ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1258

สรุปบท บทที่ 1258 เรื่องน่าเบื่อ: ซูเปอร์ลูกเขย

อ่านสรุป บทที่ 1258 เรื่องน่าเบื่อ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บทที่ บทที่ 1258 เรื่องน่าเบื่อ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเจ้าของร้านได้กล่าวเตือนอี้กุยแล้ว

ในเมื่อสามารถมองเห็นอนาคตของหอคุนหวูแล้ว ไม่รอให้สัญญาณมันเกิดขึ้น ตอนนี้ก็ยุติดำเนินกิจการต่อภายนอกไปเลย ยังสามารถรักษากิตติศัพท์ในตำนานและสถานะเอาไว้ได้

ในเมื่อการบอกเลิกเองกับถูกบังคับให้เลิกนั้น ความหมายมันต่างกันลิบลิ่ว

กรณีถูกบังคับให้เลิก ถึงตอนนั้นหอคุนหวูจะตกเป็นเรื่องขบขันของบุคคลทั่วไปอย่างแน่นอน

แต่ถ้าบอกเลิกเอง คือการล้างมือหลังจากประสบความสำเร็จ จะกลายเป็นเรื่องที่ดีงามในตำนาน

ไม่พูดถึงอย่างอื่น อย่างน้อยก็สามารถรักษาไว้ซึ่งกิตติศัพท์และสถานะที่บรรพบุรุษได้สร้างมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

พอได้ฟังสิ่งที่อี้กุยพูด เจ้าของร้านก็รู้สึกว่ามีเหตุผลทีเดียว

แต่พอคิดละเอียดอีกที เจ้าของร้านก็รู้สึกว่ามีติดขัดอะไรบางอย่าง แต่ว่ามันคืออะไรเจ้าของร้านก็ไม่สามารถบอกได้ในทันที

“คุณชาย ตามที่ข้าน้อยว่านะ อย่าเพิ่งบอกเลิกดีกว่า” เจ้าของร้านคิดอยู่พักหนึ่ง นึกเสียดายต่องานในมือนี้ขึ้นมา

อย่างที่อี้กุยกล่าว สัญญาณของเรื่องนี้ยังไม่เกิด จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเร็วขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม อี้กุยยืนกรานว่า "ไม่สำคัญ ข้าจะได้มีเวลามากขึ้นไปช่วยลุงปู่ดูแลกิจการของเขา"

โอ้ !

พอเจ้าของร้านได้ยิน เขาก็ตระหนักได้ทันที ว่ามีติดขัดตรงไหน ที่แท้ปัญหาอยู่ตรงนี้ อี้กุยมีกิจการตัวเองไม่อยากทำ แต่จะไปช่วยจวนตระกูลเซียวนี่เอง

น่ากลัวมีความคิดนี้มานานแล้ว แต่หาข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้นไม่ได้เสียที

วันนี้ได้ข้อแก้ตัวเป็นที่เรียบร้อย และอี้กุยต้องคว้าไว้และใช้มันให้เป็นประโยชน์ ล้มเลิกกิจการของบ้านเขาเองอย่างถูกหลักธรรมนองคลองธรรม

คนรวยแล้วโง่จริงๆ !

เจ้าของร้านเหลือบมองอี้กุยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ราวกับจะพูดแต่กลับลังเล

เขามีเรื่องมากมายจะพูดกับอี้กุย แต่เมื่อคิดอีกที สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาแค่ถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนว่าเด็กโตแล้วไม่ฟังพ่อแม่แล้วอย่างนั้น

เห็นสีหน้าของเจ้าของร้าน อี้กุยพูดอย่างราบเรียบ "ข้าได้ยินจากฝ่าบาทว่า ลุงปู่กำลังเตรียมที่จะค้นคว้าพัฒนาอาวุธชนิดใหม่ ดูเหมือนจะเรียกว่าปืน"

ว่ากันว่า ปืนเป็นรุ่นเกาทัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงเป็นพิเศษ กำลังทำลายล้างมากกว่าเกาทัณฑ์มาก ทั้งยังกะทัดรัดสะดวกในการพกพาอีกด้วย

มีอาวุธประเภทนี้แล้ว กองทัพของต้าเว่ยจะไม่ต้องการมีดดาบอีกต่อไป

ถ้าเป็นอย่างนี้ หอคุนหวูซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธหลักให้กับกองทัพต้าเว่ยก็ควรเกษียณอย่างมีเกียรติ

การสูญเสียราชสำนักในฐานะลูกค้ารายใหญ่ เท่ากับว่าหอคุนหวูสูญเสียรายได้ไปสองในสามส่วน

ที่เหลือหนึ่งส่วน จะเอาหรือไม่เอาล่ะ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีกรณีของจอมดาบ หอคุนหวูถอนตัวออกจากเวทีประวัติศาสตร์ คงไม่ช้าก็เร็ว

เมื่อได้ยินอี้กุยพูดมาเช่นนี้ สีหน้าของเจ้าของร้านก็ดูดีขึ้นหน่อย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังตัดความเกี่ยวข้องจากเซียวเฉวียนไม่ได้นี่

ตั้งแต่เซียวเฉวียนปรากฏตัว อี้กุยได้มอบบ่อนการพนัน บ้านเก่าตระกูลอี้ให้กับเซียวเฉวียน นอกจากนี้เขายังพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลจัดการกิจการของเซียวเฉวียน และซ่อมแซมคฤหาสน์ให้

พูดอย่างไม่เกรงใจ อี้กุยไม่เคยทุ่มเทให้กับกิจการของตระกูลอี้เท่านี้มาก่อน

ตอนนี้ เพื่อเซียวเฉวียน ต้องเสียสละให้แม้กระทั่งหอคุนหวู

เจ้าของร้านกล่าวว่า เซียวเฉวียนเป็นผีดูดเลือดที่ดูดเลือดเฉพาะของตระกูลอี้ วันดีคืนดีแม้แต่เลือดของอี้กุยก็จะถูกดูดจนแห้ง

แน่นอน ที่อี้กุยเกื้อหนุนเซียวเฉวียนเช่นนี้ เจ้าของร้านจะไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าอี้กุย

อย่ามองว่าอี้กุยดูพูดง่ายๆ ในตอนนี้ นั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากเซียวเฉวียนปรากฏตัว

ในความเป็นจริง อี้กุยก็เป็นคนเด็ดขาด เย็นชาและโหดเหี้ยม

ถ้ากระทบเส้นตายของอี้กุยเข้า อี้กุยจะเปลี่ยนสีหน้าทันทีโดยไม่ไว้หน้าใคร

ถึงอย่างไร ความมั่งคั่งของอี้กุย พอที่จะให้เขากินอยู่อย่างสบายสามชั่วอายุคน เรื่องน่าเบื่ออย่างสืบทอดธุรกิจของครอบครัวนี้ อี้กุยคิดอยากจะสละทิ้งไม่เอามานานแล้ว

นอกจากนี้ อี้กุยยังมีเหตุผลอีกอย่างในการทำเช่นนี้ เขาไม่ต้องการให้ลูกหลานของเขาทำซ้ำทำซาก ใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อในโลกนี้เหมือนเขา

ดังนั้น เขาจึงคิดว่านับตั้งแต่รุ่นของเขา จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสืบทอดมรดกทางธุรกิจครอบครัว

การใช้ชีวิตมนุษย์ต้องเป็นอย่างเซียวเฉวียน ต้องสร้างอาณาจักรของตัวเองด้วยมือเปล่า ชีวิตแบบนี้ถึงเรียกว่ามีสีสัน

ด้วยคำพูดอย่างเซียวเฉวียน ชีวิตแบบนอนราบเรียบ ไร้คลื่นขาดความตื่นเต้น มันไม่มีสีสัน

หลังจากฟังคำพูดที่อาจหาญของอี้กุยแล้ว เซียวเฉวียนละฟังส่วนที่เขาชมเชยยกย่องเขา ในใจเหมือนมีม้าเป็นหมื่นตัวย่ำผ่าน ไอ้หนูเด็กดีเอย การแสดงชุดแวร์ซายของอี้กุยนี้ บรรยายจนเซียวเฉวียนโต้ตอบไม่เป็น แทบอยากจะตบเขาทีเดียวให้สลบไปเลย

มีเงินมากแต่โง่ชะมัด กินอิ่มแล้วอุ้มท้อง ไม่เคยรู้ว่าคนหิวเป็นยังไง !

ชีวิตอย่างเซียวเฉวียนไม่สามารถพรรณนาได้ว่ามีสีสัน เรียกว่ามีขึ้นมีลงดีกว่าไหม !

แต่ว่า ชีวิตแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เซียวเฉวียนต้องการ

เซียวเฉวียนโชคไม่ดี เขาล่วงเกินผู้เขียนหนังสือเล่มนี้อะไรไม่รู้ ถูกเขาจัดให้ทะลุข้ามมิติมาลงที่ตัวชายน่าสงสาร

ถ้าเลือกได้ เซียวเฉวียนก็อยากจะเป็นเหมือนเว่ยอวี๋ ทะลุข้ามมาเป็นราชวงศ์สูงเกียรติเป็นที่ชื่นชอบ นอนนิ่งๆ ชนะขาดรอย !

หรือแย่ที่สุด ทะลุข้ามมาก็ให้เหมือนเว่ยเป้ย ถึงแม้จะมีพ่อเป็นฝ่ายอธรรม แต่ชีวิตก็กินดีอยู่ดี ไม่เคยต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า

ใครไม่อยาก ?

มีแต่เซียวเฉวียน ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวทีละขั้นทีละก้าว

ตอนนี้ อี้กุย คุณชายครอบครัวที่ร่ำรวย แต่มารู้สึกอารมณ์ฮึกเหิมและบอกกับเซียวเฉวียนด้วยความอิจฉาเต็มใบหน้า ว่าเขาอิจฉาชีวิตของเซียวเฉวียน

ตามที่เซียวเฉวียนว่า อี้กุยเด็กคนนี้ น้ำท่วมสมองแล้ว ความสุขอยู่รอบกายแต่ไม่รู้ว่านั่นคือสุข

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย