ตอน บทที่ 1345 ควบคุมไม่อยู่ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1345 ควบคุมไม่อยู่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
จากที่หยดน้ำหยาดลงมาโปรยๆ กลับเปลี่ยนเป็นถล่มลงมารุนแรง เห็นได้ชัดว่ากลบกำลังไฟได้ไม่มิด
ภายใต้การสนับสนุนของแรงลม ไฟก็พลันเปลี่ยนทิศทาง แรงไฟขนาดใหญ่พุ่งผลาญมาทางเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนรีบลากระยะห่าง
เดิมทีเซียวเฉวียนคิดว่าพอลมพัดครั้งนี้ก็จะหยุดลง จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ลมไม่เพียงจะไม่หยุด แต่กลับพัดโบกขึ้นมารุนแรงขึ้น
พระเจ้า!
ลมชั่วร้าย!
ทว่า ภายหลังจากที่ขอบเขตของไฟนั้นยิ่งขยายวงกว้างขึ้น เมฆหมอกที่ล้อมอยู่ในไม่กี่ลี้นี้ก็พลันหายไปไม่น้อย
เฮยหลังเองก็มองเห็นชัดเจนว่ากระแสเพลิงนั้นยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านราชครู” เฮยหลังเงาร่างหายไป มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเซียวเฉวียน พลางใช้มือหักกิ่งไม้ออกเพื่อปัดไล่กระแสไฟที่ค่อยๆ ขยายเข้ามา ด้านหนึ่งก็พูดว่า “ไม่อย่างนั้นบ่าวจะหาคนมาดับไฟให้”
กลางป่าเขารกร้างห่างไกล เฮยหลังเองก็รู้ว่าหากยังปล่อยให้ไฟไหม้ต่อไปเช่นนี้ ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาแล้ว
แต่ว่า เฮยหลังเองก็รู้ว่า การกลับไปกลับมาเช่นนี้แล้วยังต้องรอให้คนมาช่วยดับ ไม่แน่ว่าเพลิงนี้จะไหม้ไปถึงตรงไหแล้ว
พอถึงเวลานั้น ต่อให้มีคนมาก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้ว
กลับกันเป็นตัวเซียวเฉวียนที่เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่จำเป็น”
“ภาพวาดอรุณรุ่ง ลงแรงให้หน่อย!” เซียวเฉวียนคำรามใส่ภาพวาดอรุณรุ่ง
เซียวเฉวียนเพิ่งจะเอ่ยจบ ภาพวาดอรุณรุ่งหมุนตัวอย่างงดงามครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นหยาดน้ำขนาดใหญ่ประมาณเม็ดถั่วก็ตกลงมาอย่างแน่นหนาทั่วพื้นที่ไปหมด
จนใจแต่ว่าทิศทางลมนั้นกลับรุนแรงมากขึ้น หยาดฝนเพิ่งจะตกลงไปครึ่งหนึ่งก็ถูกลมพัดเอนไปด้านข้างจำนวนมาก ที่เหลือนั้นก็ตกบนบริเวณที่ไฟกำลังไหม้อยู่ ทว่าน้ำจำนวนเพียงประมาณหนึ่งถัง ไม่ได้มีคุณค่าอะไรมากมายสำหรับการดับไฟ
โอ้ เจ้าลมนี่ก็เหมือนมีปีศาจดลเสียจริง?
เซียวเฉวียนเป็นคนเพียงคนเดียวที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แนน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ และเห็นได้ชัดว่า มีคนที่คอยบงการทุกอย่างตรงนี้อยู่เบื้องหลัง
น่าสนใจนัก
เซียวเฉวียนอยากจะเห็นเสียจริงๆ สุดท้ายแล้วเป็นใครที่จงใจกลั่นแกล้งรังแก
คิดแล้ว เซียวเฉวียนก็พูดว่า “เฮยหลัง เดินไปไกลๆ หน่อย”
เฮยหลังยังคงไม่เข้าใจ แต่ว่าก็ยังทำตาม เขาเดินห่างออกไปอย่างรวดเร็วฉับไว
เซียวเฉวียนหันหน้ามามอง ทำท่าเหมือนจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ก็แค่เรียกให้เฮยหลังเดินห่างออกไปไกลหน่อยก็เท่านั้น ดูซิ
เขาเดินห่างออกไปไกลโยชน์ราวกับคนละโลก รักษาระยะห่างกับเซียวเฉวียนมากทีเดียว
คล้ายเขามีลางสังหรณ์ที่จะหลบเซียวเฉวียนเหมือนหลบเทพโรคระบาดก็ไม่ปาน
คนโบราณพวกนี้...ช่างน่าเอ็นดูเสียจริงๆ
เซียวเฉวียนค่อยๆ ขยับออกห่างจากกระแสเพลิงนิดหน่อย เขาคำถามว่า “ภาพวาดอรุณรุ่ง ออกมาหน่อย”
ภาพวาดอรุณรุ่งให้ความร่วมมือโดยช่วยเขาสยบไฟ
เมื่อเห็นภาพวาดอรุณรุ่งสยบความร้อนลงไปพอสมควรแล้ว เซียวเฉวียนก็โบกมือ จากนั้นก็วาดเส้นโค้งขนาดใหญ่ออกมาพลางเอ่ยเสียงเย็น “ไปเถอะ!”
หลังจากนั้นเซียวเฉวียนก็สร้างปราการขึ้น จากนั้นก็วาดวงล้อมสร้างอาณาเขตกักบริเวณที่ไฟลุกและภาพวาดอรุณรุ่งไว้ด้วยกัน
“ให้สายลมแรงพัดต่อ พัดแรงๆ พัดไปเรื่อยๆ!” ภายในใจของเซียวเฉวียนกลับคิดถึงบทกลอนนี้ขึ้นมาอย่างเหมาะเจาะพอดี
ฮ่าๆๆ!
ภายในปราการนั้น ปลายพระเพลิงยังคงเผาผลาญกวาดไปทั่วทิศ ต้นไม้เองก็ไหวเอนไม่หยุด ดูไปแล้วสายลมน่าจะรุนแรงมากจริงๆ
ทว่าหยาดฝนของภาพวาดอรุณรุ่งก็ตกหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ คล้ายกับห่าฝนที่เทลงมา สาดซัดลงมาอย่างรุนแรง
กระแสเพลิงดูไปแล้วอ่อนด้อยเล็กน้อย แต่ว่าผลนั้นกลับไม่ได้ดีอะไรไปมากมายนัก ไม่เหมือนกับที่เซียวเฉวียนคะเนเอาไว้
โอกาสดีๆ เช่นีนี้ นักปราชญ์จะพลาดไปได้อย่างไร?
ขอเพียงให้ไป๋เจวี๋ยกับฉินเฟิงได้เห็นเฮยหลังกับเซียวเฉวียนยืนอยู่ด้วยกันกับตาตัวเอง ถึงเวลานั้นข่าวความตายของเว่ยเชียนชิวก็จะแพร่กระจายไปในกองทัพ ไม่ต้องให้นักปราชญ์พูดจามากความอะไร พวกเขาก็ย่อมจะโทษเซียวเฉวียนว่าเป็นสาเหตุทำให้เว่ยเชียนชิวตายอยู่ดี
ครั้นถึงเวลานั้น นักปราชญ์ก็ค่อยล่อลวงพวกเขาอีกครั้ง บอกพวกเขาว่าต้องฆ่าเซียวเฉวียนเพื่อล้างแค้นให้เว่ยเชียนชิว ยังต้องกังวลอีกหรือว่าไป๋เจวี๋ยและฉินเฟิงจะยอมติดตามรับใช้เขาหรือไม่?
และครั้นถึงเวลานั้น ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะเป็นคนฆ่าเว่ยเชียนชิวหรือไม่ โทษสังหารเว่ยเชียนชิวนี้ เซียวเฉวียนก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ดังนั้นแล้ว นักปราชญ์จึงพยายามตามไป๋เจวี๋ยและฉินเฟิงกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะให้พวกเขามั่นใจว่าเซียวเฉวียนและเฮยหลังร่วมกันมุ่งหมายชิงชีวิตเว่ยเชียนชิว
ผลก็คือ พอไป๋เจวี๋ยได้เห็นเซียวเฉวียนและเฮยหลังปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกันใกล้หุบเขา เขาก็พลันโกรธทันที
ไม่ต้องคิดเลยว่าเฮยหลังจะต้องทำเรื่องทรยศเว่ยเชียนชิวเป็นแน่ ไม่อย่างนั้น เขาจะพาคนนอกเช่นเซียวเฉวียนมาอยู่ด้วยกันที่ภูเขานี้ทำไม?
“เฮยหลัง เจ้าคนทรยศนี่!” ไป๋เจวี๋ยพูดพลางกัดฟัน “ข้าจะสังหารเขา!”
ไป๋เจวี๋ยกำลังจะเตรียมพุ่งกลับไปฆ่าเฮยหลัง พอถูกนักปราชญ์ห้ามเอาไว้ เขาก็เอ่ยเสียงเย็น “อย่าได้หุนหัน คนที่ยืนอยู่ข้างตัวเขาคือเซียวเฉวียน ไม่แน่ว่าเหล่าเฉี่ยวอาจจะยังสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ตอนที่เพิ่งจะกลับซินเจียงนั้น แน่นอนว่านักปราชญ์ไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้กับเซียวเฉวียนไหว แต่นักปราชญ์นั้นฝึกฝนอย่างหนัก ยามนี้พลังภายในเองก็เพิ่มขึ้น แม้จะไม่ได้มั่นใจถึงสิบในสิบ แต่ว่านักปราชญ์ก็ไม่กล้าปะทะกับเซียวเฉวียนต่อหน้า
เจอผีหลอกครั้งหนึ่ง ย่อมต้องกลัวความมืด
นักปราชญ์ยังจำได้ดีว่า ก่อนหน้ากลับซินเจียงนั้น เขาถูกเซียวเฉวียนกับคนอื่นๆ เคี่ยวกรำแค่ไหน
เขาต้องเสียเงินทองไปกองใหญ่ถึงจะแลกโอกาสกลับซินเจียงได้
หากว่าถูกเซียวเฉวียนจับอีกครั้ง แล้วต้องสูญเสียเงินจำนวนมากอก นักปราชญ์ตอนนี้เหลือเพียงชีวิตชรานี้เท่านั้นจะเอาอะไรไปแลกกับอิสระของเขาอีกล่ะ?
ดังนั้นแล้ว นักปราชญ์จำต้องงำประกาย หากเขาไม่มั่นใจเต็มที่ เขาไม่มีทางที่จะไปปะทะกับเซียวเฉวียนได้
แต่ว่า การจะให้บทเรียนกับอีกฝ่ายเล็กน้อยนั่นยังพอได้อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...