ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1403

นักปราชญ์ที่หัวใสอยู่เสมอ เที่ยวนี้น่ากลัวจะร้อนใจจนหัวทื่อไปแล้วจริงๆ

จุดไฟสามารถลบล้างทุกสิ่งก็จริง

แต่เขาจุดไฟทั้งที่รู้ว่ามีคนตามหลังเขาอยู่ ควันหนาทึบที่เกิดจากไฟจะไม่เท่ากับบอกฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้ถึงพิกัดตำแหน่งของนักปราชญ์หรือ ?

เดิมทีเซียวเฉวียนยังอาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะตามถึงจุดนี้ พอจุดไฟปั๊บ ก็เท่ากับชี้ทางที่ชัดเจนให้เซียวเฉวียน บอกเซียวเฉวียนว่านักปราชญ์อยู่นี่เอง ให้เซียวเฉวียนตามใกล้เข้ามาได้ทันที

ในเวลานี้ เหมิงเอ้าชี้นิ้วไปที่ระยะไกลและพูดด้วยเสียงตื่นเต้นอย่างมาก "เจ้านาย ดูนั่นสิ ทางโน้นมีไฟลุกขึ้น"

เซียวเฉวียนและเจินฮ่าวมองไปในทิศทางที่เหมิงเอ้าชี้

อย่างที่ว่ามีแสงไฟลุกขึ้นโหมกระหน่ำในระยะไกล ควันหนาทึบเป็นลูกคลื่น และมีขี้เถ้าปลิวว่อนทั่วท้องฟ้า

เห็นสภาพแล้ว น่าจะต้องเผาไปแล้วในพื้นที่ไม่น้อย

ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา คงเป็นนักปราชญ์ที่พยายามจะปกปิดร่องรอยและเจตนาจุดไฟเผาบนภูเขา

จะเป็นใครได้อีกนอกจากเขา ?

ในป่าเก่าแก่ภูเขาลึกแห่งนี้ อย่าว่าแต่คนตัดฟืนและนักล่าสัตว์ เงาวิญญาณก็ไม่เห็นสักตน

อีกทั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร คนธรรมดามาถึงจุดนี้ เดินทางไปกลับอย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งวัน ทั้งเวลาและพลังแรงกายหมดไปกับการเดินทาง จะยังมีแรงเหลือให้ตัดไม้และล่าสัตว์อีกหรือ

ฉะนั้น ผู้จุดไฟต้องเป็นนักปราชญ์แน่นอน

"ไป เราไปดูกันหน่อย"

พูดจบ เซียวเฉวียนก็เฟี้ยวที เดินหน้านำทางไปก่อน

เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าไฟโหมแรงมาก บริเวณที่ไฟเผาไหม้อยู่นั้นก็กว้างพอสมควร

ถ้ายังไหม้อยู่อย่างนี้ ไม่รู้จะเผาลามไปถึงที่ไหน

มีความเป็นไปได้สูงที่ไฟจะลุกลามไปยังหมู่บ้าน

วางเพลิงในป่าไม้เก่าแก่บนภูเขาลึกได้ นักปราชญ์เสียสติไปแล้วจริงๆ !

ขณะนี้ ไฟได้เผาไหม้รอยเส้นทางหายไปแล้ว แค่ครู่เดียวเซียวเฉวียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่านักปราชญ์กำลังหลบหนีไปในทิศทางไหน

ยิ่งกว่านั้น ไฟเผารุนแรงขนาดนี้ เซียวเฉวียนจะอยู่นิ่งดูดาย ปล่อยให้มันโหมกระหน่ำต่อไปอย่างนี้ไม่ได้

ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงต้องการทำฝนเทียม ดับไฟนี้ให้ได้

เซียวเฉวียนค้นหาในหัวของเขา จากนั้นเปล่งเสียงดังท่องบทกวีชื่อ "หิมะฤดูใบไม้ผลิ" ของหานอวี้ กวีแห่งราชวงศ์ถัง

ปีใหม่มิปรากฏดอกหอม เดือนยี่สะดุ้งเห็นต้นอ่อน

หิมะเบือนวสันต์เฉื่อยช้า ร่อนแทรกไม้ในลานดั่งดอกเอย

ความหมายของบทกวีนี้คือ ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว แต่ยังไม่เห็นมีดอกไม้หอม ถึงเดือนสองเพิ่งเห็นหน่อใหม่งอกจากต้นอ่อนด้วยความดีใจตื่นเต้น

หิมะสีขาวตำหนิว่าฤดูใบไม้ผลิมาช้าเกินไป จึงอุตส่าห์แปลงเป็นดอกไม้บินระหว่างต้นไม้ที่อยู่หน้าลาน

บทกวี "หิมะฤดูใบไม้ผลิ" นี้มีแนวคิดแปลกใหม่ มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ เผยความหมายใหม่ออกจากสภาพเดิมๆ ประดิษฐ์ประดอยอย่างชาญฉลาด เป็นผลงานชิ้นเอกที่มีเอกลักษณ์และเป็นหนึ่งในบทกวีที่ดีเยี่ยมในบรรดาบทกวีของหานอวี้

ท่องจบบทกวีสั้น ๆ เซียวเฉวียนก็ตะโกนอย่างเย็นชา "เริ่ม !"

ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็เกิดลมพัดรุนแรง เมฆดำทะมึน ฟ้าดินแปรสภาพมืดมิดในทันที ราวกับว่าอวสานของโลกกำลังมาถึง

ผ่านไปไม่นาน อุณหภูมิลดลงอย่างฮวบฮาบ ราวกับว่าย้อนกลับเข้าสู่ฤดูหนาวอันโหดร้ายอีกครั้ง เจินฮ่าวและเหมิงเอ้าอดไม่ได้ที่จะพล่ามบ่น หนาวจริงๆ

ยังดีที่พวกเขาฝึกวิทยายุทธ์มาจนมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจต้องกลายเป็นเนื้อแช่แข็ง

เหมิงเอ้าเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียน อยู่กับเซียวเฉวียนมาเป็นเวลานาน เขาไม่แปลกใจกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบนี้

แต่นี่อยู่ๆ กลายเป็นหนาวเหน็บถึงขนาดนี้ ทำให้เหมิงอ้าวมึนงงเล็กน้อย

เซียวเฉวียนก็แค่จะท่องบทกวีบทหนึ่ง ใช้วิชาปราบด้วยคำพูดของเขาเพื่อเรียกฝนมาดับไฟไม่ใช่หรือ ?

ทำไมแค่ฝนตก อุณหภูมิยังลดลงมาด้วย ?

เวลานี้ เหมิงเอ้าย้อนนึกถึงบทกวีที่เซียวเฉวียนเพิ่งท่องไปอย่างละเอียด ในที่สุดก็ตระหนักว่าสิ่งที่เซียวเฉวียนเรียกนั้นไม่ใช่ฝน แต่เป็นหิมะ !

ให้ตายเถอะ !

เซียวเฉวียนเล่นโหดไปหรือเปล่า แค่จะดับไฟ ต้องลงหิมะเลยหรือ !

เจินฮ่าวอยู่ข้างๆ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หน้าตาดูสับสนไปหมด

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าบทกวีที่เซียวเฉวียนท่องนั้นสื่อสภาพได้ดีมากและประพันธ์ได้ไม่เลว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย