ตอน บทที่ 1360 นักปราชญ์ล่วงหน้าไปก่อน จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1360 นักปราชญ์ล่วงหน้าไปก่อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
คำครหาไม่มีที่มาที่ไปที่หมิ่นหยามซินเจียงเช่นนี้ ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้านัก!
หากว่าไม่มีเรื่องครั้งนี้ พวกเขาคนซินเจียงยังไม่เคยเห็นแม้แต่เงาคนคุนหลุนด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะถูกคนคุนหลุนโจมตีเลย
ฟังคำพูดของผู้มาเยือนแล้ว เซียวเฉวียนก็มั่นใจได้ว่าหมิงเจ๋ออยู่ที่ซินเจียง
ทว่า กระทั่งองค์ราชาพยายามพลิกพรมคว้าหาตัวเขายังไม่พบ ดูไปแล้ว หมอนี่น่าจะซ่อนตัวได้ลึกล้ำอยู่
เซียวเฉวียนมุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาเอ่ยต่อ “หมิงเจ๋อซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาหมิงเซียนสินะ?”
ดูจากกิ่งหลิวนั้นแล้ว เซียวเฉวียนก็มองออกทันทีว่า หลังจากที่นักปราชญ์กลับซินเจียงไปแล้วก็คงติดต่อกับหมิงเจ๋อ
และจดหมายขององค์ราชาเขียนไว้ว่าหมิงเจ๋อหายตัวไป เซียวเฉวียนก็เลยมั่นใจเรื่องนี้
มองไปทั่วทั้งซินเจียงแล้ว นอกจากนักปราชญ์ ยังมีผู้ใดมีความสามารถซ่อนตัวหมิงเจ๋อได้แนบเนียนเช่นนี้อีก?
และสถานที่ซ่อนตัว ต้องเป็นภูเขาหมิงเซียนแน่นอน
ที่บอกว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดนั่นเอง
แล้วพูดอีกอย่าง สำหรับนักปราชญ์แล้ว ภูเขาหมิงเซียนคือรากฐานของเขา หากในยามนี้องค์ราชาต้องการระดมควานจับตัวเขา แทนที่จะหนีเอาตัวรอด ไม่สู้อยู่ที่ปลอดภัยอย่างภูเขาหมิงเซียนดีกว่า
คนขององค์ราชาขอเพียงค้นหาหลายครั้งยังไม่ทราบผล พวกเขาก็ต้องละทิ้งการค้นหาที่ภูเขาหมิงเซียนไปจนสิ้น
การซ่อนตัวที่ภูเขาหมิงเซียน นับว่าเหมาะสมอย่างมากทีเดียว
พอผู้ที่มาได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน เขาก็ตกตะลึงจนดวงตาถลนกว้าง ทว่าเขาก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาพลางหลุบตาลงก่อนจะแสร้งทำเป็นคล้ายเข้าใจคล้ายเลอะเลือน “อะไรคือภูเขาหมิงเซียน? เขาไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงสิ่งใด อีกทั้งเส้นทางของรัชทายาทหมิงเจ๋อแล้ว พวกเราที่เป็นแค่คนรับใช้จะไปรู้ได้อย่างไร”
แม้ปากจะเอ่ยปฏิเสธเช่นนี้ แต่ภายในใจของเขากลับสงสัยอย่างยิ่ง หรือว่าเซียวเฉวียนผู้นี้จะรู้ว่าหมิงเจ๋ออยู่ที่ภูเขาหมิงเซียน?
ผู้ที่มานั้นแอบเหลือบตามองเซียวเฉวียนอย่างไม่แสดงอาการพิรุธครั้งหนึ่ง มุมปากของเซียวเฉวียนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่กระชากวิญญาณผู้คนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มนี้ปรกติแท้ๆ แต่กลับทำให้คนรู้สึกประหวั่นลนลานเสียได้
ช้าก่อน เมื่อครู่มิใช่เซียวเฉวียนพูดว่า เขาตอบคำถามข้อหนึ่ง แล้วเซียวเฉวียนจะปล่อยเขาไปมิใช่หรือไร?
พูดไปพูดมาเหตุใดจึงวกมาที่ตัวหมิงเจ๋อได้ล่ะ?
ต่อให้ผู้มาเยือนจะโง่เพียงไร ในยามนี้เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนล่อลวงเขามาสนทนาเพื่อสืบหาที่อยู่ของหมิงเจ๋อ!
เพ้ย!
เซียวเฉวียนเจ้าคนชั่วร้าย!
ผู้มาเยือนอ้าปาก ก่อนจะเอ่ยติดโมโหเล็กน้อย “เซียวเฉวียน มิใช่เจ้าพูดว่าจะปล่อยข้าแล้วหรอกหรือ?”
ยังไม่รีบปล่อยเขาออกไปอีก?
เซียวเฉวียนสะบัดชายเสื้อก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่เข้าใจข้าซะเลย? จิ๊ๆ นี่เป็นความผิดของเจ้าเองนะ เจ้าคิดบุกเข้าจวนของข้า แต่กลับไม่รู้จักสืบรายละเอียดของข้ามาเลยยังจะกล้ามาอีก ความกล้าของเจ้านี้ ข้านับถือจริงๆ!”
ผู้มาเยือนพอได้ฟังก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว เขาถามอย่างสงสัย “นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”
เซียวเฉวียนเอ่ย “ทั้งต้าเว่ยล้วนรู้กันทั่ว แต่ไรมาข้าไม่เคยเล่นอะไรตามธรรมเนียม ขอเพียงเจ้าสืบข่าวสักหน่อยเจ้าก็รู้ได้แล้ว และเจ้าก็คงไม่ติดกับดักของข้าหรอก”
“แม้ข้าจะเคยพูดว่าจะปล่อยเจ้า แต่ก็ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเมื่อไหร่ เจ้าก็นั่งตรงนี้อย่างว่าง่ายไปแล้วกัน!”
รู้ชัดๆ ว่าเขามุ่งหมายมาหาองค์หญิงและเว่ยเชียนชิว เซียวเฉวียนจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไร?
พูดตลกสิ!
เขาก็ดันไม่ใช้หัวคิดสักหน่อยเลยว่าเป็นไปได้หรือไม่?
ดูท่าแล้ว คนที่หมิงเจ๋อส่งมานั้นก็ไม่เท่าไหร่
ผู้มาเยือนอารมณ์เสีย “เจ้า!”
หน้าไม่อาย นี่มันหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!
เซียวเฉวียนหัวเราะเสียงเย็น ไม่ตอบคำ
หากว่าพูดเรื่องหน้าไม่อาย เซียวเฉวียนไม่อาจจะเทียบหนึ่งในหมื่นของหมิงเจ๋อหรอก
ผ้าผืนนี้ จริงๆ คือผ้าห่อเท้าของเหมิงเอ้า เต็มไปด้วยกลิ่นของเหมิงเอาเต็มไปหมด มันส่งกลิ่นโชยเสียจนผู้มาเยือนส่งเสียงอู้อี้ คิดอยากร้องให้เหมิงเอ้าเอาผ้าเหม็นๆ นี้ออกไป
จนใจแต่ว่า เหมิงเอ้าไม่เพียงแค่ไม่ได้หยิบมันออก แต่กลับยกยิ้มมุมปากเอ่ย “ข้าให้รางวัลเจ้าแล้ว รับมันไว้อย่างดีเถอะ เจ้าวางใจ ไม่ต้องคืน”
กล่าวแล้ว เขาก็คว้าคอเสื้อคนผู้นี้ขึ้นก่อนจะเดินไปยังป่าไผ่นอกเมือง
และเขาก็จัดการศัตรูไปคนหนึ่งอย่างง่ายดายเช่นนี้ละ
เซียวเฉวียนโบกมือ เขาทำลายกิ่งหลิวที่ผู้มาเยือนทิ้งเอาไว้บนพื้น
แม้ว่ากิ่งหลิวจะทำร้ายอะไรเซียวเฉวียนไม่ได้ แต่ว่าสำหรับชาวต้าเว่ยผู้อื่น กระทั่งกระบี่วิญญาณแบบเสี่ยวเชียนชิว ย่อมมีอันตรายค่อนข้างใหญ่หลวง ดังนั้นแล้วหลังจากเขาขบคิดสักครู่ ดูไปแล้ว เซียวเฉวียนคงต้องหาเวลาสักหน่อย ไปยังภูเขาหมิงเซียนสักรอบ เพื่อทำลายปลาที่หลุดรอดแหนี้ไปเสีย
การเหลือภยันตรายเหล่านี้ทิ้งไว้นั้นเป็นเรื่องไม่ได้การเลย
ทางด้านนี้ นักปราชญ์พาผู้คนควบม้าไม่หยุดพักอยู่
หลังจากเร่งเดินทางมานานหลายวัน เสบียงของกองทัพก็เริ่มร่อยหรอพอสมควรแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่นั้น คะเนว่าจะพอใช้ได้อยู่ประมาณสามสี่วันเท่านั้นเอง
และกว่าจะถึงซินเจียง เกรงว่ายังต้องใช้เวลาอีกสิบกว่าวัน
ดังนั้นแล้ว เพื่อจะแก้ปัญหากินอิ่มนอนอุ่นของชาวยุทธ์แท้ นักปราชญ์ทำได้แค่ยอมล่วงหน้าไปก่อนเพื่อหาอาหารให้พวกเขา
เดิมที เสวียนเจิ้งเองก็คิดจะตามไปกับนักปราชญ์
แต่วรยุทธ์และกำลังกายของเสวียนเจิ้งนั้นไม่อาจจะตามนักปราชญ์ได้ทัน พาเขาไปด้วยก็เป็นการประวิงการเดินทาง
ดังนั้นแล้วนักปราชญ์จึงปฏิเสธคำร้องขอของเสวียนเจิ้ง เขาให้เสวี่ยนเจิ้งรั้งอยู่ในกองทัพ จากนั้นก็ร่วมเดินทางไปยังซินเจียงพร้อมกับชาวยุทธ์ ถือโอกาสจับตามองพวกเขากันไม่ให้พวกเขามีความคิดอะไรที่ไม่สมควร
เพื่อที่จะให้เสวียนเจิ้งติดต่อกับนักปราชญ์ได้ ก่อนหน้าจะจากไป นักปราชญ์ก็สอนวิธีการติดต่อลับเฉพาะของสำนักหมิงเซียนเอาไว้...วิชาถ่ายทอดเสียงพันลี้
ขอเพียงใช้วิชาถ่ายทอดเสียงพันลี้ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันเพียงใด ก็สามารถได้รับข่าวของอีกฝ่ายได้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...