ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1404

สรุปบท บทที่ 1404 เหมิงเอ้าหลงเข้าค่ายกล: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1404 เหมิงเอ้าหลงเข้าค่ายกล – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1404 เหมิงเอ้าหลงเข้าค่ายกล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ดังนั้น หิมะจึงยิ่งลงยิ่งขยายบริเวณไปกว้าง

กองทัพนักรบแท้ที่กำลังเดินทางต่างหยุดก้าวและมองดู ในใจเต็มไปด้วยความหวั่นระแวง

หิมะปลิวจากฟ้ามาสู่ดิน ลงบนพื้น ลงบนร่างของทุกคน

หนาว หนาวเหน็บจนเข้ากระดูก

ทุกคนมิอาจทนจนตัวสั่นสะท้านไปหมด

อยู่ๆ ทำไมหิมะถึงตกลงมาหนักขนาดนี้ได้ ?

ทุกคนต่างทำหน้าเศร้าหมอง มีเพียงคนเดียว ถึงแม้เขาจะตัวสั่นจากความหนาว แต่ก็มีความสุขในใจ

เขาก็คือฉินเฟิง

ฉินเฟิงรู้ว่า ดินฟ้าอากาศที่จู่ๆ เปลี่ยนไป ไม่ใช่ของธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือของเซียวเฉวียน

เซียวเฉวียนคงจะตามหาใกล้เข้ามาแล้ว

ควันที่ลอยพลุ่งพล่านจากไฟเผาเมื่อกี้ ทุกคนย่อมมองเห็นหมด

นั่นก็คือสถานที่ที่กองทัพหยุดพักและหมิงเจ๋อก็พักฟื้นที่นั่น

อยู่ๆ ก็มีไฟลุกไหม้ขึ้นมาในเวลานี้ ต้องมีเหตุฉุกเฉินอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

หิมะที่ลงมาครั้งนี้ ฉินเฟิงเดาว่านักปราชญ์คงพบว่ามีคนตามรอยเขาและเจตนาจุดไฟเผาภูเขาเพื่อลบล้างร่องรอย

และคนที่ติดตามมานี้ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเซียวเฉวียนนั่นเอง

และฉินเฟิงมั่นใจว่า เซียวเฉวียนต้องการใช้หิมะมาดับไฟในขณะเดียวกันก็อาศัยหิมะเพื่อตามรอยกองทหารด้วย

นั่นไง ย่ำทีรอยเท้าก็ออกมาแล้วเป็นหย่อมๆ

แน่นอน สำหรับผู้ที่เคยฝึกวิทยายุทธ์ที่จะลบรอยเท้าของตนบนหิมะ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่นักปราชญ์และกองทหารก็มีเวลาจำกัดอยู่แล้ว หากต้องแบ่งเวลามาลบรอยเท้า การเดินทางของพวกเขาก็จะช้าลงไปอีก ทำให้เซียวเฉวียนตามทันได้ง่ายขึ้น

แต่ถ้าไม่ลบออกไป เซียวเฉวียนก็จะติดตามได้ง่ายเช่นกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หิมะนี้ทำให้นักปราชญ์และกองทัพตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกทำแบบใด มีแต่จะเพิ่มโอกาสเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขามากขึ้นทั้งนั้น

สิ่งที่ฉินเฟิงคิดได้ นักปราชญ์ก็คิดได้เช่นกัน

นักปราชญ์เคยเห็นเซียวเฉวียนใช้คำพูดดับไฟตอนที่เขาอยู่ในหุบเขาเมืองมู่อวิ๋น

ฉะนั้น พอหิมะตกมาครั้งนี้ นักปราชญ์ก็รู้ว่าต้องเป็นเซียวเฉวียนโผล่มาแล้ว

หากคนที่มาเป็นชิงหลง นักปราชญ์ยังพอจะหลอกชิงหลงได้ เพราะชิงหลงเป็นคนค่อนข้างจะซื่อและไม่สู้จะมีเล่ห์เหลี่ยม

ส่วนเซียวเฉวียนเป็นตรงกันข้ามกับชิงหลงโดยสิ้นเชิง

เซียวเฉวียนมีหัวคิดหลากหลาย มีเล่ห์กลมากมาย ไม่ใช่หลอกไม่ง่าย แต่คือไม่มีทางหลอกเขาได้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เซียวเฉวียนไม่ไปหลอกคนอื่นก็เป็นพระคุณแล้ว

มองดูรอยเท้าที่เป็นทอดๆ อยู่ด้านหลังเขา นักปราชญ์กลุ้มใจจนใบหน้าวัยชรานั้นย่นจนจะเป็นหน้าผิวมะระไปแล้ว

รอยเท้านี้ ถ้าไม่ลบ ไม่ได้ ถ้ามาลบ ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเซียวเฉวียนจะตามเข้ามาทัน

ควรทำอย่างไรดี ?

หากนักปราชญ์อยู่คนเดียว ยังพอจะหลบเซียวเฉวียนได้ แต่เขายังพาหมิงเจ๋อถ่วงขาเขาอยู่ และก็มีกองทหารอยู่ข้างหน้าเขา

ไม่มีทางที่จะหลบหลีกได้เลย !

คิดไปคิดมา นักปราชญ์ตัดสินใจใช้ไพ่ตายของเขา ตั้งค่ายกลแบบที่จะทำให้เซียวเฉวียนเข้าไปแล้วไม่สามารถออกมาได้ กักเซียวเฉวียนไว้อยู่ในนั้น

เวลากระชั้นชิด นักปราชญ์คิดได้ก็ลงมือทำเลย

เขาหลับตาสนิท ปากพึมพำบางอย่าง แม้แต่หมิงเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ยังฟังไม่รู้ว่าเขาท่องอะไร

ขณะที่เขากำลังพึมพำอยู่ พลางยกมือข้างหนึ่งชี้ไปทางตะวันออก ใต้ ตะวันตกและเหนือทั้งสี่ทิศ

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งช่วงธูป เสียงของนักปราชญ์ชะงักลง มือก็หยุดเคลื่อนไหว

นักปราชญ์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาลึก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ที่เขาจงหนานซาน นักปราชญ์เคยวางค่ายกลบนรูปวาดของเขา เกือบจะกักไป่ฉีและเหมิงเอ้าให้ตายในนั้นครั้งหนึ่งแล้ว

ครั้งนี้ พลังของนักปราชญ์ได้เพิ่มพูนมากกว่าเมื่อก่อนอีก พลังของค่ายกลนี้ย่อมแข็งแกร่งมากขึ้นตามธรรมชาติ

เซียวเฉวียนกำลังจะอ้าปากเตือนเหมิงเอ้า แต่ยังไม่ทันจะพูด เหมิงเอ้าก็ก้าวข้ามไป......แป๊บเดียวหายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเซียวเฉวียนทันที

โอ้เทพเจ้า !

เซียวเฉวียนก่ายหน้าผาก ทำอะไรไม่ถูก

เจินฮ่าวไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หน้าตาสับสน "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?"

เห็นๆ อยู่ทั้งคน บอกจะหายก็หายไปดื้อๆ อย่างงั้น

มีค่ายกลอยู่แถวนี้หรือ ?

เซียวเฉวียนพยักหน้าและกล่าวว่า "ใช่"

มันน่าจะหลีกเลี่ยงได้ แต่เหมิงเอ้าเด็กเวรนี้กลับทะเล่อทะล่าเข้าไป......เดือดร้อนแน่

ไม่รู้ว่าเหมิงเอ้าจะสามารถทำลายค่ายกลและออกมาได้หรือไม่

ครั้งก่อนที่เขาจงหนานซาน ไป่ฉีและเหมิงเอ้าติดอยู่ในค่ายกลและเกือบจะออกมาไม่ได้

เวลาผ่านมานานมากแล้ว เหมิงเอ้าไม่ใช่เหมิงเอ้าในตอนแรก พละกำลังและการตัดสินของเขาได้รับการปรับปรุงอย่างมาก

ครั้งนี้ เซียวเฉวียนก็อยากดูว่ากำลังของเหมิงเอ้าอยู่ระดับไหน จะดูว่าเขาคนเดียวจะแหกค่ายกลนี้ได้หรือไม่

เห็นเจินฮ่าวท่าทางเป็นกังวล เซียวเฉวียนก็พูดเบา ๆ "เรามาสังเกตดูกันก่อนว่า เขาจะออกมาได้ไหม"

หากนานแล้วไม่เห็นเหมิงเอ้าออกมา ค่อยมาหาทางช่วยมัน

เจินฮ่าวพยักหน้า เห็นด้วยกับเซียวเฉวียน

บางทีถ้าเหมิงเอ้ามีปัญญาที่จะทำลายค่ายกลและออกมาได้ด้วยตัวเอง ก็จะประหยัดทั้งเวลาและแรงงานได้มากที่สุด

ถึงแม้เจินฮ่าวจะยังไม่เคยทะลวงค่ายกล แต่เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องของค่ายกล

ค่ายกลมีหลากหลายชนิด หากบุ่มบ่ามย่ำเข้าไป บางครั้งช่วยคนข้างในออกมาไม่ได้ ยังพาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายได้ด้วย

อีกอย่าง เหมิงเอ้าเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียน เขาเชื่อมญาณกับเซียวเฉวียนได้

ถ้าเหมิงเอ้าหาทางแก้ไขเองไม่ได้ เขาต้องขอความช่วยเหลือมายังเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย