อ่านสรุป บทที่ 1398 มีเบาะแสนิดหน่อย จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1398 มีเบาะแสนิดหน่อย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เรื่องราวของนายอำเภอทำให้เกิดความฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองชานถัง
การเสียชีวิตของเขา ผู้คนไม่เพียงปรมมือด้วยความดีใจ แต่ยังจุดประทัดครึกครื้นยิ่งกว่าเทศกาลตรุษจีนเสียอีก
เรื่องราวของเมืองชานถังก็ได้ยุติลงด้วยประการฉะนี้
ตามหลักการแล้ว ฉินซูโหรวพี่สาวน้องชายสามคนจะต้องไปยังสถานที่ที่อื่นต่อ
แต่ทว่าฉินซูโหรวรู้จุดประสงค์ที่เซียวเฉวียนมายังเมืองชานถังเพื่ออะไร และเขามาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ไปไหน เธอคิดว่าเซียวเฉวียนน่าจะยังติดต่อกับฉินเฟิงไม่ได้
คิดถึงเรื่องที่เซียวเฉวียนต้องสูญเสียกองกำลังชาวยุทธ์แท้ของเขาไป
ฉินซูโหรวต้องการอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือเซียวเฉวียน
ดังนั้น เธอจึงให้ฉินหนานและฉินเป่ยเดินทางไปยังสถานที่ที่อื่นก่อน และเธอจะอยู่ที่นี่เพื่อจัดการปัญหาเบื้องหลังนี้ก่อน
แต่ฉินหนานน้องชายสองคนก็เป็นเจ้าหน้าที่ของราชสำนักเช่นกัน และพวกเขาก็คุ้นเคยกับกระบวนการนี้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ต้องดำเนินการที่เมืองชานถังนั้นพวกเขาได้มอบหมายเสร็จร้อยร้อยนานแล้ว
นายอำเภอชานถังไม่ใช่คนดีอะไร แต่อาจารย์ปู่คนนี้เป็นคนดี
อาจารย์ปู่ยังเคยถูกนายอำเภอทุบตีอย่างรุนแรง เพียงเพราะว่าเขามักจะแนะนำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ดี
และตอนนี้นายอำเภอถูกลงโทษไปแล้ว ภารกิจในเมืองซานถังจึงมอบหมายให้ท่านอาจารย์เป็นคนจัดการแทน
อย่างไรก็ตาม นอกจากนายอำเภอแล้ว ภารกิจในเมืองชานถังก็มีแค่อาจารย์ปู่เท่านั้นที่คุ้นเคยที่สุด
แต่ฉินซูโหรวกลับคิดอยากจะอยู่ที่เมืองชานถังต่อ ฉินหนานคิดๆมันต้องมีเรื่องแน่
และอีกอย่างเขามักจะรู้สึกว่าฉินซูโหรวมีเรื่องปิดปังเขาและฉินเป่ย
ดังนั้น เมื่อฉินซูโหรวบอกให้พวกเขาเดินทางไปยังอีกที่หนึ่ง ฉินหนานจึงอดไม่ได้ที่จะซักถาม :” ท่านพี่ ท่านมีเรื่องปิดบังพวกข้าใช่หรือไม่?”
ฉินซูโหรวสายตาฉายแววไม่ปกติ แต่เธอก็รีบปฎิเสธทันทีว่า “ เจ้าคิดมากเกินไป ข้าจะมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเจ้า?
ช่วงที่อยู่เมืองชานถังหลายวันมานี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอด จะมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเขาได้?
ฉินหนานคิดอยู่ครู่หนึ่ง มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
แต่ทว่า ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขากลับรู้สึกว่าฉินซูโหรวมีเรื่องปิดบังพวกเขาอยู่
แต่ว่า ฉินซูโหรวยังไงก็ไม่ยอมพูดออกมา ฉินหนายจึงไม่ได้เซ้าซี่ถามต่อ
ไม่ถามต่อก็จริงอยู่ แต่ฉินหนานกลับเปลี่ยนวิธีอย่างอื่นแทน
เขาถาม :” ท่านพี่ ในเมื่อเมืองชานถังยังมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จ พวกข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งท่านอยู่ที่นี่เพียงลำพัง พวกข้าอยู่ช่วยท่านจัดการเรื่องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเดินทางไปพร้อมกันดีกว่า”
เฮ้อ..........
คำพูดนี้ทำให้ฉินซูโหรวไม่สามารถโต้เถียงได้อีก
เธอจึงต้องยอมพูดความจริงออกมา
และแน่นอน ความจริงที่เธอจะบอกนั้น เธอบอกเพียงแค่ว่าเธอพบเห็นฉินเฟิง เธอจึงอยากจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อสืบหาร่องรอยของฉินเฟิง แต่เธอไม่ได้บอกว่าเซียวเฉวียนก็อยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงอยู่ที่นี่ ฉินหนานและฉินเป่ยทั้งสองคนตาลุกวาวขึ้นมาทันที และรีบถามต่อ :” เป็นเรื่องจริงหรือ? พี่ชายใหญ่อยู่ที่นี่งั้นรึ? ท่านพี่ ท่านเห็นพี่ชายใหญ่เมื่อไหร่กัน?”
ฉินซูโหรวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับฉินเฟิงให้น้องชายทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด
และในตอนท้ายฉินซูโหรวยังกำชับพวกเขาสองคนว่า “ ดั้งนั้น พวกเจ้าสองคนต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด เข้าใจหรือยัง?”
ก่อนที่ฉินเฟิงจะเข้าไปเป็นไส้ศึกนั้น เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเว่ยเชียนชิว เขาได้ทะเลาะวิวาทที่จวนฉินอย่างอย่างใหญ่โตก่อนที่เขาจะไป ซึ่งในตอนนั้นฉินซูโหรวไม่ได้อยู่ที่จวนฉิน เธอเลยพลาดโอกาสได้เห็นความวุ่นวายที่จวนฉินในครั้งนั้น
ในเวลานั้น ฉินเซิงต้องการปล่อยตัวฉินเฟิงออกไปเพื่อให้ฉินเฟิงไปขอโทษเซียวเฉวียนต่อธารกำนัล หลังจากนั้นเขาจะได้สำนึกผิดต่อสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป
แต่ฉินเฟิงไม่ยินยอม
นอกจากนี้เขายังอ้างว่าเขาไม่ใช่คนผิด คนที่ผิดคือเซียวเฉวียนที่อยากจะมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการไต่ขึ้นไปเป็นผู้นำของจวนฉิน และสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อจวนฉิน
หากพูดถึงความผิด ก็คงเป็นความผิดของพวกฉินเซิง ที่กล้าไปเข้าข้างคนอื่นแล้วมากล่าวหาฉินเฟิง
สองพ่อลูกโต้เถียงไม่ลงถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อสู้กันขึ้นมา
ต่อสู้กันจนจวนฉินวุ่นวายไปหมด
ฉินหนานและฉินเป่ยยังคงจำเหตุการณ์ฉากนั้นได้เป็นอย่างดี
ในการต่อสู้ครั้งนั้นฉินเฟิงได้ทุ่มเทที่สุดกำลังเกือบจะทำให้ฉินเซิงได้รับบาดเจ็บ
หลังจากวันนั้น ก็มีข่าวลือแพร่สพัดออกไปว่าฉินเฟิงได้เข้าไปอยู่ที่จวนเจียนกั๋ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มุมปากของฉินหนานก็เผยอขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ และเขาพูดว่า :”ท่านพี่ ท่านบอกข้ามาตามตรง ใต้เท้าซูก็อยู่ที่เมืองชานกถังด้วยใช่หรือไม่?”
“.........” ฉินซูโหรวเงียบไปครู่หนึ่ง และพยักหน้ารับ :”ใช่”
เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมอยู่ ๆ สมองของเขาถึงได้ปราดเปรื่องได้ขนาดนี้?
ฉินซูโหรวได้แต่รำพึงรำพัน:” ที่ไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า เป็นเพราะมันเป็นความตั้งใจพี่ชายใหญ่กับราชครู เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ”
จะต้องไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอและน้องชายเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าฉินซูโหรวจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมควรบอกกับน้องชายทั้งสองรู้ แต่ท้ายที่สุดอำนาจในการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับฉินเฟิงและเซียวเฉวียน
ด้วยเหตุนี้ ฉินซูโหรวก็สบายใจที่จะโยนความผิดนี้ออกจากตัวอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อฉินหนานได้รู้ว่าเซียวเฉวียนก็อยู่ในเมืองชานถังเช่นกัน ก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องกับฉินซูโหรวต่อ
สายตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาแล้วรีบพูดว่า:” เร็วเข้า รีบพาข้าไปหาใต้เท้าซูเดี่ยวนี้”
ฉินซูโหรวทนการเซ้าซี้ของฉินหนานไม่ได้ จึงต้องยินยอมพาพวกเขาไปหาเซียวเฉวียน
ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่เซียวเฉวียนไม่ได้อยู่ที่โรงเตี๊ยม
เซียวเฉวียนได้สะกดรอยตามคาราวานอูฐไปแล้ว
เซียวเฉวียนได้ทิ้งระยะห่างจากคาราวานอูฐไกลพอสมควร และตามที่คาดไว้พวกเขาหยุดพักก่อนที่จะไปถึงจุดหมายก่อนหน้าที่เคยไป และเฝ้ารอชายชุดปรากฎตัว
ครั้งนี้ ชายชุดดำกลับพบเซียวเฉวียนเสียก่อน และเขาลดเสียงลงแล้วพูดว่า : “ ออกมาเถอะ!”
อยู่ห่างกันขนาดนี้ยังต้องค้นพบได้อีกเหรอ?
ประสาทสัมผัสของชายชุดดำจะดีเกินไปหรือเปล่า?
ถึงจะเป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ที่เดิมไม่ได้ออกไปไหน
ในใจของเขาคิด ยังไงเขาก็ไม่ออกไปเด็ดขาด ไม่แน่ชายชุดดำก็ไม่แน่ใจว่ามีคนสะกดรอยตามเขาหรือไม่ จึงได้แสร้งพูดขึ้นมาเพื่อที่จะหลอกล่อให้เซียวเฉวียนเป็นฝ่ายประกฎตัวออกไปก่อน
เหตุการณ์เงียบไปครู่หนึ่ง ชายชุดดำสำรวจบริเวณโดยรอบด้วยความระมัดระวัง จากนั้นกระซิบคำพูดสองสามคำกับคนที่จูงอูฐมาด้วย หลังจากนั้นจึงให้พวกเขากลับไป
ดูท่าทางแล้วชายชุดดำเพียงแค่ต้องการหลอกล่อเซียวเฉวียนเท่านั้น
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ ชายชุดดำก็ได้พูดกับคนงานสองสามคนที่รออยู่ที่นี่ก่อนหน้านั้น พูดให้ถูกคนพวกนี้ก็คือลูกสมุนของเขานั่นเอง พวกเขาเริ่มประจำตำแหน่งแล้วเตรียมขนย้ายอูฐเหล่านี้ออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...