เหล่าลูกหลานจากตระกูลยากจนมักจะถูกมองข้ามและถูกเลือกปฏิบัติอยู่เสมอตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก
แต่เมื่อสถานศึกษาชิงหยวนได้กลับมาเปิดอีกครั้ง พวกเขากลับได้เงินรายเดือนเพื่อเป็นการช่วยเหลือ และมันแสดงให้เห็นว่าเซียวเฉวียนให้ความสำคัญกับพวกเขา ตั้งใจที่จะหล่อหลอมและสร้างอนาคตให้แก่พวกเขา
ประการเเรกคือเซียวเฉวียนคอยสนับสนุนพวกเขา และด้วยจำนวนของลูกหลานจากตระกูลยากจนมีมากจนเกือบจะล้น จึงทำให้พวกเขาสามัคคีกันมาก จนพวกเขามีความมั่นใจเพียงพอ
ดังนั้น บางคนที่มาจากตระกูลยากจนจึงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และโต้ตอบกลับทันที: "บางคนมีตาหามีแววไม่ ยังคิดว่าตนเองอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง"
เป็นการกล่าวหาที่มิได้เอ่ยชื่อผู้ใดออกไป
แต่ด้วยความสามารถของลูกหลานตระกูลชนชั้นสูง พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเหล่าเด็กเหลือขอที่มาจากตระกูลยากจนหมายถึงพวกเขา
ลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูงที่ได้ยินประโยคนี้ก็ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และโต้กลับทันทีว่า:“หากอยากอวดอำนาจบารมี ก็ควรที่จะมีอำนาจบารมีนั้นอยู่ในกำมือ ไม่ใช่เหมือนกับคนบางจำพวก แค่กำพืชตนเองยังไม่รู้แจ้ง ได้รับการอุ้มชูเพียงนิดหน่อย ก็คิดว่าตนเองนั้นพิเศษ เอาแต่เพ้อฝันกลางวันว่าตนเองนั้นจะเป็นดั่งเซียวเจี้ยวหยู้ หัดตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง”
เมื่อลูกหลานจากตระกูลยากจนได้ยินเข้า มันก็ทำให้พวกเขาชะงักไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ใบหน้าของพวกเขาเริ่มแดงก่ำและตอบโต้ออกไปเพียงแค่: "นี่เจ้า!"
เมื่อเห็นการแสดงออกของหนึ่งในพวกเหลือขอ พวกลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูงต่างก็มีสีหน้าภาคภูมิใจ
หากมีการวิวาทเกิดขึ้น เหล่าลูกหลานจากตระกูลยากจนไม่มีทางที่จะชนะลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูงได้
เด็กที่มาจากตระกูลยากจนพกสติปัญญามาตั้งแต่เกิด แต่ด้วยภูมิหลังของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกด้อยค่า จึงทำให้พวกเขาไม่เก่งที่จะโต้ฝีปากกับคนเหล่านี้
เว้นเสียแต่ว่า หากพวกเขาประสบความสำเร็จในอนาคตและสร้างความมั่นใจให้กับตนเองได้ มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะโต้ฝีปากจนคนเหล่านี้ไม่กล้าที่จะต่อกรอะไรต่อไปอีก
ลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงได้รับการดูแล ปลูกฝังและเอาอกเอาใจมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเขาเติบโตมามีท่าทีสูงส่ง มีความรู้ และกล้าแสดงออก หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเซียวเฉวียนและเจี้ยวหยู้ พวกเขาก็คงไม่มีท่าทีที่สุภาพ ป่านนี้คงทะเลาะกับเหล่าลูกหลานที่มาจากตระกูลยากจนไปแล้ว
พวกเขาคงจะแสดงท่าทีเหนือกว่า พูดจาใหญ่โต แสดงบารมีของตระกูลกันอย่างเต็มที่ และปล่อยให้เหล่าลูกหลานจากตระกูลยากจนต้องรู้สึกผิดและละอายใจจนพูดอะไรไม่ออก
แต่อันที่จริง สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเล็ดรอดหูของเซียวเฉวียนไปได้
เพียงแต่เซียวเฉวียนไม่ได้สนใจอะไร เขายังคงเดินไปตามทางเดินของสถานศึกษาชิงหยวนและสัมผัสกับบรรยากาศราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชีวิตมนุษย์เรา ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่อยากเผชิญไปได้
เช่นเดียวกับตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงและลูกหลานตระกูลยากจนนั้นมีมาอย่างยาวนานในหน้าประวัติศาสตร์ หากระบบของต้าเว้ยไม่เปลี่ยนแปลง เหตุการณ์นี้ก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างบางประการระหว่างลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงและลูกหลานตระกูลยากจน การเปิดสถานศึกษาชิงหยวนทำให้พวกเขาได้ศึกษาร่วมกัน และต้องพึ่งพาอาศัยกัน ผ่านการทำความรู้จัก ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาพบจุดเเข็งจุดอ่อนของกันและกัน ตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเองและแก้ไขมัน
เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะปรับตัวเข้าหากันได้
และการโต้เถียงกันผ่านวาจาระหว่างพวกเขาจะไม่เป็นอันตราย
การปล่อยให้พวกเขาได้ทะเลาะกันเป็นเรื่องดี และอาจช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้
หากไม่ลงมือทำอะไร ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เซียวเฉวียนเพียงเหลือบมองไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ จากนั้นก็เดินต่อไปอย่างเงียบๆ
ที่ลานด้านข้างของสถานศึกษาชิงหยวน มีชั้นเรียนของผู้หญิง
เสียงอ่านตำราดังเจื้อยแจ้วราวกับเสียงระฆังที่ดังไพเราะเสนาะหู
ในขณะนี้ เป็นฉินซูโหรวที่กำลังสอนพวกเขาอยู่
ฉินซูโหรวเริ่มต้นจากพื้นฐานและสอนวิธีอ่านให้พวกเขา เมื่อฉินซูโหรวอ่านคำหนึ่ง พวกเขาก็จะอ่านตาม
ผู้หญิงเรียนหนังสืออย่างกระตือรือร้นมากกว่าผู้ชาย เซียวเฉวียนสัมผัสได้ถึงความจริงจังบนใบหน้าของพวกเธอ ราวกับว่ากำลังดื่มด่ำกับโอกาสเรียนรู้ที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นบนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของพวกเขา เซียวเฉวียนก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น คำสัญญาของเขาที่มีต่อเหวินเจี้ยวหยู้จะถูกทำให้เป็นจริงในไม่ช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...