ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1481

จริงๆ แล้ว ฮ่องเต้คิดว่าผู้ที่ช่วยให้ไทเฮาหนีไปได้ก็เพิ่งจะยืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อครู่นี่เอง

จะอย่างไรเขาก็ไม่มีวันคิดถึงเลยว่า แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่หนึ่งในบรรดาพวกเขา

นี่ก็นับว่าประหลาดนัก เมื่อครู่เหล่าขุนนางใหญ่ในตำหนักนั้น ต่างล้วนเป็นผู้กุมอำนาจสำคัญในราชสำนักทั้งสิ้น

เมื่อไม่ใช่พวกเขา แล้วจะมีใครที่สามารถช่วยไทเฮาออกไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียงได้เช่นนั้น แล้วยังจะมีใครทำให้ไทเฮาเชื่อใจได้ปานนั้นและยอมร่วมมือกับเขาได้กัน?

ฮ่องเต้ทรงมีพระพักตร์สงสัย เซียวเฉวียนเองก็สงสัยนิดหน่อย

หากเปลี่ยนเซียวเฉวียนเป็นไทเฮาละก็ ผู้ที่เขาต้องการร่วมมือด้วยก็ต้องเป็นผู้มีความสามารถ

ทว่านอกจากเหล่าขุนนางใหญ่เมื่อครู่แล้ว ยังจะมีใครมีความสามารถอีก?

เซียวเฉวียนเอ่ย “ฝ่าบาทท่านรู้สึกว่า ยังมีใครมีความสามารถเช่นนั้นอีกหรือ?”

ฮ่องเต้ขบคิดครู่หนึ่ง เขาดันคิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา อู๋ฟาน

อู๋ฟานนั้นเคยเป็นพรรคพวกของเว่ยเชียนชิว แต่ว่าความสามารถของเขาไม่นับว่าสูงส่ง เว่ยเชียนชิวไม่ได้ไว้ใจใช้งานเขา และเขาก็เหมือนทั้งมีและไม่มีตัวคนในพลพรรคของเว่ยเชียนชิว

หลังจากนั้นเนิ่นนาน อู่ฟานก็ถอนตัวออกจากกลุ่มของเว่ยเชียนชิวและรักษาจุดยืนตรงกลางเอาไว้

หลายปีมานี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สร้างอะไรดีงามใหญ่หลวง แต่ทำอะไรก็ทำตามกฎเกณฑ์และไม่ได้มีอะไรผิดแปลกออกไป อดกลั้นจนกระทั่งหยวนเหยาเสียชีวิต เขาค่อยโผล่หัวออกมา และกลายเป็นผู้ตรวจการราชสำนัก

หอสมบัติจืออินเป็นของตระกูลอู๋ ฮ่องเต้ก็ทรงทราบ แต่ว่าอู๋ฟานเป็นคนซื่อตรงตลอดมา ฮ่องเต้เองก็ไม่สงสัยเขา แต่กลับยอมให้เขาเปิดหอสมบัติจืออินต่อไป

แล้วยิ่ง ตระกูลสูงศักดิ์ที่มีทั้งอำนาจและพละกำลัง จะเป็นใครก็ไม่อาจจะหาเงินและข่าวได้มากเท่าพวกเขาอยู่แล้ว

ขอเพียงผู้กุมอำนาจเหล่านี้ไม่ทำเรื่องทำร้ายประชาชี ฮ่องเต้ก็สามารถปิดตาข้างหนึ่งเปิดตาข้างหนึ่งได้

อีกทั้ง การมีอยู่ของสถานที่เหล่านี้ ไม่ว่าจะโดยความหมายใดก็เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เชื้อพระวงศ์

ก็อย่างเช่นลานอี้หงของจางต่ง ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีไว้บริการเว่ยเชียนชิว แต่ว่าหลังจากที่จางต่งสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้แล้ว ลานอี้หงก็เปลี่ยนผู้ที่มันรับใช้ ตอนแรกมันรับใช้ฮ่องเต้ มาตอนหลังถึงได้คอยรายงานเรื่องต่างๆ ให้ฮ่องเต้แทน

อู๋ฟานในฐานะที่เป็นผู้ตรวจการราชสำนัก นิสัยของเขาเถรตรง หรือจะพูดก็ได้ว่าเข้มงวด หอสมบัติจืออินนั้นก็มีไว้เพื่อรับใช้ฮ่องเต้นั่นเอง

ฮ่องเต้รู้สึกว่า อู๋ฟานมีความสามารถในการช่วยไทเฮาหนีไป แต่ว่า อู๋ฟานนั้นตายแล้ว

ความหมายในนอกตรงนี้นั้นก็คือ ฮ่องเต้สงสัยคนของอู๋ฟาน

แล้วยิ่งเพราะเรื่องของเซียวเฉวียน อู๋ฟานเลยถูกฮ่องเต้ลดขั้นติดต่อกันสองครั้งจนกระทั่งตาย คนของตระกูลอู๋เคียดแค้นชิงชังเซียวเฉวียนและฮ่องเต้ คิดอยากจะยืมมือไทเฮาแล้วช่วยแก้แค้นให้อู๋ฟานก็มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ฮ่องเต้เอ่ยว่า “อู๋ฟานนั้นมีบุตรชายชื่ออู๋จี้ ไม่รู้ว่าราชครูพอจะจำได้หรือไม่?”

เซียวเฉวียนส่ายหน้า แสดงให้เห็นว่าจำไม่ได้

อู๋จี้ นามนี้ เซียวเฉวียนยังคงได้ยินเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

นัยน์ตาของฮ่องเต้นั้นค่อยๆ เหลือบมองฮ่องเต้ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็แย้มยิ้มเล็กน้อย ภายในใจของเขาคิด ก็ใช่ ในเวลานั้นเซียวเฉวียนช่วยทำศึกหลากหลายด้าน แล้วจะมีแก่ใจไปสนใจผู้อื่นได้อย่างไร?

อู่จี้รายนี้เองก็เป็นคนที่เก็บตัวได้ดีอย่างยิ่ง ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่เคยได้เห็นเขา

เซียวเฉวียนสายตาเป็นประกาย “ความหมายของฝ่าบาทก็คือ สงสัยว่าอู่จี้รายนี้จะเป็นผู้ก่อเรื่องหลังม่านใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าเอ่ย “ก็มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”

อู๋ฟานสั่งสมประสบการณ์ในแวดวงขุนนางมาหลายสิบปี เตรียมการล่วงหน้ามาหลายปี และค่อยบ่มเพาะขุมกำลังของตัวเองเงียบๆ การจะช่วยคนสักคนหนึ่งในวังหนีไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

และสิ่งที่สำคัญก็คือ ฮ่องเต้นำเรื่องทุกคนที่เคยรู้สึกขบคิดผ่านสมองรอบหนึ่ง สังหรณ์ของเขาบอกว่าเป็นไปได้มากสุดว่าจะเป็นอู๋จี้

แรงขับของเขามีมากสุด

บิดาพยัคฆ์ไม่มีบุตรสุนัข

อู่จี้สามารถสอบได้ที่สี่ของการสอบเค่อจวี่ เห็นได้ชัดว่าสติปัญญาของเขาไม่ด้อย

เมื่อมีอาจารย์ผู้สอนเป็นบิดาที่มีประสบการณ์เต็มเปี่ยม นั่นก็เหมือนกับเป็นเสือติดปีกขึ้นไปอีก เพื่อให้ชีวิตของเขาและสร้างทางลัดยิ่งกว่าให้กับชีวิตของตัวเอง

อีกทั้ง หลังจากที่อู๋ฟานเสียนั้น ฮ่องเต้เองก็เคยส่งสายลับไปจับตาดูการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของจวนอู๋

สายลับรายงานกลับมาว่า ทุกสิ่งในจวนอู่นั้นปรกติ อู่จี้เองนอกเสียจากทุกวันจะอยู่ในห้องหนังสือของบิดาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามด้วยสีหน้าอาการปวดใจแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ

พ่อของเขาตายไปแล้ว การแสดงออกของเขาที่คนรอบข้างมองเห็นก็นับเป็นเรื่องปรกติยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย