ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1490

สรุปบท บทที่ 1490 ต้องพึ่งพาตัวเอง: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 1490 ต้องพึ่งพาตัวเอง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 1490 ต้องพึ่งพาตัวเอง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเย็นชาที่มุมปากแล้วพูดว่า :”หลังจากนั้นเขาก็หนีไปงั้นเหรอ”

เมื่อเจี้ยนจงเกลียดใครขึ้นมาก็จะไม่มีใครสามารถขัดค้านได้

ไม่ว่าจะมองจากด้านไหนก็ตาม อู๋จี้นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนจงเลย

ด้วยนิสัยของเจี้ยงจงแล้วหากว่าไม่ใช่อยู่ที่ห้องหนังสือชิงหยวนแล้วล่ะก็ เจี้ยงจงคงใช้พัดตบอู๋จี้จนตายไปแล้ว

เจี้ยงจงพูดด้วยรอยยิ้ม :”คนที่รู้จักข้าคือเหล่าเซียว”

เซียวเฉวียนยิ้มเบาๆแล้วไม่พูดอะไร

เจี้ยงจงถามอย่างสงสัย: "เหล่าเซียว ยายแม่มดแก่คนนั้นตายแล้วจริงหรือ?"

เซียวเฉวียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า :”ใช่ หมดประโยชน์แล้ว คนที่จวนอู๋ไม่อยากมีปัญหา ดัวนั้นพวกเขาจึงฆ่าเธอเสีย”

เจี้ยงจงถอนหายใจแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า :”ยายแม่มดแก่นั้นตายไปทั้งๆแบบนี้ มันสมควรกับเธอแล้ว”

เจี้ยนจงเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แม้ว่าเขาจะเกิดจากไทเฮาก็ตาม แต่นั้นก็ต้องมองเป็นเรื่องๆไป สำหรับสิ่งที่ไทเฮาทำลงไปนั้นช่างอุกอาจและไม่อาจให้อภัยได้

เซียวเฉวียนพูดเบาๆ :”หากว่าอู๋จี้ไม่เข้ามาแทรกแซง เธอคงจะยังจมปรักอยู่ในบ่อน้ำ เธออาจจะไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเดิมทีโอกาสที่เธอจะได้ผลิกสถานการณ์เป็นใหญ่กลับกลายเป็นการเร่งความตายของตัวเธอเอง”

“ไพ่ดีที่อยู่ในมือ กลับถูกเธอทำลายแหลกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือตัวเธอเอง และเธอก็ได้รับผลการกระทำของตัวเองแล้ว”

เหตุผลที่เธอทำให้เธอต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ก็เพราะเธอนั้นโลภเกินไป

เป็นไทเฮาอยู่ดี ๆ ไม่ชอบ กลับไปทำสิ่งที่เกินหน้าที่ของตัวเองคิดที่จะเปลี่ยนแปลงราชสำนัก

คนเช่นนี้ ตายไปก็สมควรแล้วมันสาสมกับการกระทำของเธอแล้ว

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ มีแต่การตายของเธอเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยเซียวเฉวียนและฮ่องเต้ไว้ได้

ถือว่าเธอได้ทำประโยชน์ครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน

เจี้ยนจงและมู่จิ่นก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

คนตายไปแล้วก็ไม่อยากเอ่ยถึงอีก เจี้ยนจงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา :”เหล่าเซียว ทุกอย่างในชิงหยวนถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกวันอันเป็นมงคลในการเปิดภาคเรียนได้แล้ว ”

ในยุดสมัยนี้วันเปิดภาคเรียนคือวันที่หนึ่งเดือนเก้า แต่ว่าในตอนนี้ยังห่างไกลจากเดือนเก้ามากนัก ดังนั้นวันเปิดภาคเรียนอาจจะต้องเลือกเป็นวันอื่น

จะเป็นวันไหนนั้นมันง่ายมาก พวกเราเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เมื่อคนครบแล้วก็เริ่มเปิดเรียนได้เลย ยังไงเสียสมัยเก่าก็ไม่เหมือนสมัยปัจจุบัน เราต้องพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ

นักเรียนในสมัยเก่านั้น พวกเขาเคร่งและมีระเบียบวินัยในการเรียนเป็นอย่างมาก ถึงแม้โรงเรียนจะไม่เปิดเทอมก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเสียการเรียนได้

ดังนั้น เรื่องเปิดโรงเรียนนั้น รอให้ฉินซูโหรวกลับมาถึงก่อนก็เริ่มดำเนินการได้เลย

ทางฉินซูโหรวได้รับจดหมายจากเซียวเฉวียนให้เธอกลับไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว

เธอพาฉินหนานน้องชายทั้งสองคนออกมาตรวจสอบเจ้าหน้าที่ด้วย หลังจากที่พวกเขาอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลานาน สิ่งที่ต้องเรียนรู้น้องชายทั้งสองคนของเธอก็ได้เรียนรู้หมดแล้ว

เพียงแต่ในวันนี้สิ่งที่ฉินซูโหรวกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัยของน้องชายทั้งสองคน

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะกลับไปเมืองหลวง เธอจึงเรียกเว่ยอู๋จี้มาอยู่กับน้องชายของเธอเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยของพวกเขา

แต่เซียวเฉวียนก็ได้ช่วยฉินซูโหรวเตรียมการไว้หมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เสวี่ยเยี่ยนไปพาฉินซูโหรวกลับมา

ภายในสองวันนี้ฉินซูโหรวน่าจะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว

ไม่ผิดจากที่เซียวเฉวียนคาดการณ์ไว้ ในวันที่สองฉินซูโหรวก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง

เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง ฉินซูโหรวยังไม่ทันได้พัก เธอก็ส่งคนไปที่จวนเซียวเพื่อถามเซียวเฉวียนว่าโรงเรียนจะเปิดเทอมเมื่อใด

ตอนนี้ฉินซูโหรวก็ได้กลับมาแล้ว เซียวเฉียนตัดสินใจให้เธอได้พักสองวันแล้วค่อยเปิดภาคเรียน

ดังนั้นจึงมีกำหนดเปิดภาคเรียนในวันมะรืนนี้

ทันทีที่มีข่าวออกไป ทั่วทั้งเมืองหลวงก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

ช่วงเวลาที่พวกเขารอคอยในที่สุดก็มาถึง

การเรียนการสอนของห้องหนังสือชิงหยวนนั้นมีหลายหลายมาก จึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและการคาดหวัง

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจริง ๆ นั้นก็คือ เมื่อลูกไปโรงเรียนแล้วพวกเขาจะได้รับเงินช่วยเหลือ

มันช่างดีจริง ๆ !

ด้วยเงินจำนวนนี้ ชีวิตของพวกเขาก็จะสุขสบายขึ้น

คิดถึงตอนที่ให้เฉากุยเป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมฉางหมิงนั้น เขาดูแลจัดการได้เป็นอย่างดี รายได้เยอะ เรื่องที่นักปราชญ์มอบหมายให้เขาไปจัดการเขาก็ทำมันได้สำเร็จเป็นอย่างดี

เพียงแต่ว่าเฉากุยไม่รู้หายตัวไปไหนเป็นตายร้ายดีไม่มีใครในหมิงเซียนรู้เลย

อู่หยางรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาไม่กล้าคร่ำครวญได้แต่คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม

ความโกรธในใจของนักปราชญ์ยังไม่บรรเทาลง ต่อจากนั้นเขาก็เตะอู่หยางอย่างแรงอีกหนึ่งที ชายชราผู้ชั่วร้ายคนนี้ไม่รู้จักมีความเมตตาเอาเสียเลย

ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกโกรธแต่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ

อย่างไรก็ตามใครจะกล้าล่วงเกินนักปราชญ์ผู้นี้

จนกระทั่งอู่หยางโดนเตะจนไม่สามารถคุกเข่าต่อไปได้ นักปราชญ์ถึงได้สงบอารมณ์โกรธลง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยมฉางหมิงไป

ก่อนที่เขาจะจากไป เขาสั่งอู่หยางด้วยเสียงเย็นชา :”เจ้าดูแลกิจการโรงเตี๊ยมฉางหมิงให้ดีๆ เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องยุ่ง!”

หมายความว่าคนในโรงเตี๊ยมฉางหมิงไม่ต้องหาเสบียงแล้วใช่ไหม

พวกคนไร้ค่าพวกนี้ หวังพึ่งไม่ได้สักคน

เมื่อมองดูพระพุทธรูปอย่างนักปราชญ์องค์นี้ได้จากไปแล้ว ทุกคนในโรงแรมฉางหมิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอากาศก็รู้สึกสดชื่นในทันที

ในช่วงเวลาที่นักปราชญ์อยู่ที่นี่ พวกเขาล้วนมีชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันและหวาดกลัว แม้กระทั่งยามที่พวกเขาหลับก็ยังฝันถึงตอนที่นักปราชญ์อารมณ์โกรธเกรี้ยวคำรามเหมือนฟ้าร้อง

ทุกคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงอู่หยางขึ้นมา ครั้งนี้เขาต้องลำบากแล้วจริงๆ

หลังจากที่นักปราชญ์ออกจากโรงเตรี๊ยมฉางหมิงแล้ว เขาก็กลับมาที่ภูเขาหมิงเซียนอย่างเงียบ ๆ นำเงินทั้งหมดที่เขาซ่อนไว้ในภูเขาหมิงเซียนแล้วเดินไปทางทิศตะวันตก เขากำลังจะไปซื้ออาหารจากประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

โชคดีที่นักปราชญ์เหลือทางรอดไว้อีกทาง หลังจากที่เขากลับไปยังซินเจียง เขาก็เริ่มทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน ถึงได้มีโรงคลังเล็กๆนี้ขึ้นมา ซึ่งสามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนของเขาได้

คนไม่ตรองการไกล ความยุ่งยากใจก็จะใกล้เข้ามา คำพูดนี้พูดไว้ไม่มีผิดเลย

ซ่อมแซมประตูหน้าต่างบ้านก่อนฝนตกเพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

คนหมิงเซียนคือตัวแทนแห่งสวรรค์ และนักปราชญ์คือผู้ที่ได้รับเลือก ฮ่องเต่ซินเจียงและเซียวเฉวียนต้องการทำลายพวกหมิงเซียนงั้นหรือ ?

มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย