ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1560

เขาคิดว่าสองคนนี้ละเลยหน้าที่ตนเอง ออกไปเดินเล่นที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

แต่หารู้ไม่ สองคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับความช่วยเหลือจากคนใจดีคนหนึ่ง ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย

ทั้งสองคนต่างครุ่นคิด หากอาการบาดเจ็บฟื้นตัวดีแล้ว พวกเขาจะออกไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา ปิดบังตัวตน และใช้ชีวิตตามปกติ

หลังจากหายตัวไปหลายวัน การกลับไปที่จวนหลินถือว่าเป็นจุดจบที่เลวร้าย

พวกเขาจะไม่กลับไปอยู่ในกำมือของหลินฟ่าง ดังนั้นพวกเขาต้องหนี

นอกจากนี้ เซียวเฉวียนรู้อยู่แล้วว่าหลินฟ่างเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่ช้าก็เร็วตระกูลหลินจะต้องพบกับความทุกข์ทรมาน

หากจะหนีในตอนนั้น มันก็อาจจะสายเกินไป

สองคนนี้เป็นคนที่ปลอมตัวเข้ามา แม้ว่าเจี้ยนจงจะโจมตีพวกเขาจนปางตาย แต่ก็ยังรอดมาได้

ถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย

คนที่ทำการใดลงไป จะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เข้าสักวัน

ส่วนจวนหลินนั้น ก็ขอให้โชคดีแล้วกัน!

หลินฟู่รับผิดชอบทุกอย่างในจวนหลิน รวมถึงผู้คนด้วย

หลินฟ่างต้องการพบสองคนนั้นที่ละเลยหน้าที่ของตนเอง แต่หลินฟู่หาไม่พบ

เมื่อหลินฟ่างถามคำถามนี้ขึ้นมา หลินฟู่ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงใดออกมา

เมื่อหลินฟ่างเห็นหลินฟู่ ความโกรธของเขาก็พวยพุ่งขึ้นมาทันทีจากนั้นจึงตะโกนออกไปว่า "ข้าถามอยู่นะ!"

ทำไมถึงทำอย่างกับเป็นใบ้?

หลินฟู่ที่รู้สึกผิดอยู่ก่อนหน้าเห็นท่าทีของหลินฟ่างเป็นเช่นนี้ เขาจะตอบสนองหลินฟ่างอย่างไรดี ยิ่งเมื่อเขาตะโกนเสียงดังใส่ด้วยแล้ว เขาก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจนเกือบสูญเสียการควบคุมเช่นกัน

เขายกเปลือกตาขึ้น มองไปที่หลินฟ่างด้วยสีหน้าเป็นกังกล แล้วพูดออกมมาอย่างลังเลว่า “ใต้เท้า ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังหาไม่พบเลยขอรับ”

หลินฟู่ได้ระดมคนออกตามหาพวกเขาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองไปอยู่แห่งหนใด ซึ่งมันทำให้เขาเป็นกังวลอย่างมาก

แต่การกังวลจะมีประโยชน์อะไรกัน?

กังวลมากเกินไป ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

ดวงตาของหลินฟ่างเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจ้องตรงไปที่หลินฟู่

นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่หลินฟู่ทำให้หลินฟ่างผิดหวังเป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ หลินฟ่างจึงโกรธเป็นที่สุด

แค่ให้รับผิดชอบหาคน ทำไมหลินฟู่ถึงทำผิดพลาด?

ในเมืองหลวงมีคนมากมายก ถ้าสองคนนั้นตาย ยังไงก็ต้องมีใครสักคนเห็น เหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างเช่น การตายของใครสักคน ยังไงก็ต้องสร้างความอลม่านและต้องมีข่าวคราวมาบ้าง

แต่หลังจากค้นหามาเป็นเวลานาน กลับไม่พบร่องรอยเลยแม้เเต่นิดเดียว มีทางเป็นไปได้แค่เพียงว่า สองคนนี้ทรยศต่อตระกูลหลินและหลบซ่อนตัวอยู่

หลินฟางสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้เซียวเฉวียนจะต้องมีความเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

บางทีเซียวเฉวียนอาจรู้อะไรบางอย่าง

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลินฟ่างก็เลิกคิ้วขึ้น ด้วยความอารมณ์เสียเล็กน้อย

เซียวเฉวียนให้โอกาสเขามีชีวิตรอด เขารู้ดีว่าถ้าเซียวเฉวียนจับเขาได้อีกครั้งล่ะก็ ไม่เพียงแต่ตระกูลหลิน แต่ยังรวมถึงตระกูลอู๋ที่จะต้องทนทุกข์ทรมาน

เซียวเฉวียนเป็นคนโหดเหี้ยมและไม่แม้แต่จะแสดงความเมตตา!

เมื่อนึกถึงวิธีการของเซียวเฉวียน หัวของหลินฟ่างก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที

ในเวลานี้ ราวกับลูกธนูที่ขึงอยู่บนเส้นเชือกรอเวลาที่จะยิงออกไปเท่านั้น

หากพบว่าคนที่หลินฟ่างกำลังไล่ล่าอยู่กับเซียวเฉวียน เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากก้าวไปด้านหน้าและต่อสู้กับเซียวเฉวียนจนตายกันไปข้าง

อย่างไรก็ตาม ภายในใจของหลินฟ่างเขาได้แต่ภาวนา หวังว่าเรื่องที่สองคนนั้นหายไปจะไม่เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน

ถึงแม้ว่าเขาจะสวดภาวนา และคาดหวังกับสิ่งนั้นมากก็ตาม แต่ก่อนที่ความปรารถนาของเขาจะไปถึงสรวงสวรรค์ ร่างสง่างามก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

เด็กคนหนึ่งที่ยืนอยู่ มองไปยังหลินฟ่าง

เมื่อหลินฟางเห็น หัวใจของเขาก็สั่นระรั่ว ความโกรธที่มีอยู่มลายหายไป

ตายห่า!

หากพูดให้กว้างขึ้นคือหากไม่เคารพเซียวเฉวียนก็เท่ากับว่าไม่เคารพฮ่องเต้เช่นกัน

หัวใจของหลินฟ่างสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำพูดของเสวียนอวี๋ เขาคิดภายในใจว่า เด็กคนนี้ฉลาดและพูดจาฉะฉานเสียจริง!

หลินฟู่ถึงกับหน้าถิดสีหลังจากที่ได้ยินเสวียนอวี๋พูด จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองหลินฟางและเสวียนอวี๋อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหลินฟ่างไม่ได้พูดว่าอะไร เขาจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า“ข้าน้อยไม่รู้จักมารยาท โปรดใต้เท้าเซียวมองข้ามความผิดของข้าน้อยด้วย”

เซียวเฉวียนเหลือบมองไปที่เสวียนอวี๋ด้วยสายตาชื่นชม

เขาอายุยังน้อย แต่กลับสามารถออกหน้าแทนเซียวเฉวียนได้ ถือว่าร้ายกาจไม่เบา

แม้แต่เซียวเฉวียนเองยังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ

เดิมทีเซียวเฉวียนไม่ได้หวังให้เสวียนอวี๋ทำอะไร นอกเสียจากการติดตาม ไม่ได้ต้องการให้เข้าไปพัวพันไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม

สิ่งที่เขาต้องการคือ เขาต้องการให้เสวียนอวี๋เติบโตขึ้นอย่างดีทั้งกายและใจ ในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์

แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเเอบเรียนรู้ทุกอย่างผ่านท่าทางของเซียวเฉวียนที่แสดงออกมา

ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง!

เมื่อได้รับคำชมจากเซียวเฉวียน เสวียนอวี๋ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

หลังจากที่ทั้งสองคนเสร็จสิ้นการชมเชยกันแล้ว เซียวเฉวียนก็หันไปมองหลินฟู่ด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดว่า"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ในฐานะราชครูและประมุขของสถานศึกษาชิงหยวน ใต้เท้าเซียวยคนนี้จะทำให้เป็นเรื่องยากทำไมเล่า?"

ขณะที่หลินฟู่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซียวเฉวียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที: "มีคำพูดโบราณที่ข้าคิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมากทีเดียว คานบนไม่ตรง คานล่างย่อมเอนเอียง"

ความหมายของมันก็คือ ในเมื่อคนเป็นนายไม่ประพฤติเป็นตัวอย่าง คนเป็นบ่าวย่อมเอนเอียงตาม

เพราะตั้งเเต่ที่เซียวเฉวียนเข้ามาจนถึงตอนนี้ หลินฟ่างก็ยังไม่ได้กล่าวทักทายเขาเลยแม้แต่คำเดียว

จะเห็นได้ว่าคนเป็นนายก็ไม่มีมารยาทเช่นกัน

ขนาดเสวียนอวี๋ที่เป็นเด็กยังรู้จักมารยาท แต่หลินฟ่างที่เป็นถึงเสนาบดีกลับไม่รู้จัก ช่างน่าละอายเสียเหลือเกิน

แต่ไม่เป็นไร เพราะการมาของเซียวเฉวียนในครั้งนี้คือมาเพื่อทำให้หลินฟ่างต้องอับอายอยู่แล้ว

นอกจากนี้เขายังต้องการให้หลินฟ่างรู้ว่าเซียวเฉวียนกำลังทำอะไรลับหลังเขาอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย