ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1550

องค์ฮ่องเต้รู้ดีว่าเซียวเฉวียนมาที่พระราชวังเพียงเพื่อต้องการเยี่ยมองค์หญิง แต่กลับมีใครบางคนพบเห็นเข้า

แต่ถึงกระนั้น องค์ฮ่องเต้ก็ยังไม่เข้าพระทัยอยู่ดี ว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงไม่มาเข้าเฝ้าพระองค์เมื่อมาถึงยังพระราชวัง?

แม้ว่าฮ่องเต้จะคุ้นชินกับนิสัยทำตามอำเภอใจของเซียวเฉวียน แต่พระองค์ก็รู้ดีว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาทด้วย

เช่น เซียวเฉวียนรู้ดีว่าชายและหญิงไม่ควรที่จะสนิทสนมกัน ผู้ชายควรให้เกียรติและเคารพผู้หญิง

ตำหนักฝ่ายใน คือสรวงสวรรค์ของผู้หญิง

ใก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ไม่สามารถรับรู้อะไรเกี่ยวกับองค์หญิงต้าถงได้เลย เซียวเฉวียนเองไม่ต้องการเปิดเผยที่อยู่ขององค์หญิงต้าถง ดังนั้นเขาจึงเข้าออกพระราชวังอย่างเงียบๆ

แต่ตอนนี้ องค์ฮ่องเต้รู้เเล้ว และเซียวเฉวียนเองไม่ได้มาทักทายฮ่องเต้ก่อนที่จะไปตำหนักฝ่ายใน ซึ่งมันค่อนข้างผิดปกติ

ฮ่องเต้ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ไม่นาน ความคิดนี้ก็พัดผ่านออกไปตามสายลม และพระองค์ก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้อีกเลย

เพราะท้ายที่สุด ภายในก้นบึ้งพระทัยของฮ่องเต้ พระองค์รู้ดีว่า ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะทำอะไรก็ตาม เขาย่อมมีเหตุผลเสมอ

ยิ่งกว่านั้น ฮ่องเต้ยังรู้อีกว่าเซียวเฉวียนจะไม่มีวันทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อต้าเว่ย และต่อตัวฮ่องเต้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“ฝ่าบาท! โปรดพระองค์ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนด้วยพะยะค่ะ!”

ทันในนั้นเอง เสนาบดีคนหนึ่งพูดเรียกร้องความชอบธรรมขึ้นมา ทำให้ฮ่องเต้ดึงสติกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า

ฮ่องเต้หันไปมองเสนาบดีคนนั้นด้วยสายตาแสดงความครุ่นคิด

ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน?

คำข้อดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของราชวงศ์ ดังนั้นการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจึงถือเป็นความคิดที่ดี

อันที่จริง เสนาบดีคนนี้กำลังรอโอกาสที่ฮ่องเต้จะรับสั่งให้จัดการ

เพราะตัวเสนาบดีคนนี้นั้น แทบรอไม่ไหวที่จะได้สังหารเซียวเฉวียน!

ถึงยังไง หากมีการสอบสวนขึ้น ความหยุ่งเหยิงก็จะตามมา และต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นหมายความว่าชีวิตมนุษย์จะต้องถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวย

ขณะนั้นเอง ฮ่องเต้ตอบโต้กลับ พระองค์เลิกพระขนง และตรัสอย่างเย็นพระทัย: "ตัวข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านเป็นอย่างดี เข้าใจความรักความห่วงใยที่พวกท่านมีต่อตัวข้าและต้าเว่ยที่ยิ่งใหญ่"

"ขอบใจพวกท่านที่ยากลำบากมา"

ฮ่องเต้กล่าวชื่นชมเหล่าเสนาบดีที่ทำงานอย่างหนักเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้ตรงประเด็นยิ่งขึ้น: "แต่ถึงกระนั้น เรื่องของราชครูและเม่ยซีนั้นถือเป็นเรื่องเข้าใจผิด"

เมื่อพระองค์ตรัสประโยคนี้จบ เสนาบดีทั้งหลายก็เงียบไปชั่วขณะ

เข้าใจผิด?

มันจะเป็นความเข้าใจผิดได้อย่างไรกัน?

ใครกันที่จะกล้าทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้?

มีข่าวลือว่ามีคนเห็นเซียวเฉวียนออกมาจากตำหนักของเม่ยซีในตอนกลางคืน

เกิดมาจนอายุปูนนี้แล้ว ใครมันจะเชื่อว่าทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกินเลย?

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหล่าเสนาบดีก็เริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกันเอง

เพราะด้วยบทเรียนที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับคำพูดของฮ่องเต้

แต่การกระทำที่ทำอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เหล่าเสนาบดีมองไปยังองค์ฮ่องเต้ ตั้งใจที่จะถามออกไปว่าทำไมพระองค์ถึงตรัสออกมาเช่นนี้

ฮ่องเต้รู้จักสีหน้าพวกนั้นดี จึงทรงชี้แจงและคลายข้อสงสัยว่า “พวกท่านไม่ได้รู้อะไรเลย ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตัวข้ารู้สึกเหนื่อยง่าย เม่ยซีที่เป็นห่วงเป็นใยข้า จึงคอยอยู่ดูแลปรนนิบัติเช้าเย็นเพื่อคลายความเหนื่อยล้า”

ซึ่งหมายความว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เม่ยซีอยู่กับฮ่องเต้ทุกวัน ซึ่งถือว่านานทีเดียว

ฮ่องเต้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเม่ยซีและเซียวเฉวียนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์

ข่าวลือเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่มีอะไรที่เป็นจริง

หากมีบุคคลอื่นให้การเป็นพยานปรักปรำเซียวเฉวียนและเม่ยซี เหล่าเสนาบดีก็คงบอกให้เขาให้การเท็จว่าเห็นเซียวเฉวียนจริง

แต่พยานคนนี้คือฮ่องเต้ และไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวหาฮ่องเต้

และในเมื่อมีฮ่องเต้เป็นพยานแสดงความบริสุทธิ์ของเซียวเฉวียนและเม่ยซี ต่อให้เสนาบดีมีคำพูดเป็นร้อยเป็นล้านคำ ก็จะถูกขัดขวางออกไปจนหมดสิ้น

เสนาบดีบางคนอยากจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเสียเหลือเกิน

เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริง นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถหาเรื่องมากำจัดเซียวเฉวียนได้

เนื่องจากนี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด พวกเขาจึงต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยม และถอดถอนอคติที่มีต่อเซียวเฉวียน

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเสนาบดีบางคน แม้ว่าฮ่องเต้จะยืนยันความบริสุทธิ์แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ยอมที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป พวกเขายืนกรานที่จะยกเรื่องนี้เป็นประเด็น ราวกับว่าเรื่องนี้สามารถโค่นล้มเซียวเฉวียนได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย