บทที่ 1455 เสแสร้งแกล้งทำ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1455 เสแสร้งแกล้งทำ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เซียวเฉวียนไอแห้งครั้งหนึ่ง พลางส่งสายตาไปทางอี้กุยแสดงให้เห็นว่าเขาอย่าได้ใจแคบแบบนี้ได้ไหม
ที่นั่งอยู่ข้างกายสวีซูผิงนั้นก็เพราะว่าสะดวกล้วนๆ ไม่ได้มีความหมายอื่นใดเลย
อี้กุยเองก็เป็นคนที่พอใจกับอะไรง่ายๆ เซียวเฉวียนเพียงแค่มองเขาสองครั้ง อารมณ์เล็กน้อยภายในใจของเขาก็พลันสลายเป็นเมฆไปหมด และเผยรอยยิ้มพึงพอใจให้กับเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนที่เห็นอยู่นั้นก็รู้สึกไร้วาจาจะกล่าวนิดหน่อย
เขาละไม่เข้าใจเสียเลยจริงๆ อี้กุยเป็นคนที่ควรจะแต่งภรรยาได้แล้ว เหตุใดถึงได้พึ่งพาผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่งอย่างเซียวเฉวียนเสียละ
หากมิใช่มีสถานะท่านปู่น้อยติดตัวละก็ เซียวเฉวียนสงสัยเหลือเกินว่าอี้กุยจะตกหลุมรักความหล่อของเขาเข้าเสียแล้ว
เดิมทีฮ่องเต้นั้นรอให้เซียวเฉวียนมาปรึกษาเรื่องสำคัญ เมื่อเหลือบเห็นเซียวเฉวียนกับอี้กุยส่งสายตากันไปมา เขาก็อดไอแห้งๆ ไม่ได้ ก่อนจะลากตัวสองคนที่หลุดประเด็นไปกลับมา
ฮ่องเต้ทรงตรัสเสียงเรียบ “ท่านราชครู ระหว่างทางกลับมานี้ 可有些许眉目?”
เซียววียนเข้าใจสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงเอ่ยเป็นนัย เขาส่ายหน้าพลางเอ่ย “ยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเพียงทราบว่าตราลัญจกรพังไปแล้ว ไทเฮาถูกช่วย แท้จริงแล้วเซียวเฉวียนคิดไม่ตกจริงๆ ว่าใครเป็นคนทำ
เซียวเฉวียนเอ่ยปากกลับ “ฝ่าบาท มีคนที่ทรงสงสัยหรือไม”"
ฮ่องเต้เองส่ายหน้า “ยังไม่มี”
เรื่องนี้ คล้ายกับตกลงไปในกับดักถึงตาย ทั้งสี่คนรู้สึกต่างรู้สึกหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้
แต่ว่า เซียวเฉวียนถามคำถามที่ทำให้คนขบคิดลึกซึ้งขึ้นมา “ทุกท่านมีความรู้กว้างขวางกว่าเซียวโหม่ว ในสายตาของพวกท่านทุกคน จะมีอาวุธอะไรหรือว่าวิธีการอะไรที่ทำลายตราลัญจกรได้บ้าง?”
คำพูดนี้ของเซียวเฉวียนมิได้มั่วซั่ว ในช่วงยุคสมัยเช่นนี้ พวกฮ่องเต้ทั้งสามคนจริงๆ แล้วเข้าใจมากกว่าเซียวเฉวียนมาก
บางทีอาจจะมีวิธีที่เซียวเฉวียนไม่รู้อยู่จริงๆ ที่สามารถทำลายลัญจกรได้
การต้องขอร้องไทเฮา พูดว่าง่ายก็ง่าย พูดว่ายากก็ยาก ต้องทำลายตราลัญจกรทั้งนั้น ถึงจะลากตัวไทเฮาออกมาจากบ่อน้ำได้
ทั้งสามคนคิดๆ พลางเอ่ยเสียงเดียวกันขึ้นมา “ก็ไม่มี”
ลัญจกรของฮ่องเต้ไม่ใช่ผนึกอักษรธรรมดาและไม่ใช่สิ่งที่กระบี่ธรรมดาจะสามารถทำลายได้
ต่อให้จะเป็นอาวุธที่มาจากศาลาคุนหวู่เช่นเดียวกัน ก็ไม่อาจจะทำลายลัญจกรได้เลยสักนิด
กระทั่งคนคุนหลุนที่มีความรู้กว้างขวาง ก็ไม่อาจจะทำได้
นี่นับว่าแปลกอย่างมาก ต่างพูดกันว่าไม่มีวิธีอื่นแล้ว แต่ลัญจกรนี้กลับพังแล้วจริงๆ
หรือว่าบนโลกใบนี้มันมีเซียนอยู่จริงๆ กันนะ?
ในยามนี้เอง เสียงของผนึกจูเสินก็เอ่ยขึ้นมาเคร่งขรึม “เซียวเฉวียน ผู้ที่สามารถทำลายลัญจกรได้ นอกจากเซียวเฟิงและฉีหลินแล้ว ก็มีเจ้า เจี้ยนจง เสี่ยวเชียนซิว เสวียนอวี๋และเซียวหมิงชิว”
คำพูดของผนึกจูเสินทำให้เซียวเฉวียนครุ่นคิดครั้งใหญ่
เขาคิดตามคำพูดของผนึกจูเสิน และครุ่นคิดเกี่ยวกับมันในสมองอีกครั้ง
ทว่าเหล่าอสูรเทพและคนพวกนี้ล้วนอยู่ข้างกายตัวเขานี่
สิ่งแรก เซียวเฉวียนตัดเซียวหมิงชิวทิ้ง เซียวหมิงชิวเล็กขนาดนี้ เข้าใจอะไรที่ไหนกัน?
เสวี่ยนอวี๋ เสี่ยวเซียนชิวและยังมีเจี้ยนจงก็คงจะไม่ไปทำเรื่องพวกนี้หากไม่มีคำสั่งจากเซียวเฉวียน
ตัวของเซียวเฉวียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาอยากจะฆ่าไทเฮาแทบตายแล้ว
และหากฉีหลินมีการเคลื่อนไหวอะไรทางสวีซูผิงทางนั้น สวีซูผิงน่าจะจับสังเกตได้
ในส่วนของเซียวเฟิง เขาหายตัวไปหลังจากที่สะกดรอยตามองค์หญิงต้าถงกับเซียวเฉวียนในซินเจียง จนมาถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปไหนแล้ว
เดิมทีเซียวเฉวียนคิดว่ามันคงจะติดเล่นจนเตลิดวิ่งไปเที่ยวเล่นสบายใจแล้ว รอจนมันเล่นเสร็จ มันก็คงจะกลับมาเอง
ทว่าเซียวเฉวียนก็กลับมาจากซินเจียงตั้งนานปานนี้แล้ว แต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะเป็นกังวล แต่ว่าเซียวเฟิงเป็นอสูรเทพ มักเดินทางไปไหนร่องรอยไม่แน่นอน เซียวเฉวียนคิดหาตัวมัน ก็ไม่รู้จะเริ่มหาจากที่ใด
ในเมื่อผนึกอสูรพูดถึงเซียวเฟิงแล้ว เซียวเฉวียนจึงให้มันเสาะหาอีกฝ่ายสักหน่อย “เหล่าจู เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซียวเฟิงยามนี้อยู่ที่ใด?”
ผนึกจูเสินหากว่ามีร่างเป็นมนุษย์ได้และสามารถยืนตัวเป็นๆ อยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียน มันจะต้องถลึงตาใส่เซียวเฉวียนแรงๆ ครั้งหนึ่งแน่
ฮ่าๆๆ!
แต่ไหนแต่ไรมาเซียวเฉวียนไม่พูดถึงเซียวเฟิงเลย สวีซูผิงเองก็ไม่ได้ข่าวเรื่องที่เซียวเฉวียนหาตัวเซียวเฟิง ดังนั้น สวีซูผิงก็เลยทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร เอาเซียวเฟิงมาเลี้ยงเสียเลย
เขากลับอยากจะดูเสียเหลือเกินว่าเมื่อไหร่ที่เซียวเฉวียนจะทุ่มเทแรงใจค้นหาเซียวเฟิง รอจนเขาร้อนใจแล้ว เขาค่อยคืนเซียวเฟิงให้อีกฝ่าย
พูดไปแล้ว ทั้งเซียวเฟิงและฉีหลินต่างก็ซุกซนนัก
เดิมทีเซียวเฟิงติดตามเซียวเฉวียน และฉีหลินติดตามสวีซูผิง
ทว่าช่วงเวลาที่คุ้มครององค์หญิงนั้น สัตว์อสูรทั้งสองตัวก็อยู่ด้วยกันเช้าค่ำ จากนั้นก็พัฒนาเป็นมิตรภาพประเภทเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกัน
ดังนั้น ตอนที่พวกมันต้องแยกจาก อสูรเทพทั้งสองต่างอาลัยอาวรณ์
ในเวลานั้น สวีซูผิงก็มองออกแล้ว
ทว่าคำสั่งของนายนั้นไม่อาจจะขัด ต่อให้ตัดใจไม่ได้แค่ไหน สัตว์อสูรทั้งสองก็ยังต้องแยกจากกัน
ทว่าในระหว่างเส้นทางกลับต้าเว่ย ฉีหลินยังคงเรียกหาเซียวเฟิงเป็นระยะๆ
ส่วนเซียวเฟิงนั้นแน่นอนว่าก็ยังคิดถึงฉีหลิน และยังคิดจะตามฉีหลินมาเที่ยวเล่น ดังนั้น ในตอนที่เซียวเฉวยนสั่งให้มันติดตามองค์หญิง หลังจากรู้ว่าองค์หญิงปลอดภัยแล้ว เซียวเฟิงก็ยังไม่สนใจเซียวเฉวียน แต่กลับวิ่งไล่ตามสวีซูผิงมาตามอำเภอใจ
เรื่องราวพวกนี้ ตอนนั้นเซียวเฉวียนถามเซียวเฟิง ต่อหน้าสวีซูผิง เซียวเฟิงไม่กล้าโกหก จึงคายความจริงออกมาหมด
ส่วนสวีซูผิงพอรู้ว่าองค์หญิงต้าถงปลอดภัย ก็เลยตามใจเซียวเฟิง ยอมให้มันติดตามกลับต้าเว่ยด้วย
การที่เขาทำเช่นนี้ ด้านหนึ่งนั้นก็คิดอยากช่วยเซียวเฉวียนอบรมเซียวเฟิงสักหน่อย ในส่วนอีกด้านหนึ่ง เขาคิดอยากจะเห็นว่าพละกำลังที่แท้จริงของเซียวเฉวียนนั้นรับได้ถึงระดับไหน
หากเปลี่ยนคำพูดนั้นก็คือในเมื่อเซียวเฉวียนไปฝึกฝนที่ซินเจียง แน่นอนว่าเขาต้องพึ่งพาพละกำลังตนเอง และไม่ควรจะอาศัยความช่วยเหลือจากเซียวเฟิง
สวีซูผิงยอมรับว่า วิธีการเช่นนี้ของเขาไม่ดีไปสักหน่อย แต่ก็เพื่อตัวเซียวเฉวียนเอง
เซียวเฉวียนที่แอบลอบได้ยินความคิดในใจของสวีซูผิงก็คิดอยากจะใช้มือบีบคอเจ้าเพื่อนนิสัยเสียอย่างสวีซูผิงสักรอบจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...