ตอน บทที่ 1461 อาสาสมัครผู้กล้าหาญ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1461 อาสาสมัครผู้กล้าหาญ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แต่ว่า เซี่ยวเฟิงมีพฤติกรรมที่เอาแต่ใจอย่างนี้ เซียวเฉวียนจะไม่คิดบัญชีแค้นย้อนหลังได้อย่างไร?
จะปล่อยให้มันผ่านไปได้ง่ายๆแบบนี้งั้นเหรอ แล้วหลังจากนี้ก็จะไม่มีกฏระเบียบแล้วหรือ?
สายตาเยือกเย็นของเซียวเฉวียนมองไปที่เซียวเฟิง เซียวเฟิงตกใจกลัวจนตัวสั่น เดินถอยหลังไปสองก้าว
ท่าทางที่เย็นชาน่ากลัวของเซียวเฉวียน เขาตกใจกลัวอย่างมากจริงๆ
ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยรู้มาก่อน?
ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้ เซียวเฟิงจะไม่กล้ามาทำอย่างนี้
เขามีท่าทางระมัดระวังและน่าสงสารมองเซียวเฉวียน หวังว่าเซียวเฉวียนจะไม่โกรธโมโห
ที่จริงแล้ว เซียวเฉวียนก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเซียวเฟิง เพียงแค่ต้องการขู่ให้กลัวเท่านั้น
เมื่อเห็นสัตว์เทพหมดสิ้นความโอหังลง สิ่งที่เซียวเฉวียนต้องการก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่อยากจะหาเรื่องกับสัตว์เทพอีกต่อไปแล้ว เขาพูดขึ้นว่า:“ครั้งนี้จะยอมไว้ชีวิตเจ้า หลังจากนี้ถ้ายังเอาแต่ใจอย่างนี้อีก ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าอีกแล้ว”
พูดจบ เซียวเฟิงก็เงียบลงและตามสวีซูผิงกลับไปที่ต้าเว่ย เขาเห็นแน่ชัดแล้วว่าองค์หญิงต้าถงปลอดภัยดี ไม่มีผลกระทบใดๆ
แต่ทำให้เซียวเฉวียนคิดจินตนาการไปไกล
อดทนพยายามให้อภัย
คำพูดของเซียวเฉวียน ทำให้เซียวเฟิงที่รู้สึกเคร่งเครียดผ่อนคลายลง สายตาของเขามองจ้องไปที่เซียวเฉวียน มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า
ค่อยๆเดินเข้าไป เอนหัวเข้าไปในอ้อมอกของเซียวเฉวียน เป็นการแสดงความขอบคุณต่อเซียวเฉวียน
หลังจากนี้เขาไม่กล้าอีกแล้ว เขาจะฟังคำสั่งของเซียวเฉวียน
ภาพตรงหน้านี้ ทุกคนมองดูอย่างตกตะลึง
ไอ้โย่ว สัตว์เทพยอมรับเซียวเฉวียนเป็นเจ้านายก็แล้วไป ยังจะทำท่าทางออดอ้อนอีก
เซียวเฉวียนเก่งจริงๆ แม้แต่สัตว์เทพก็ยังยอมนอบน้อมต่อเขา
ถ้ามีโอกาสกลับไปในยุคปัจจุบัน แบบนี้มันสุดยอดไปเลย พอที่จะให้เอาไปคุยโม้โอ้อวดกับคนฮว๋าเซี่ยได้ตลอดชีวิตเลย
แต่ว่า เซียวเฉวียนรู้สึกรังเกียจเซียวเฟิงเล็กน้อย เป็นถึงสัตว์เทพ มาทำออดอ้อนกับลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเซียวเฉวียน เขาไม่รู้สึกอับอาย แต่เซียวเฉวียนรู้สึกอับอาย
เซียวเฉวียนพูดว่า:“เอาละ เจ้ากับกิเลนออกไปได้แล้ว”
เมื่อได้รับการยกโทษจากเซียวเฉวียนแล้ว คำสั่งของเซียวเฉวียน เซียวเฟิงไม่กล้าขัดขืนอีก
พูดจริงๆว่า พวกเขาเป็นสัตว์เทพที่สง่างามน่าเกรงขาม ยืนอยู่รายล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่จับจ้องมองดู เซียวเฟิงกับกิเลนก็แทบจะทนต่อไปไม่ได้แล้ว
ดังนั้น เซียวเฟิงพากิเลนแวบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ทำให้พวกเขาที่ล้อมรอบดูอยู่รู้สึกเหงาหงอย
เรื่องของเซียวเฟิง ก็จบลงแค่นั้น
เซียวเฉวียนพึ่งจะเห็นเจี้ยนจงกับมู่จิ่น กำลังจะถามพวกเขาว่าทำไมถึงมาอยู่ที่จวนเซียวได้
ในตอนนี้ พวกเขาควรจะอยู่ที่ห้องหนังสือชิงหยวนถึงจะถูก
มู่จิ่นเข้าใจความหมายที่เซียวเฉวียนต้องการจะสื่อออกมา เขาพูดว่า:“เรื่องห้องหนังสือชิงหยวน จัดการเรียบร้อบแล้ว เหลือแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าได้วางแผนจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว”
ช่วงเวลานี้ เจี้ยนจงและมู่จิ่นกำลังยุ่งเกี่ยวกับเรื่องห้องหนังสือชิงหยวน เป็นเรื่องไม่ยาก แต่มีรายละเอียดมาก จะต้องค่อยๆจัดการด้วยตนเองทีละเรื่อง ยุ่งวุ่นวายอย่างมาก
ทำงานตลอดจนถึงตอนนี้ ทำเสร็จไปเกือบทั้งหมดแล้ว
เรื่องการรับสมัคร ก็ใกล้จะจบสิ้นถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
พร้อมประกาศไปทั่วทุกที่ นักเรียนของเมืองหลวงเกือบทั้งหมดก็มาลงสมัคร นอกจากนักเรียนของเมืองหลวงแล้ว ก็มีคนอื่นมาลงสมัครมากมาย
หรือจะพูดได้ว่า จนถึงตอนนี้ ครบเต็มจำนวนแล้ว
เพื่อที่จะสามารถแบ่งระดับชั้นเรียนให้ดียิ่งขึ้น มู่จิ่นไปหาเว่ยเป้ยผู้ที่มีความรู้การศึกษาให้มาช่วยเหลือ
แต่ว่า ไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้ว่าเว่ยเป้ยมีความแตกต่าง ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างลับๆ
แม้แต่เว่ยเป้ยจะเข้ามาที่ห้องหนังสือชิงหยวน เจี้ยนจงก็ต้องเป็นคนไปรับไปส่ง
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เซียวเฉวียนรู้สึกพอใจพยักหน้า และพูดว่า:“ทำได้ดี”
สำหรับห้องหนังสือชิงหยวนแล้ว เว่ยเป้ยเป็นคนที่มีความสามารถที่หาได้ยาก
ดังนั้น เซียวเฉวียนคิดว่า ควรจะต้องหาเหตุผล ทำให้เว่ยเป้ยสามารถเข้าออกห้องหนังสือชิงหยวนได้อย่างเปิดเผย ให้เขาได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่?
เว่ยเป้ยมีความตั้งใจ การสอนหนังสือเหมาะสมกับเขามากกว่าการเข้าไปเป็นขุนในราชสำนัก
ในยุคปัจจุบัน วิธีการสร้างชื่อเสียงที่ดีมีมากมาย สามารถออกหนังสือ เขียนรายงาน ออกข่าวโทรทัศน์ สร้างข่าวประเด็นร้อนให้เป็นกระแสนิยม
แต่ในยุคโบราณที่ล้าหลังอย่างนี้ การสร้างชื่อเสียงที่ดีมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น ก็คือการแพร่กระจายข่าวซุบซิบ
พูดง่ายๆ การสร้างชื่อเสียงที่ดีให้เว่ยเป้ย ก็ต้องแพร่กระจายข่าวซุบซิบนินทาว่าเว่ยเป้ยต่อต้านเว่ยเชียนชิวอย่างไรบ้าง
พูดง่ายก็คือทำให้เว่ยเป้ยกลายเป็นลูกอกตัญญู
สำหรับเว่ยเป้ยแล้ว การอกตัญญูคือการสรรเสริญที่ดีที่สุด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มู่จิ่นและคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะขึ้นมา
แต่ว่า จะทำให้เป็นอย่างนี้ได้ มู่จิ่นจะต้องไปหาคนสองคนเพื่อมาร่วมแสดงละครฉากนี้ด้วย
ดังนั้นสายตามู่จิ่นมองไปที่เจี้ยนจงและเซียวจิ่ว
ทั้งสามคนช่วยกันดูแลห้องหนังสือชิงหยวน มีความเข้าใจคุ้นเคยกันมากกว่าคนอื่น สามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี
ไม่รอค่อยรีบเร่งลงมือ ทั้งสามคนเดินออกจากประตูไปแล้ว มุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงสถานที่ๆมีความคึกคัก
ในเมืองหลวงสถานที่ๆมีความคึกคักมากที่สุดคือตลาดในเมือง
แต่ว่า เป็นเพราะการปรากฏตัวของเซียวเฟิงและกิเลน ถนนในเมืองวันนี้ไม่ปกติ ถนนที่กว้างขวางใหญ่โต ดูเงียบกว่าปกติ
หรือจะพูดได้ว่า ทั้งสามคนมาเสียเที่ยวแล้ว
แต่ว่า ในเมื่อออกมาแล้ว ทั้งสามจะต้องไม่กลับไปมือเปล่า
สถานที่ที่คึกคักในเมืองหลวง ไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียว
พวกเขาสามารถถอยเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่าได้
บ่อนพนันและหอปี๋เซิ่งก็เป็นสถานที่ๆมีคนมากมาย
ตัวเลือกแรกที่เป็นเป้าหมายของทั้งสามคนก็คือบ่อนพนัน
คนของบ่อนพนัน มีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด ก็จะยิ่งแพร่กระจายได้รวดเร็วเป็นวงกว้างมาก
ดังนั้น ทั้งสามคนเดินออกไปด้วยท่าทางแข็งแกร่งสง่างามมุ่งหน้าไปยังบ่อนพนัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...