกประตู
เวลานี้ เสียงของแม่เล้าดังขึ้นอีก "นายท่าน ใต้เท้าจางไม่อยู่ที่นี่จริงๆ"
แม่เล้าตาจ้องแต่เหมิงเอ้า ไม่ได้สังเกตว่าเซียนชิวน้อยหายตัวไปไหนแล้ว
แต่เหมิงเอ้าเห็นเข้าแล้ว
ไม่ต้องคิดอะไรมาก เซียนชิวน้อยต้องแอบเข้าไปในห้องของจางเคออย่างแน่นอน
ด้วยความสามารถของเซียนชิวน้อย เธอแอบเข้าไปโดยไม่มีใครรู้ ไม่มีปัญหาแม้แต่นิด
ถ้างั้น เหมิงเอ้าก็ยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม รอให้เซียนชิวน้อยไปเจอะเจอจางเคอสักหน่อย
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเหมิงเอ้าไม่ได้เดินต่อไป แม่เล้าก็รู้สึกโล่งใจ
แต่ว่า นางก็ไม่ได้ชะล่าใจ ตาของนางสองดวงก็ยังจับจ้องอยู่ที่เหมิงเอ้าอย่างไม่ลดละ
นางไม่รู้เลยว่า นางกำลังจ้องระวังผิดคน
แค่พักเดียว ประตูห้องนั้นก็ดังปัง มีคนถีบมันเปิดออกจากด้านใน
แม่เล้าที่ได้ยินการเคลื่อนไหวก็รีบเหลือบมองไป เห็นประตูสองบานล้มลงกับพื้น เธอแอบกรีดร้องในใจว่าแย่แล้ว
ต่อจากนั้นทันที ก็มีเสียงตะโกนของจางเคอดังมา "อา! ปล่อยข้า !"
เสียงนี้ทำให้หัวใจของแม่เล้าจะวายให้ได้ ขณะที่รีบเข้าไป นางพึมพำอยู่ในใจ "จบแล้ว จบแล้วเรา"
ไม่ต้องคิดมาก ต้องเป็นอีป้าตัวน้อยนั่น ถือโอกาสแม่เล้าไม่ได้ระวัง แอบเข้าไปในห้องของจางเคออย่างเงียบ ๆ ไปกลั่นแกล้งจางเคอ
“ยัง ยังไม่รู้” เซียวเจิ้งเอ่ยปากทั้งหอบพลางต่อต้านการโจมตีของชายชุดดำ
ชายชุดดำพวกนี้ รับมือได้ยากจริงๆ
สู้กันมาตั้งนานแล้ว ผู้คนของบ้านเซียวก็ได้ล้มเจ็บไปเจ็ดแปดคนแล้ว แต่พวกเขาสูญเสียไปแค่สามคนเท่านั้น
สามคนนั้นได้มาจากคนในบ้านเซียวฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน ถือจังหวะพวกเขาไม่ทันระวังใช้ธนูยิงตายไป
มันยากมากจริงๆ
“ไป่ฉี เจ้าติดตามเซียวเฉวียนอยู่ประจำและเห็นอะไรมาเยอะ เจ้ารู้ไหมว่าคนพวกนี้เป็นใคร” นั่นไง บ้านตระกูลเซียวแยกตัวออกจากโลกภายนอกมาหลายปี ไม่สนใจเรื่องภายนอก ถามพวกเขา ไปถามไป่ฉีเลยยังจะดีกว่า
“ขอเรียนตอบท่านยาย ดูเหมือนเป็นคนมาจากเขาคุนหลุน” ไป่ฉีตอบท่านยายอาวุโสพลางวุ่นกับชายชุดดำ
ไป่ฉีเคยเห็นและรู้จักวิทยายุทธ์ของชาวคุนหลุน การเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมและกล้าหาญเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์ของชาวคุนหลุน
ตีไปตีไป นักฆ่าก็เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้น มีร่างเงาสี่ลำโจมตีเข้าหาไป่ฉีมาพร้อมกัน ในนั้นยังมีคนส่งเสียงด่าว่าไป่ฉี "ไป่ฉี ไอ้คนทรยศ !"
คำกล่าวเช่นนี้ ไป่ฉีก็ฟังรู้เรื่อง สิ่งที่เขาหมายถึงคือ ไพร่คุนหลุนทุกคนสืบทอดจุดเด่นแห่งความกล้าหาญและวิชาการต่อสู้จากชาวคุนหลุน จึงควรรับใช้เขาคุนหลุน แต่ไป่ฉีและพวกกลับยอมถ่อมตนไปเป็นผู้อารักขาให้กับผู้รู้หนังสือชาวต้าเว่ย
การกระทำนี้ เป็นการกระทำที่ลืมรากเหง้าของตัวเอง เป็นการทรยศต่อคุนหลุน
แต่ว่า ไป่ฉีซึ่งอยู่ในสภาวการณ์ต่อสู้ไม่ได้คิดมาก ตั้งหน้าตั้งตาสู้อย่างสุดกำลัง
เสียงปะทะกันของดาบอันดุเดือดมีศักยภาพที่จะโค่นล้มบ้านเซียวพังลงทั้งหลัง
แต่ในขณะที่เขาสู้กันไป ไป่ฉีก็ค่อยๆ ต้านไม่ไหว ในระหว่างการสู้รบ ไป่ฉีไม่ลืมที่จะใส่ใจกับสถานการณ์ในฝั่งของท่านยายอาวุโส
ฝั่งของท่านยายอาวุโสนี้ก็รบกันอย่างยากลำบากเช่นกัน
ไป่ฉีคิดกับตัวเองว่าถึงตัวเองจะรบจนตัวตายก็ไม่หวั่น แต่เขาได้รับคำสั่งจากเซียวเฉวียนให้คุ้มครองท่านยายอาวุโสกลับถึงบ้านเซียว เขาไม่สามารถปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านยายอาวุโสได้ เขาจะเบิกตามองบ้านเซียวถูกล้างบางไม่ได้
ดังนั้น ไป่ฉีจึงต้องส่งสารถึงเซียวเฉวียน ขอให้เซียวเฉวียนมาช่วยเหลือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...