แต่เซียวเฉวียนไม่ได้ถามอะไรออกมาเลย แค่บอกให้เฉวียนซานไปสังหารเขา เซียวเฉวียนเขาไม่ทำอย่างที่เคยทำอย่างนั้นหรือ?
องครักษ์เริ่มตื่นตระหนก เขาพูดด้วยสำเนียงของซินเจียง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “เซียวเฉวียน หากเจ้าสังหารข้าเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
เซียวเฉวียนขมวดคิ้วและมองไปที่องครักษ์ผู้นั้น “งั้นหรือ?”
จากนั้นเซียวเฉวียนก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าคือคนที่หมิงเจ๋อส่งมา เจ้าเป็นคนแผ่กระจายข่าวลือขององค์หญิง ข้ารู้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!”
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าตายได้อย่างชัดเจน!
สิ่งที่มากกว่านี้ เซียวเฉวียนก็แค่อยากรู้ที่อยู่ของหมิงเจ๋อ แต่ฟังจากน้ำเสียงขององครักษ์ เวลานี้หมิงเจ๋ออยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าแม้แต่องครักษ์เองก็ยังไม่รู้
เช่นนั้นเหตุใดเซียวเฉวียนจะต้องไปคุยกับเขาให้เปลืองน้ำลายด้วย?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รูม่านตาขององครักษ์ก็เบิกกว้าง ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย แต่สิ่งที่เขารู้ เวลานี้เซียวเฉวียนก็รู้ทั้งหมดแล้ว
เซียวเฉวียนยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจประเด็นนี้ เขาต้องหาวิธีเอาชีวิตรอดให้ได้!
ภารกิจล้มเหลวอีกครั้ง เขาไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เขาได้สูญเสียความเชื่อใจจากทางด้านของหมิงเจ๋อไปแล้ว
น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ในอนาคตเขาจะไม่ถูกหมิงเจ๋อนำกลับมาใช้งานอีกแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยสภาพในปัจจุบันของหมิงเจ๋อ เหล่าองครักษ์คิดว่า ต่อให้ติดตามเขาไปก็ไม่มีวันที่จะเจริญรุ่งเรือง
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้านายกับข้ารับใช้ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของหมิงเจ๋อ พวกเขาได้เดินมาสุดปลายสะพานแล้ว จะย้อนกลับมาเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าหมิงเจ๋อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเฉวียน การต่อสู้ระหว่างเขากับเซียวเฉวียนนั้นเหมือนการต่อสู้ของคนแก่กับคนหนุ่ม ใครแพ้หรือชนะ ทุกอย่างมันก็เห็นกันอยู่แล้ว
และด้วยเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ในที่สุดองครักษ์ก็เข้าใจ ไม่ว่าหมิงเจ๋อจะส่งคนมาจัดการกับเซียวเฉวียนมาเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็เหมือนกับการเอาเปลือกไข่มากระทบก้อนหิน
เซียวเฉวียนนั้นแข็งแกร่งมาก และทุกคนที่อยู่ในจวนของเขาก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนธรรมดา
หากหมิงเจ๋อยังมีอำนาจและความแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน เหล่าองครักษ์ก็ยังยินดีที่จะต่อสู้เคียงข้างกับเขา
ต่อให้เขาตาย อย่างน้อยหมิงเจ๋อก็ยังมีเงินในการค้ำจุนครอบครัวของพวกเขา
แต่ความเป็นจริงในทุกวันนี้ หมิงเจ๋อไม่เพียงแต่ยากจนเท่านั้น เขาไม่มีอำนาจและพลังเหมือนกับเมื่อก่อน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขายังทำงานภายใต้คำสั่งของหมิงเจ๋อ แม้ว่าองครักษ์จะต้องตาย ครอบครัวของเขาก็ไม่ได้สิ่งใดเป็นการตอบแทน มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
หากมนุษย์ไม่รู้จักคำว่าศีลธรรม มันก็มักจะถูกสวรรค์ลงโทษ
องครักษ์ไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือทางตัน การหยุดเคลื่อนไหวให้ทันเวลานั้นถือเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดวิธีหนึ่ง
สิ่งสำคัญคือต้องปกป้องชีวิตเอาไว้ เพราะชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันน่าเกรงขามของเซียวเฉวียน มันก็ยากที่จะพูดออกมา
ทำเช่นไรดี?
เมื่อเห็นเฉวียนซานกำลังขึ้นมาเพื่อนำตัวเขาลงไป หน้าผากขององครักษ์ก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาอยากจะเช็ดมัน แต่มือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดเอาไว้ มันช่างน่าอนาถเสียจริง
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็พูดออกมาด้วยความร้อนรนว่า “ช้าก่อน เซียวเฉวียน ได้โปรดไว้ชีวิตข้า ข้าจะช่วยเจ้าตามหาที่อยู่ขององค์ชาย เจ้าว่าอย่างไร?”
“ฮ่า!” เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็น ดับความคาดหวังขององครักษ์ในทันใด “ไม่จำเป็น!”
สำหรับคนที่ไม่ซื่อสัตย์เช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าหากไว้ชีวิตเขา เขาจะใช้โอกาสดังกล่าวในการช่วยออกตามหาหมิงเจ๋อหรือไม่?
แม้ว่าองครักษ์ผู้นี้ไม่ใช่คนสำคัญอะไร แต่เรื่องที่เขาเป็นคนแผ่กระจายข่าวลือ ทำลายความอดทนของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนไม่มีวันไว้ชีวิตของเขาเป็นแน่!
พูดจบเซียวเฉวียนก็พูดออกมาอีกอย่างว่า “พาเขาออกไป!”
เฉวียนซานตอบรับกลับมา “ขอรับ! นายท่าน!”
พูดจบเฉวียนซานก็พาตัวองครักษ์ออกไปด้านนอก
เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า องครักษ์หวาดกลัวจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างกายของเขาสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ อยากจะหันมาร้องขอความเมตตาจากเซียวเฉวียนอีกครั้ง
แต่เซียวเฉวียนจากไปไหนแล้วก็ไม่รู้
จบแล้ว มันจบแล้ว
ตอนแรกองครักษ์คิดว่าภารกิจการแผ่กระจายข่าวลือนั้นมันง่ายเสียยิ่งกว่ากินข้าว เขาจึงเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งต้าเว่ยอย่างมีความสุข
คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะนำพาชีวิตของเขามาสู่ความตาย!
ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก!
“คิดมากเกินไปแล้ว!”
“เจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีทางที่ใครจะมาให้ความช่วยเหลือเจ้า แม้ว่าจะมีใครมาให้ความช่วยเหลือ แต่นั่นก็ต้องดูก่อนว่าเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะช่วยเจ้าไปจากมือของข้าได้หรือไม่!”
ความแข็งแกร่งของไป๋ฉี่ แม้อาจจะสู้ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับคนภายนอกส่วนใหญ่ เขาก็ถือเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง
หลังจากที่เข้ามาในจวนเซียว เฉวียนซานและพวกของเขาก็เอาแต่ฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน บางครั้งก็เชิญยอดฝีมืออย่างเสวียนอวี๋และเจี้ยนจงมาช่วยให้คำชี้แนะ ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า คนที่สามารถเอาชนะเฉวียนซานได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
คำพูดของเฉวียนซานดับฝันที่จะมีชีวิตขององครักษ์ไปอย่างสิ้นเชิง เท้าของเขาหนักขึ้น ก้าวไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าโดยการนำทางของเฉวียนซาน
พวกที่ปล่อยข่าวลือก็ตายกันหมด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองหลวงสงบลงได้ในที่สุด
เนื่องจากข่าวลือแผ่กระจายอยู่หลายวัน แต่เซียวเฉวียนก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอธิบายหรือพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
และก็ไม่มีใครเห็นวี่แววขององค์หญิงต้าถง ประชาชนจึงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือจริงๆ ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาจึงค่อยๆ เลิกสนใจกันไปเอง
เมื่อเห็นว่าโอกาสที่จะทำลายเซียวเฉวียนได้จบสิ้นลงไปแล้ว เหล่าเสนาบดีที่มีเจตนาชั่วร้ายต่างก็รู้สึกหดหู่ใจ
พวกเขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เสนาบดีจำนวนมากล้มป่วยและไม่สามารถเดินทางมาประชุมราชสำนักในช่วงเช้าได้
และหนึ่งในนั้นก็คือเฉินเหอ ขุนนางหลางที่ทำหน้าที่รักษาการในพระราชวัง
อายุของเฉินเหอนั้นเกือบจะครบ 50 ปีแล้ว เขาเป็นแม่ทัพทหาร มีร่างกายที่กำยำ
แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพ แต่เขาก็มีหัวใจที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทำอะไรละเอียดถี่ถ้วนและรู้จักการประเมินสถานการณ์
เขาสามารถขึ้นมานั่งบนตำแหน่งขุนนางหลางได้ แน่นอนว่าได้รับความช่วยเหลือจากเว่ยเชียนชิวมาไม่น้อย
เขายืนอยู่ข้างเว่ยเชียนชิว และสิ่งนี้ทำให้เว่ยเชียนชิวสามารถเฝ้ามองสถานการณ์ต่างๆ ในพระราชวังได้ง่ายขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฉินเหอทำทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความลับ คนที่รู้ว่าเขาเป็นคนที่มาจากค่ายของเว่ยเชียนชิว นอกจากเว่ยเชียนชิวและพวกพ้องของเขาก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...