ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1410

สรุปบท บทที่ 1410 พรที่ได้จากตัวเอง: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1410 พรที่ได้จากตัวเอง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1410 พรที่ได้จากตัวเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สายฟ้าที่ปล่อยออกมาจากภาพชุนเซี่ยวนั้นมุ่งตรงไปยังค้างคาวอย่างแม่นยำ

ด้วยจำนวนที่มากเกินไปของค้างคาว เมื่อสายฟ้าผ่าลงมา ทำให้สามารถสังหารค้างคาวได้จำนวนไม่น้อย

ด้วยความรุนแรงของสายฟ้า ทำให้ค้างคาวจำนวนไม่น้อยถูกแผดเผา

หากไม่ใช่ค้างคาวที่น่ารังเกียจ เป็นหนูนาหรือปลาอะไรสักอย่าง หลังตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่ามันไม่มีพิษ เซียวเฉวียนก็สามารถนำมันมาใส่ผงปรุงรสและรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย

เสียงฟ้าผ่าตัดขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำนวนของค้างคาวลดลงอย่างรวดเร็ว ค้างคาวกว่าเจ็ดส่วนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับร่างกายที่ไหม้เกรียม

ส่วนค้างคาวที่เหลือ ราวกับสัมผัสได้ถึงอำนาจการทำลายของสายฟ้า พวกไม่พุ่งเข้ามาโจมตีเซียวเฉวียนและเหมิงเอ้าอย่างสุดชีวิตโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น

พวกมันเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการระบุเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ มันจึงโจมตีเข้ามายังตำแหน่งที่เซียวเฉวียนและเหมิงเอ้ายืนอยู่อย่างไม่มีผิดพลาด

ดังนั้นการโจมตีมายังเซียวเฉวียนและเหมิงเอ้า สำหรับพวกมันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

พวกมันบินเข้ามาหาเซียวเฉวียนและเหมิงเอ้าอย่างดุเดือด

ทั้งสองคนชักดาบจิงหุนออกมาพร้อมกัน ฟันค้างคาวที่กำลังบินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

หนึ่งดาบสังหารค้างคาวได้เป็นจำนวนมาก ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก

แต่ต่อให้พวกเขาเร็วแค่ไหน พวกเขาก็มีเพียงแค่สองมือ เมื่อวัดจากจำนวนแล้ว ทางฝั่งของค้างคาวดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา

ดังนั้นฝ่ายที่ป้องกันจึงเป็นฝ่ายของพวกเขา ไม่ใช่ฝ่ายของค้างคาว

ประกอบกับจำนวนที่ลดลงของค้างคาว ทำให้พื้นที่บริเวณรอบเพิ่มขึ้น ค้างคาวสามารถโบยบินได้อย่างอิสระ ตอนนี้พวกมันบินกระจัดกระจายกันอยู่บนท้องฟ้า

ดังนั้นแม้ว่าจะมีสายฟ้าผ่าลงมา แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าจะโจมตีลงมาโดนค้างคาว ยังมีค้างคาวอีกจำนวนมากที่สามารถหลบหลีกการโจมตีของสายฟ้าได้

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ภาพชุนเซี่ยวไม่สามารถปกป้องเซียวเฉวียนและเหมิงเอ้าได้อีกต่อไป

เนื่องด้วยเหตุนี้ เซียวเฉวียนจึงจำเป็นต้องใช้ไม้เด็ดของเขาออกมา

เขาค้นหาบทกวีของหลี่ไป๋ กวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง 《เซี่ยเค่อซิง》:

จ้าวเค่อมาน หูหยิง อู๋โกวซวง เสวี่ยหมิง

อานม้าสีเงินส่องประกายบนม้าขาว ส่งเสียงเกือกย้ำพสุธาราวกับดาวตก

ฆ่าคนภายในสิบก้าว พันลี้ไม่เหลือร่องรอย

สิ้นเรื่องหนีหาย ซ่อนแยบคายเรื่องชื่อเสียง

เซียวเฉวียนพึมพำสี่วรรคนี้ออกมา ความหมายของสี่วรรคนี้ก็คือ อัศวินของจ้าวหยาน สวมพู่ทหารแห่งอัศวินไว้เหนือศีรษะ แขวนดาบอันเจิดจ้าของวู่เยว่ไว้ที่เอว

พวกเขาขี่ม้าขาวอานม้าสีเงิน และควบม้าไปตามถนนราวกับดาวตกบนท้องฟ้า

ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าคนได้ภายในสิบก้าว พวกเขาสามารถเดินทางได้หลายพันลี้โดยไม่มีใครหยุดยั้งได้

พวกเขาเป็นวีรบุรุษผู้ชอบธรรม หลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะทิ้งชื่อเสียงของพวกเขาเอาไว้

สี่วรรคนี้ หลี่ไป๋เขียนออกมาเกินความเป็นจริง เริ่มต้นที่เครื่องแบบที่อัศวินสวมใส่ ราวกับสิ่งที่เขาเขียนออกมานั้นไม่ใช่มนุษย์ อำนาจแห่งความแข็งแกร่งที่เขาเขียนออกมาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของอัศวินนั้นมันเกินความที่จะจินตนาการถึง

เนื่องจากนักกวีนั้นไม่ได้เขียนเรื่องราวผ่านบทกวีที่เกินจริงออกมาเพราะประโยชน์ของสิ่งต่าง ๆ แต่เขาเขียนโดยคำนึงถึงแรงผลักดันจากจิตวิญญาณของผู้คน ด้วยความช่วยเหลือจากวัตถุจะแสดงความกล้าหาญและความเอื้ออาทรของเจ้าของ หลังจากเขียนทุกอย่างให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว นักกวีก็บรรยายถึงพฤติกรรมของอัศวินว่าพวกเขามีศิลปะการต่อสู้อันแข็งแกร่ง ไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภ ทำทุกอย่างโดยคำนึงถึงความยุติธรรมเป็นหลัก

แค่สี่บรรทัดนี้ก็เต็มไปด้วยจิตสังหารและเจตนาฆ่าที่รุนแรง

และเซียวเฉวียนก็พึ่งพาความแข็งแกร่งของมันในการใช้พู่กันเฉียนคุน

หลังจากที่บทกวีจบลง เซียวเฉวียนก็ตะโกนออกมาอย่างเยือกเย็น “จัดการมัน!”

พู่กันเฉียนคุนได้รับคำสั่ง พวกมันจึงเปล่งแสงออกมามากยิ่งขึ้น

แสงดังกล่าวมีไว้เพื่อการส่องสว่างเท่านั้น

และแสงจากบทกวี ถึงเป็นแสงแห่งการสังหารที่แท้จริง

และแสงสว่างดังกล่าวก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ค้างคาวไม่อาจขวางมันไว้ได้เลย

ดังนั้นภายใต้แสงที่สาดส่อง เมื่อค้างคาวถูกโจมตี มันก็ร่วงหล่นลงไปดิ้นอยู่บนพื้น

เห็นค้างคาวจำนวนมากร่วงหล่นลงพื้น เหมิงเอ้ายิ้มออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นพูดออกมาอย่างภาคภูมิ “คิดจะสู้กับนายท่านของข้า สิ่งที่รออยู่ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความตาย ความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”

เซียวเฉวียนเป็นใคร เขาคือคนที่สัมผัสกับกวีสมุทรคุนหลุน สามารถประณามคนไม่ดีและสิ่งที่ไม่ดีได้ทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษร

เขาคือผู้ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยบทกวีเพียงบทเดียว!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเหมิงเอ้าจะมีความสุขมากเกินไป

ดังสุภาษิตที่ว่า ความสุขสุดขั้วย่อมนำไปสู่ความโศกเศร้า

จากสิ่งที่พูดมาทั้งหมดก็สรุปได้ว่า ค้างคาวตัวนี้รับมือได้ยากกว่าปีศาจเสียอีก

เนื่องจากรูปร่างที่เล็กของมัน เรื่องความคล่องแคล่วคงไม่ต้องพูดถึง มันเป็นสัตว์ที่บินได้ แถมบินได้เร็วอีกด้วย

ไม่เหมือนกับปีศาจ ปีศาจมีรูปร่างที่ใหญ่โต การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้า

มันคือความโชคดีในความโชคร้าย อย่างน้อยนักปราชญ์ก็เลี้ยงค้างคาวแบบนี้ไว้เพียงแค่ตัวเดียว

หากเลี้ยงมากกว่านี้อีกสักสองสามตัว ไม่แน่ว่าเซียวเฉวียนอาจจะต้องจบชีวิตลงด้วยเนื้อมือของค้างคาวพวกนี้ก็ได้

เพียงแต่ด้วยความหมายของผนึกจูเสินแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่ตัวเดียว เซียวเฉวียนกับเหมิงเอ้าก็ต้องร่วมมือกันถึงจะสามารถจัดการกับมันได้

เนื่องจากผนึกจูเสินบอกมาแล้วว่ามันไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเซียวเฉวียนได้

แค่มันพูดออกมาตอนที่อยู่ในค่ายกลก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้นักปราชญ์รับรู้ได้การมีอยู่ของมัน หากมันช่วยเซียวเฉวียนจัดการกับค้างคาวตัวนี้ เช่นนั้นมันจะต้องถูกนักปราชญ์ตรวจพบเป็นแน่

ด้วยนิสัยของนักปราชญ์ รวมถึงความสามารถในการล่อลวงผู้อื่น หากเขารู้ว่าผนึกจูเสินอยู่ในร่างกายของเซียวเฉวียน เขาจะต้องสร้างปัญหาอันยิ่งใหญ่ สร้างหายนะให้กับเซียวเฉวียน สร้างเรื่องราวที่ทำให้เซียวเฉวียนตกเป็นเป้าหมายของใครหลายคน

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่รู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนยังมีเรื่องสำคัญให้ทำอีกตั้งมากมาย การที่มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาเพิ่มมันไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

อีกอย่าง การที่ผนึกจูเสินบอกว่าให้เซียวเฉวียนหาวิธีการในการจัดการกับค้างคาวตัวนี้ด้วยตัวเอง มันยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเซียวเฉวียนเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

......

พูดอะไรมักจะได้อย่างนั้น ยังคงเป็นความหมายเดิม เซียวเฉวียน ขอให้พรจากตัวเจ้าจงปรากฏ

ผนึกจูเสินปฏิเสธที่จะลงมือ ปล่อยให้เซียวเฉวียนพึ่งพาตัวเอง

เมื่อเห็นค้างคาวบินเข้ามาอีกครั้ง เซียวเฉวียนก็กวัดแกว่งดาบจิงหุน ฟันมันออกไปอย่างรุนแรง

แต่กลับพลาดเป้า!

ฉากดังกล่าวทำให้เหมิงเอ้าถึงกับตกตะลึง

นายท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่สามารถจัดการค้างคาวเพียงตัวเดียวได้งั้นหรือ?

ช่างพิลึกพิลั่นยิ่งนัก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย