สรุปเนื้อหา บทที่ 1261 มาตราการบรรเทาภัยพิบัติ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1261 มาตราการบรรเทาภัยพิบัติ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หลังจากที่อี้กุยไปแล้ว เจี้ยนจงก็เดินเข้ามา
ที่จริงแล้ว เจี้ยนจงยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมาตลอด เซียวเฉวียนรู้
“เหล่าเซียว เจ้าดูอี้กุยเจ้าเด็กน้อยคนนี้นี่สิ มีท่าทางน่ารักต่อเจ้ามากจริงๆ” เจี้ยนจงยักคิ้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เต็มไปด้วยการหยอกล้อ
ตั้งแต่แรกที่เขาและอี้กุยได้พนันกันไว้ตอนที่อยู่ที่หอปี๋เซิ่ง เขาก็พอดูออกแล้ว
อี้กุยมีความตั้งใจจริง ใช้หลักการการพูดแบบฮวาหนานของมู่จิ่น เป็นคนขยัน แต่กลับทำตัวขี้เกียจ
ความหมายก็คือ อี้กุยช่วยเหลือเซียวเฉวียนทำสิ่งต่างๆอย่างตั้งใจขยันขันแข็ง แต่เรื่องของตัวเองกลับไม่ใส่ใจ
“เจี้ยนจง อย่างนั้นเจ้ารักข้าจริงๆใช่ไหม?” เซียวเฉวียนถามกลับไป มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย หลี่ตามองดูเจี้ยนจง
เอ่อ..........
เจี้ยนจงพูดว่าใช่ หรือว่าไม่ใช่?
แน่นอนเขารักเซียวเฉวียนจริงๆ แต่ความรักที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นความรักกันและกันทั้งสองฝ่าย
ที่จริงแล้วต้องการจะเยาะเย้าเซียวเฉวียนเล่น แต่กลับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง
เห็นสีหน้าที่ลังเลของเจี้ยนจง เซียวเฉวียนยิ้มและพูดว่า:“ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แน่นอน แต่ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดแบบนั้น” เจี้ยนจงพยายามพูดอธิบาย
ในขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็แอบถอนหายใจออกมาและพูดว่า :“เฮ่อ!เป็นการทำลายชื่อเสียงของข้า”
ความหมายที่แฝงอยู่คือเจี้ยนซินกำลังบอกว่าเว่ยอวี๋นั้นโง่เง่า
มาถึงตอนนี้ เจี้ยนจงคือเจี้ยนซินและเว่ยอวี๋รวมเข้าด้วยกันจนเกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจี้ยนซินจะมีความฉลาดมากแค่ไหน มีเว่ยอวี๋ที่โง่เง่าเป็นตัวถ่วงอยู่อย่างนี้ ความฉลาดของเจี้ยนจงก็ถูกดึงให้ลดน้อยลงไปด้วย
เห็นได้ว่า เหมือนอย่างผนึกจูเสินที่เอาคนฉลาดอย่างเซียวเฉวียนมาใช้เป็นร่างกาย มีความสำคัญอย่างมาก
แต่ว่า สิ่งที่คนภายนอกไม่รู้คือ ถึงแม้ว่าคนที่มีความฉลาดว่องไวอย่างเซียวเฉวียน ก็ยังไม่สามารถหลีกหนีจากชะตากรรมการที่ถูกผนึกจูเสินรังเกียจได้
ที่จริงแล้ว บางครั้งผนึกจูเสินก็รู้สึกรังเกียจเซียวเฉวียนมาก
จากคำพูดของเซียวเฉวียน คนอายุมาทั้งสองคนนี้ชอบดูถูกคนอื่น พวกเขาไม่คิดบ้างเหรอว่า เซียวเฉวียนกับเว่ยอวี๋ทั้งสองคนรวมกัน ก็ได้ไม่เกินครึ่ง ให้เร่งรีบอย่างไรก็ไม่มีทางตามคนโบราณอายุเป็นพันปีได้ทัน
คนแก่ทั้งสองคนพูดอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาผ่านประสบการณ์สิ่งต่างๆมากมายกว่าเซียวเฉวียนและเว่ยอวี๋
แน่นอนไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
คำพูดที่น่ารังเกียจ ตอนที่เว่ยอวี๋อยู่ในยุคปัจจุบัน ก็เคยได้ยินมามากมาย และเขาก็ยอมรับ ตัวเขาเอง ไม่ว่าจะวก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ ก็ยังไม่พอใจ ไม่มีอะไรจะโต้เถียงได้
ดังนั้น เจี้ยนจงก็ไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น
“เอาละ อธิบายจบแล้ว แต่ว่า ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนนะ ข้าเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว” เซียวเฉวียนขยิบตา สีหน้าสงบนิ่งมองไปที่เจี้ยนจง มองไปมองมา สายตาของเซียวเฉวียนดูมีความภูมิใจมาก
ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่พอมองดูแล้วก็ทำให้เจี้ยนจงรู้สึกแปลกเล็กน้อย
ดูเหมือนจะเป็นการเตือนเจี้ยนจงว่า ไม่ให้คิดอะไรเกินเลยต่อเซียวเฉวียน และก็ดูเหมือนเป็นการแสดงออกบอกให้เจี้ยนจงรู้ว่า เขาอยู่ที่ต้าเว่ยได้สละโสดไปแล้ว กำลังหัวเราะเยาะเย้ยเจี้ยนจงที่ยังเป็นโสดอยู่
ไม่ว่าจะมีความหมายว่าอย่างไร เจี้ยนจงได้รับรู้แล้วว่าสายตาของเซียวเฉวียนดูไม่เป็นมิตร ทนไม่ได้กระแอมออกมา มองเซียวเฉวียนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็บินออกไป
“ไปไหน?” มองเห็นเจี้ยนจงบินออกไปจากจวนเซียว เซียวเฉวียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงพูดออกไป
“ไปหาพัด” น้ำเสียงแผ่วเบาของเจี้ยนจงดังขึ้น เซียวเฉวียนกำลังใช้ความคิดและพยักหน้า
ที่แท้ หลังจากที่เจี้ยนซินฟื้นขึ้นมา ก็อยู่ในร่างของชิงหลงมาตลอด ใช้พัดจนเคยชิน และรู้สึกว่าใช้พัดแล้วชอบประทับใจมาก และก็ดูเหมาะสมเข้ากับนิสัยเขามาก
ถึงแม้ว่าในมือของเจี้ยนจงจะมีดาบเล่มหนึ่งที่ตอนนั้นเว่ยอวี๋ได้เลือกออกมาจากศาลาคุนหวู่ แต่เจี้ยนจงรู้สึกว่า ใช้พัดจะดีกว่า
เป็นสิ่งที่จะช่วยเหลือประชาชน ต้องทำไว้ก่อนรอช้าไม่ได้
ครั้งนี้ ฮ่องเต้ใช้ให้จางจิ่น จ้าวหลานและสวีซูผิง ให้ทั้งสามคนคอยติดตามเรื่องของการบรรเทาภัยพิบัติไฟไหม้ จัดทำแผนการบรรเทาภัยพิบัติไฟไหม้ ดำเนินการบรรเทาภัยพิบัติไฟไหม้ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
เพื่อให้ได้ผลที่ดีมากขึ้น ช่วงเวลานี้ จ้าวหลานและสวีซูผิงมาหาเซียวเฉวียนครั้งหนึ่ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตราการบรรเทาภัยพิบัติไฟไหม้
เซียวเฉวียนวางแผนสร้างชนบทใหม่ที่ทันสมัย เปลี่ยนแปลงแก้ไขเล็กน้อย และพูดออกมาทำให้จ้าวหลานและสวีซูผิงตบมือชื่นชมว่าเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของประชานชนในเมืองหลวง เซียวเฉวียนแนะนำว่าควรให้ราชสำนักรวบรวมเป็นหนึ่งเดียวสร้างบ้านให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามเงินที่ได้รับบริจาคนี้ เซียวเฉวียนคิดคำนวณแล้ว สร้างบ้าน และแจกอาหาร มีเพียงพออย่างมาก
หรือจะพูดอีกอย่างว่า ไม่เพียงแต่สามารถสร้างบ้านให้ประชาชนได้เท่านั้น และยังต้องแจกอาหารให้กับประชาชนได้ด้วย
การสร้างบ้านต้องใช้กำลังคนมาก กำลังของคนเหล่านี้ ก็สามารถใช้แรงจากประชาชนของเมืองหลวง ใช้รูปแบบการจ่ายเงินเดือน
ในบรรดาเหล่าประชาชน คนที่ยอมออกแรงสร้างบ้าน ก็จะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม
เมื่อเป็นอย่างนี้ ประชาชนไม่เพียงแต่มีบ้านอยู่ มีอาหารกิน คนที่ลงแรงทำงานก็ได้รับค่าแรง อย่างนี้ก็จะทำให้ประชาชนมีความกระตือรือร้น และก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทาภัยพิบัติไฟไหม้ได้อีกด้วย
ถ้าแจกเงินไปโดยตรงให้กับทุกบ้าน การแบ่งจะเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการโต้แย้งได้ง่าย ประชาชนได้รับเงิน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถนำไปทำอะไรได้ อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลังภัยพิบัติไฟไหม้ของประชาชนได้
มีคนพาลขี้ขลาดอยู่มากมาย ยากที่จะรักษาเงินเอาไว้ได้ ก็อาจจะถูกหลอกขโมยไปได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกคนไม่ดีก็สบายไปนะสิ?
ให้ราชสำนักเป็นคนออกหน้า ช่วยพวกเขาสร้างบ้าน อย่างน้อยก็ยังมีที่ไว้หลบฝนได้
นโยบายนี้จ้าวหลานและสวีซูผิงคิดว่าสามารถทำได้ ดังนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็รีบเข้าไปในพระราชวังเพื่อขอความเห็นชอบจากฮ่องเต้
ฮ่องเต้ทรงสนับสนุนเห็นด้วยกับนโยบายนี้เป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...