เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
อะไรจะเลวร้ายไปกว่าการที่เซียวเฉวียนมายืนอยู่ในจวนอีก?
หลินฟ่างขยิบตาให้อู๋จี้เป็นสัญญาณว่าอู๋จี้จะต้องรอให้เซียวเฉวียนกลับไปก่อนถึงจะพูดเรื่องนี้ได้
เขายังกระซิบกับอู๋จี้อีกว่า "เร็วเข้า รีบไปจากที่นี่ซะ"
อู๋จี้เกลียดเซียวเฉวียนเป็นที่สุด เนื่องจากเขายังเด็กจึงไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้ หากเจอคำพูดของเซียวเฉวียนไม่กี่คำ เขาคงโกรธจนควันออกหูเป็นแน่
ผู้คนมักจะเสียสติและทำอะไรหุนหันพลันแล่นเมื่อโกรธ
ความโกรธเปรียบดั่งเเรงขับเคลื่อนของปีศาจ
เมื่อพวกเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำ ก็จะถูกเซียวเฉวียนหลอกเอาได้อย่างง่ายดาย และเซียวเฉวียนจะหลอกให้พวกเขาพูดในสิ่งที่เขาต้องการรู้ จากนั้นพวกเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมาน
หลินฟ่างไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีเหมือนหลินฟู่ เขาไม่คิดว่าเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋ไม่สามารถเอาชนะคนของเขาได้
เซียวเฉวียนเป็นคนฉลาด เขาไม่มีทางที่จะทำให้ตนเองเสียเเรงโดยเปล่าประโยชน์ เขาจะตรงเข้าไปกำจัดต้นตอ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
และหลินฟ่างเป็นผู้ดูแลจวนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ?
ขณะนี้หลินฟ่างอยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียน แล้วเขาจะหลบเลี่ยงได้อย่างไรกัน?
แต่ในความเป็นจริง หลินฟ่างคิดมากเกินไป เพราะในครั้งนี้เซียวเฉวียนไม่ได้คิดที่ปลิดชีพหลินฟ่างหรืออู๋จี้
ครั้งนี้เขาแค่ต้องการบอกว่าพวกเขาได้ตกเป็นเป้าของเซียวเฉวียนเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าครั้งนี้เซียวเฉวียนไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ แต่เขาแค่ไม่ต้องการที่จะฆ่าเท่านั้น
จุดประสงค์ของเซียวเฉวียนคือการทำให้พวกเขาตื่นตระหนก ยิ่งพวกเขาตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ การใช้ชีวิตในแต่ละวันของพวกเขายิ่งเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
มันทรมานกว่าการฆ่าให้ตายในทันทีไม่ใช่อย่างนั้นหรือ?
เพื่อสร้างความตื่นตระหนกให้มากกว่าเดิม เซียวเฉวียนจึงพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า "คุณชายอู๋กังวลขนาดนี้ เพราะจวนอู๋ถูกระเบิดอย่างนั้นรึ?"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อู๋จี้ก็ตัวสั่นสะท้าน เขามองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความประหลาดใจ
สิ่งที่เซียวเฉวียนพูดเป็นความจริง คนของจวนอู๋พูดว่าจวนอู๋นั้นถูกระเบิด
ห้องอ่านหนังสือของจวนอู๋ถูกทำลายไม่เหลือซาก โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต
เรื่องนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น
เดิมทีอู๋จี้คิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเซียวเฉวียนเช่นกัน
แต่เซียวเฉวียนอยู่ในจวนหลิน หากพิจารณาสีหน้าของเซียวเฉวียนและหลินฟ่างแล้วล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนอยู่ที่นี้มาระยะหนึ่งแล้ว
เพราะฉะนั้นห้องอ่านหนังสือในจวนอู๋ ไม่ได้ถูกโจมตีโดยเซียวเฉวียน
แต่ถ้าคนที่วางระเบิดไม่ใช่เซียวเฉวียน เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจวนอู๋ถูกระเบิด?
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาจนถึงตอนนี้ อู๋จี้จงใจสงบสติ เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวเฉวียนสำรวจเข้ามาในความคิดของเขา
เป็นไปได้ไหมที่เซียวเฉวียนจะส่งคนมาวางระเบิดที่จวนอู๋?
ทันใดนั้น อู๋จี้ก็พูดขึ้นอย่างคาดเดาว่า "เซียวเฉวียน ท่านส่งคนมาทำใช่หรือไม่?"
เซียวเฉวียนเหลือบมองไปที่อู๋จี้อย่างเย็นชา เมื่อพิจารณาท่าทางที่แสนประหลาดนั้นแล้ว เขาคงอยากจะรู้ว่าเซียวเฉวียนรู้ได้อย่างไรล่ะสิท่า
“เสวียนอวี๋ บอกพวกเขาไปสิว่าทำไมอาเซียวถึงรู้”
เสวียนอวี๋ตอบว่า "ข้ากับอาเซียวได้ยินเสียงระเบิดทั้งคู่"
ประสาทการได้ยินของเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋นั้นไวมาก และระยะห่างระหว่างจวนหลินและจวนอู๋ก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่
“ถ้าอาเซียวต้องการระเบิดจวนอู๋ คิดว่าระเบิดห้องอ่านหนังสือมันไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรือ”
ความหมายก็คือมันไม่ใช่ฝีมือของเซียวเฉวียน และเซียวเฉวียนก็ไม่ได้ส่งใครไปทำเช่นกัน
แต่คนจวนเซียวขึ้นชื่อเรื่องความเป็นอิสระ
และเซียวเซียนชิวเป็นคนทำมัน
ขณะที่เซียวเฉวียนได้ยินเสียงระเบิด เสียงของเซียวเซียนชิวก็ดังขึ้นในหัวว่า: "ท่านพ่อ ข้าระเบิดห้องอ่านหนังสือจวนอู๋แล้ว"
ปรากฎว่าเป็นเซียวเซียนชิวที่พบว่าจวนหลินกำลังวางแผนต่อต้านเซียวเฉวียน ดังนั้นเขาจึงพุ่งเป้าไปที่จวนหลิน
หลังจากที่หลินฟ่างพูดจบ ก็รีบก้าวไปด้านหน้าเพื่อเชิญอู๋จี้ออกไป
อย่างไรก็ตาม อู๋จี้ถูกครอบงำด้วยความโกรธ เขาผลักหลินฟู่ออกไปและพูดออกมาว่า "ไสหัวออกไป!"
ท่าทีของอู๋จี้เปลี่ยนไป ความเข้าใจของเขาในตอนนี้คือ หากเขาไม่ฆ่าเซียวเฉวียนตอนที่มีโอกาส ครั้งหน้าเขาจะไม่มีโอกาสได้ฆ่าอีก
และระหว่างที่รอคอยให้วันนั้นมาถึงอีกครั้งก็แสนจะทุกข์ทรมาน
เขาเองต้องการที่จะฆ่าเซียวเฉวียนเพื่อที่จะล้างแค้นให้พ่อของเขา
หากต้องรอต่อไปไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่
เขาไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป
ในเมื่อเซียวเฉวียนมาให้ฆ่าถึงหน้าประตูจวน ก็ใช้โอกาสนี้ฆ่าเซียวเฉวียนซะ!
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง อู๋จี้ก็หยิบกริชที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขาออกมา ในขณะที่เซียวเฉวียนไม่ทันได้ระวังตัว เขาก็พุ่งไปด้านหน้าเพื่อโจมตีเซียวเฉวียน
แต่เซียวเฉวียนนั้นมีสายตาที่รวดเร็ว เมื่อกริชกำลังจะถึงตัวเขา เขาคว้าข้อมือของอู๋จี้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วบิดมันอย่างรุนแรง อู๋จี้รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนร้องออกมา "อ๊าก!"
ในเวลาเดียวกัน กริชที่อยู่ในมือของเขาก็ล่วงล่นลงบนพื้นเสียงดัง
ใบหน้าของเสวียนอวี๋เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาจ้องมองไปที่อู๋จี้อย่างอำมหิต เพียงแค่โบกมือ เขาก็อัดอู๋จี้เข้ากำแพงไปแล้ว อู๋จี้ร้องครวญครางออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด
คุณชายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่ยังเด็ก จะทนมือทนตีนได้สักเท่าไหร่กัน?
เขาล้มลงกองกับพื้นเสียงดังสนั่น จากนั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด ดวงตาของเขามืดมิดเกือบที่จะสลบไสลไป
เขาจ้องมองไปที่เซียวเฉวียนอย่างแค้นเคือง พยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง"เซียวเฉวียน ในฐานะประมุขของชิงหยวน ท่านเป็นประมุข ข้าเป็นนักเรียนของชิงหยวน ท่านฆ่าข้าไม่ได้หรอก!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ท่านฆ่าข้าไม่ได้!"
ขณะที่เขาพูด อู๋จี้ส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง เลือดที่อยู่มุมปากทำให้รอยยิ้มของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้น
ถูกต้อง เขาอาศัยความจริงที่ว่าประมุขของชิงหยวนไม่สามารถฆ่านักเรียนของชิงหยวนได้ ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะยกสิ่งนี้มาเล่นงาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...