นี่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขากลับหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมาเลยงั้นหรือ?
ที่สถานการณ์ต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากตัวของพวกเขาเอง
ถนนหยางกวนอันยิ่งใหญ่มีแต่พวกเขากลับไม่ใช่ ใครใช้ให้พวกเขาไปเดินผ่านสะพานไม้เดี่ยว
ถ้าตกลงไปตายในน้ำก็จะมาโทษคนอื่นไม่ได้!
เซียวเฉวียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นอยู่ในใจ จากนั้นสั่งออกมาว่า “เฉวียนอี เพิ่มส่วนผสมให้พวกเขาอีกหน่อย”
เหตุการณ์สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างสิ้นเชิงเพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ก็คือสิ่งที่เซียวเฉวียนมอบให้กับพวกเขา
และส่วนผสมที่เซียวเฉวียนกล่าวถึง คือการทำให้ความคิดเห็นของประชาชนแพร่กระจายออกไปอย่างรุนแรงมากขึ้น ทำให้หลินฟ่างและอู๋จี้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ฟ้าถล่มดินทลายนั้นเป็นเช่นไร
เฉวียนอีรับคำสั่ง เขาปฏิบัติตามคำสั่งอย่างมีความสุข
เรื่องแบบนี้มันก็แค่งานง่ายๆ ไม่ต้องออกแรง แค่ใช้ปากก็เพียงพอแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงระดับความยาก แค่ปอกกล้วยเข้าปากยังง่ายกว่าด้วยซ้ำ
ดังนั้น เฉวียนอีใช้ระยะเวลาเตรียมการไม่ถึงครึ่งวัน ความเห็นของประชาชนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนแรกประชาชนพูดถึงแค่เรื่องศีลธรรมส่วนตัวของหลินฟ่างและอู๋จี้ เวลานี้เฉวียนอีสั่งให้คนเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่หลี่ซื่อมาสร้างปัญหาให้แก่จวนเซียวทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ และบอกว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลินฟ่างและอู๋จี้
เรื่องนี้พวกของเฉวียนอีเองก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เพียงแค่กล่าวถึงมันในลักษณะที่คลุมเครือเท่านั้น ทำให้เหล่าผู้คนคิดไปต่างๆ นานา
การที่จะสร้างเรื่องราวขึ้นมานั้นจำเป็นจะต้องสร้างเรื่องราวที่มีความคลุมเครือ แบบนั้นถึงจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจของผู้คน เนื่องจากทำให้พวกเขาสามารถจินตนาการออกไปได้มากมาย
ในตอนนี้เรื่องที่หลี่ซื่อมาสร้างความวุ่นวายนั้นค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว เรื่องจากผู้คนเกือบทั่วทั้งเมืองหลวงได้รับรู้เรื่องราวนี้หมดแล้ว
เมื่อเรื่องดังขึ้นมาในวันนี้ แถมยังเกี่ยวข้องกับจวนอู๋และจวนหลิน ความโกรธที่เหล่าผู้คนมีต่อหลินฟ่างและอู๋จี้สำหรับเรื่องพวกนี้จึงเพิ่มมากขึ้นอย่างทวีคูณ
และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน ถูกคนดูถูกมาโดยตลอด มันเป็นความยากลำบากในชีวิตของเขา
ข้ามผ่านชีวิตและความตายมามากมาย
ประชาชนสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากโลกใบนี้คือโลกที่ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง และผู้มีอำนาจก็มักจะดูถูกคนยากไร้ ทุกสิ่งเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณกาล
แต่วันนี้เซียวเฉวียนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาเป็นถึงขุนนางระดับสี่ และยังเป็นคนสนิทข้างกายของฮ่องเต้
เซียวเฉวียนในวันนี้ไม่ใช่คนอ่อนแอผู้เป็นเหยื่ออีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากบอกว่าเขาคือกระดูกชิ้นใหญ่
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนสงสัยก็คือ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว เหตุใดถึงยังมีคนที่คิดจะเคี้ยวกระดูกชิ้นนี้อยู่?
หรือว่าพวกเขาจะไม่กลัวฟันหัก เหตุใดพวกเขาถึงไม่ไปกินหญ้าอ่อน พวกเขาหิวจนกำลังจะตายเลยงั้นหรือ?
เอ๊ะ?
ไม่เข้าใจจริงๆ หลินฟ่างและอู๋จี้ไปเอาความกล้าและความมั่นใจมาจากที่ไหน เหตุใดถึงได้กล้าโอหังใส่เซียวเฉวียนเช่นนี้
ราชสีห์ดุร้ายแห่งต้าเว่ยอย่างเว่ยเชียนชิวยังพ่ายแพ้ให้กับเซียวเฉวียน เพิ่งจะผ่านไม่ได้ไม่นาน หรือว่าพวกเขาลืมไปแล้วงั้นหรือ?
ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาพูดจริงๆ พวกคนไม่รู้จักเจียมตัว เจ้าพวกไม่รู้จักจำ!
อีกอย่าง เซียวเฉวียนไม่ได้เป็นคนไปยั่วยุพวกเขา พวกเขาเป็นฝ่ายเข้ามายั่วยุเซียวเฉวียนด้วยตัวเอง สุดท้ายก็เป็นฝ่ายโชคร้าย และก็มาเกลียดชังเซียวเฉวียน
สมองของพวกเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
เหตุใดถึงสนับสนุนให้หลี่ซื่อไปสร้างปัญหาให้กับจวนเซียว?
โชคดีที่เซียวเฉวียนไม่สนใจพวกเขา ไม่อย่างนั้น ด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้ได้อย่างไร เหล่าผู้คนยอมเดิมพันด้วยชื่อเสียงของพวกเขา!
ผู้คนทั้งหมดหันมาเข้าข้างเซียวเฉวียนโดยไม่รู้ตัว ใช้ความโกรธเป็นเครื่องนำทาง ลืมไปเลยว่าในหมู่ของพวกเขานั้นไม่มีใครที่มีชื่อเสียงหรือเกียรติที่คู่ควร จึงไม่ต้องพูดถึงการเดิมพัน
แน่นอน เรื่องอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของผู้คน มันไม่จำเป็นต้องไปสนใจขนาดนั้น
ในใจของพวกเขา พวกเขารู้สึกอย่างไร พวกเขาก็พูดออกมาอย่างนั้น
เมื่อลองเปรียบเทียบกันดูแล้ว เหล่าประชาชนพบว่าเซียวเฉวียนนั้นเป็นคนใจกว้าง แต่หลินฟ่างและอู๋จี้ก็ยังวางแผนที่จะทำร้ายเซียวเฉวียน เป็นคนใจแคบเท่านั้นไม่พอ ยังมีความโง่เขลาเข้ามาปะปน
พวกเขาไม่รู้ความสามารถของตนเองเลยงั้นหรือ?
เหตุใดถึงได้พุ่งเข้าหาการต่อสู้อย่างไม่กลัวตายเช่นนี้!
พุ่งเข้าหาการต่อสู้ไม่เท่าไหร่ เมื่อพุ่งเข้าไปชนแล้วกลับยังไม่รู้สึกตัว ยังคิดไปเองว่าเซียวเฉวียนยังไม่รู้ตัว แม้ว่ารู้ตัวแล้วก็คงไม่กล้าสังหารพวกเขา และเลือกที่จะตามรังควานสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียนต่อไป
เฮ้อ......ประชาชนต่างรู้สึกว่าพวกเขาโง่เขลาจนไร้หนทางรักษา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...