สรุปเนื้อหา บทที่ 1467 คำพูดที่จริงใจ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1467 คำพูดที่จริงใจ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นอกจากนี้ เซียวเฉวียนและเว่ยเป้ยก็เป็นพวกเดียวกัน แม้ว่าจะถูกเรียกตัวไปเผชิญหน้าในพระราชวัง เว่ยเป้ยก็เข้าข้างเซียวเฉวียนอยู่ดี ต่อหน้าผู้คน แน่นอนว่าเขาจะต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนเริ่มเดิมพันด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เซียวเฉวียนจึงได้รับการช่วยเหลือจากปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมาย
หากฮ่องเต้แสร้งทำเป็นลงโทษเว่ยเป้ยต่อหน้าเหล่าเสนาบดี จางจิ่นก็สามารถแก้ตัวให้กับเว่ยเป้ยได้ สามารถอ้างว่าเขาเป็นเด็ก จึงอาจทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไปเพราะความสับสนและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องเซียวเฉวียนเท่านั้น แต่ยังสามารถปกป้องเว่ยเป้ยได้อีกด้วย แถมยังช่วยคลายความกังวลให้กับฮ่องเต้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
แผนการของจางจิ่นช่างลึกล้ำยิ่งนัก
เซียวเฉวียนแอบชื่นชมจางจิ่นด้วยสายตา แต่จางจิ่นกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้เองก็เข้าใจความคิดของจางจิ่น เขากล่าวออกมาว่า “ในเมื่อตรวจสอบชัดเจนแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของราชวงศ์ ห้ามเปิดเผยออกไปเป็นอันขาด”
ความหมายก็คือ หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีกเป็นอันขาด
นี่มัน......คณะเสนาบดียังไม่ทันตอบสนองก็ถูกประโยคดังกล่าวของฮ่องเต้ปิดปากจนพูดไม่ออก
เมื่อโลงศพถูกปิดไปแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ควรถูกกล่าวถึงอีก
พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อฟัง พวกเขาจึงทำได้เพียงกล่าวออกมาว่า “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ไม่ใช่ เรื่องนี้มันพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจควบคุมได้
ตัวแทนโกรธมาก เขามองไปที่จางจิ่นความโมโห รู้สึกไม่พอใจในคำพูดของจางจิ่นเป็นอย่างมาก
ตอนแรกคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้กับเซียวเฉวียนได้ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกจางจิ่นทำลายง่ายด้วยถึงเพียงนี้
สมองของจางจิ่นเฉียบแหลมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวแทนจะไม่พอใจ แต่ฮ่องเต้ก็ได้ตัดสินไปแล้ว เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ต่อหน้าฮ่องเต้
พูดอีกอย่าง ฮ่องเต้แค่บอกว่าห้ามไม่ให้พวกเขานำเรื่องนี้ออกไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และไม่แม้แต่จะตำหนิผู้ใดออกมาแม้แต่คนเดียว
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่อยากจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป เขาปกป้องเว่ยเป้ย เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่ยอมปล่อย
ที่จริงมีข่าวมาว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มต้นขึ้นจากเจี้ยนจง
ไม่ใช่ว่าคณะเสนาบดีจะไม่รู้เรื่องนี้
แต่สถานะของเจี้ยนจงนั้นสูงส่งเป็นอย่างมาก อารมณ์ของเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แล้วใครจะไปกล้าทำให้เขาขุ่นเคือง?
อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าเขาเติบโตอยู่ในจวนเซียวมาเป็นเวลานาน ใกล้ชิดกับเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก มันยากที่จะรับประกันว่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้สั่งให้เจี้ยนจงเป็นคนเริ่มการเดิมพัน
เสนาบดีต้องการใช้โอกาสนี้ในการเอาชนะเซียวเฉวียน
แต่ใครจะไปรู้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้รับแรงกดดันจากมันเลยแม้แต่น้อย
ทุกอย่างล้มเหลว
เมื่อผ่านเรื่องราวครั้งนี้ไป เสนาบดีก็ได้ไตร่ตรองถึงปัญหาอันลึกซึ้ง เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะไปหาเรื่องหรือสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียน
ไม่ใช่ดูเหมือนว่า แต่ทั้งหมดคือความจริง
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถเหยียบย่ำได้ตามใจชอบอีกต่อไป เซียวเฉวียนในวันนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะรุกรานได้
เรื่องนี้ได้รับข้อสรุปอย่างชัดเจน ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องโถง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเฉวียนเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้อง”
มาแล้ว มาแล้ว ถึงเวลาที่เซียวเฉวียนควรจะลงมือแล้ว
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้าที่แสนจริงจังของเซียวเฉวียน กระแอมในลำคอ เกือบจะไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ ถามออกมาด้วยความสงสัย “เอ๊ะ? มีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”
“เกี่ยวกับเรื่องของอ๋องรอง เมื่อคืนวานอ๋องรองเดินทางมายังจวนเซียวเพื่อให้กระหม่อมมาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาท” เซียวเฉวียนกล่าวออกมา “รองอ๋องกล่าวว่า แม้ว่าเขาจะเป็นจอหงวน และต้องเข้ามาอยู่ในราชสำนักในอนาคต แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เขาอยากจะเป็นอาจารย์ในสถานศึกษาชิงหยวนมากกว่า”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมา เสียงในห้องโถงก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
มีเรื่องเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าอ๋องรองจะบ้าไปแล้ว?
จอหงวนผู้สง่างามไม่เลือกเป็น แต่กลับอยากเป็นอาจารย์?
เข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนัก รู้หรือไม่ว่ามันคือความฝันของผู้จำนวนมากแค่ไหน?
แต่คนที่พูดออกประโยคนี้ออกมาคือเว่ยเป้ย เขาคือบุตรชายของเว่ยเชียนชิว เป็นญาติของฮ่องเต้ ใครจะกล้ากันเล่า
เหล่าคนหัวโบราณทำอะไรไม่ได้นอกจากรับฟังอย่างเงียบ ๆ
เว่ยเป้ยยังบอกอีกว่า ที่เขาอยากเป็นอาจารย์ นั้นก็เพราะเขาต้องการสอนให้ต้นใกล้ต้นใหม่ของต้าเว่ยเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีและมีคุณธรรมให้มากขึ้น
และถือว่าเป็นการทำเพื่อชดเชยความผิดที่เว่ยเชียนชิวทำลงไปกับต้าเว่ย และเพื่อเป็นการสะสมคุณธรรมให้กับจวนเจียนกั๋ว
นี่คือจิตสำนึกทางอุดมการณ์ระดับสูง
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้กับเว่ยเป้ย
คำพูดเหล่านี้ เซียวเฉวียนไม่ได้เป็นคนสอนมันให้กับเว่ยเป้ย ทั้งหมดล้วนกลั่นออกมาจากจิตวิญญาณของเว่ยเป้ยเอง
แน่นอน เขาใช้คำพูดพวกนี้เพื่อหลอกลวงฮ่องเต้ คณะเสนาบดี รวมถึงความศรัทธาของราษฎร
เขารู้ว่าคนในยุคโบราณชอบได้ยินอะไรเช่นนี้
แต่สิ่งที่เว่ยเป้ยพูดออกมานั้นมันก็ตรงกับเงื่อนไขพิเศษของทางต้าเว่ย
ไม่ว่าขุนนางจะมีความสามารถมากเพียงใด หากมีจิตใจที่ชั่วร้าย เช่นนั้นก็จะนำมาหายนะมาสู่บ้านเมือง
เว่ยเชียนชิวเป็นตัวอย่างที่ดีคนหนึ่ง เพราะเขาทำให้ต้าเว่ยต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย ราษฎรจำนวนมากตกอยู่ในความคับแค้นใจ
และการสอนของเว่ยเป้ยผู้นี้ก็คล้ายคลึงกับวิธีการสอนที่เซียวเฉวียนใช้สั่งสอนฮ่องเต้เป็นอย่างมาก ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกเห็นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ เซียวเฉวียนได้ทำการพูดคุยเรื่องนี้กับฮ่องเต้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และฮ่องเต้ก็เห็นด้วยเรื่องที่เว่ยเป้ยจะไปอยู่ชิงหยวนเป็นการส่วนตัว
ดังนั้นฮ่องเต้จึงเห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจได้ เรื่องความเห็นของเหล่าเสนาบดี เขายังคงต้องคำนึงถึง
ฮ่องเต้แสร้งทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นกล่าวออกมาว่า “พวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับคำพูดของอ๋องรอง?”
จางจิ่นเอ่ยปากออกมาเป็นคนแรก “กระหม่อมคิดว่า เป็นเรื่องยากที่ท่านอ๋องรองจะมีความตั้งใจเช่นนี้ ในเมื่อเป็นความต้องการของเขา ฝ่าบาทก็ควรทำให้เขาได้สมความปรารถนา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...