“จงซื่อสัตย์ต่อใจตนเอง” นี่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด มันชี้นำทางให้ไป๋ฉี่ มันสอนเขาถึงวิธีปฏิบัติตนในสังคมและให้ความมั่นใจแก่เขา
“คนดี ทำอะไรก็จงซื่อสัตย์ต่อใจตนเอง” นี่คือคำพูดที่เซียวควงกล่าวกับไป๋ฉี่ ไป๋ฉี่ เข้าใจความหมาย เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ใต้เท้าเซียว”
เมื่อได้ยินคำตอบของไป๋ฉี่ เซียวเฉวียนก็อดขำไม่ได้
น้ำเสียงนี้เหมือนกับคำพูด “ขอรับ นายท่าน!” ในอดีต
เด็กคนนี้ช่างซื่อสัตย์จริงๆ
เซียวเฉวียนเป็นคนสบาย ๆ ดังนั้น เขาจึงบอกไป๋ฉี่ เพียงคนเดียวว่าเขากำลังจะออกจากรัฐมู่อวิ๋น ไม่ได้บอกเจิ้งฮ่าว
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งฮ่าวมองเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยดวงดาว ในสายตาของเจิ้งฮ่าว เซียวควงราวกับเป็นดาวที่สว่างที่สุดในโลก
ความชื่นชมของเขาที่มีต่อเซียวเฉวียนนั้นเหนือกว่าแม้แต่มองอ๋อง
ถ้าเขารู้ว่าเซียวเฉวียนกำลังจะจากรัฐมู่อวิ๋น จะต้องมีฉากการจากลาที่น่าเศร้าแน่นอน
เมื่อนึกถึงฉากนั้น เซียวเฉวียนก็รู้สึกรับไม่ได้
ดังนั้น ปัญหาที่เซียวเฉวียนกำลังจะจากไป ก็ยังไม่ต้องบอกเจิ้งฮ่าว หนีไปโดยไม่บอกก็หนีไป ดีกว่าปล่อยให้เจิ้งฮ่าวมายุ่งกับเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถพาเจิ้งฮ่าวกลับไปที่จวนเซียวได้ เซียวเฉวียนก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้
อย่าว่าแต่เขามีความสามารถโดดเด่นเพียงใด แค่ใบหน้าที่สวยงามของเขาก็เพียงพอที่จะประดับจวนเซียวแล้ว
ในเวลานี้ เซียวเฉวียนก็มีความคิดอื่นเกิดขึ้นในใจ ในอนาคต เขาจะต้องหาเหตุผลมาพาเจิ้งฮ่าวกลับไปจวนเซียว
ฮ่าฮ่า!
ในขณะที่เซียวเฉวียนกำลังคิดจะจากไปอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกของเจิ้งฮ่าว “ท่านพี่เซียว?ท่านพี่เซียว!”
เซียวเฉวียนมองตาไป๋ฉี่ แล้วสั่งเสียงเบา “บอกเขาว่าข้าไม่อยู่ กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว”
ก่อนที่เจิ้งฮ่าวจะเข้ามา เซียวเฉวียนก็รีบวาร์ปไปทางเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ส่วนเฮยหลัง ก็ฟังคำสั่งของเซียวเฉวียนแยกทางกับเซียวเฉวียนกลับไปเมืองหลวง
ตอนนี้เว่ยเชียนชิวตายแล้ว จวนเจียนกั๋วจึงไม่มีแกนหลัก เฮยหลังจำเป็นต้องกลับไปนั่งตำแหน่ง
มิฉะนั้น คนของจวนเจียนกั๋วจะมีโอกาสขนของและทำให้จวนเจียนกั๋วยุ่งเหยิงได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม จวนเจียนกั๋วก็จำเป็นต้องมีเจ้าของคนใหม่
ในขณะนี้ เว่ยเป้ยขึ้นสู่อำนาจ เหมาะสมที่สุด
ดังนั้น เมื่อเซียวเฉวียนกลับมาที่จวนเซียวได้สองวัน เขาจึงเข้าไปในวัง
พระราชวังฉางอัน ฮ่องเต้ไล่คนทั้งหมดออกไป แล้วมองเซียวเฉวียนด้วยรอยยิ้ม “ราชครู? ได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้กับต้าเว่ยแล้ว ข้าแทนประชาชนในรัฐมู่อวิ๋นขอบคุณราชครู”
การปราบปรามความไม่สงบครั้งนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นเพราะสติปัญญาของเซียวเฉวียน
เซียวควงกล่าวอย่างถ่อมตน “ผ่าบาทพูดเกินไปแล้ว การปราบปรามความไม่สงบล้วนเป็นผลงานของไป๋ฉี่และเจิ้งฮ่าว ข้าจริงๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย”
ก็แค่ขยับสมองและพูดไม่กี่คำเท่านั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่น่าพูดถึง
“อย่างไรก็ตาม ข้าขอบคุณสำหรับรางวัลของผ่าบาท” เซียวเฉวียนเหลือบมองฮ่องเต้
ฮ่องเต้มองดูเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าที่จริงใจ ไม่มีท่าทีแปลกไป เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในใจว่า เว่ยเชียนชิวตายแล้ว เรื่องนี้ฮ่องเต้ไม่ใส่ใจเลยหรือ?
เมื่อก่อน เซียวเฉวียนวางแผนให้เว่ยเชียนชิวฆ่า เซียวเฉวียนไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง แต่ฮ่องเต้ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
การตายของเว่ยเชียนชิว เซียวเฉวียนมีส่วนร่วมโดยตรง
ฮ่องเต้จะเพิกเฉยจริงๆ หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...