ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1598

จำนวนคนที่มารวมตัวกัน มากเป็นประวัติการณ์

หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุด ชุดเสื้อผ้าแม้จะเป็นสีเรียบๆ แต่ก็เห็นได้ว่าทำจากเนื้อผ้าที่ดีเยี่ยม นางคงมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย

หญิงคนนี้ดูราวอายุ 30 ต้นๆ มีหน้าตาค่อนข้างดูดี แต่โหนกแก้มของนางดูสูงไปหน่อย ดูก็รู้ว่าเป็นคนค่อนข้างแกร่งและคุยยาก

เมื่อตะกี้นางยังตะโกนเสียงดังอย่างฮึกเหิม แต่พอเห็นเซียวเฉวียนเข้า นางใจเสาะทันที ความเกรงกลัวปรากฏขึ้นในแววตา

หญิงคนนี้เป็นภรรยาหลวงของหลินฟ่าง เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของหลินเฉิง ชื่อเฉินเหยา ซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาของเฉินเหอ หัวหน้าทหารองครักษ์ในวัง

สมัยที่ยังอยู่เฝ้าเรือน ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเหยาและเฉินเหอก็ไม่ถือว่าสนิทกัน หลังจากแต่งออกไปแล้ว ก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น

จนถึงตอนนี้ นางและเฉินเหอแค่รักษาความสัมพันธ์แบบผิวเผิน ไม่มีการติดต่อกันเป็นอย่างอื่น

นั่นก็หมายความว่า เฉินเหยาไม่สามารถพึ่งพาครอบครัวเดิมของนางได้แล้ว

สำหรับตระกูลหลิน หลังจากหลินฟ่างตายไป เท่ากับกระดูกสันหลังของตระกูลหลินหายไป หากเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลิน นางจะต้องเป็นคนออกหน้าเอง

วันนี้นางมาก่อกวนที่จวนเซียว เป็นเพราะหลินเฉิงตายไป

เฉินเหยาเคยได้ยินข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับเซียวเฉวียน แต่นางไม่เคยพบกับเซียวเฉวียนมาก่อน นางจึงมักจะคิดว่าข่าวลือข้างนอกนั้นว่าเกินความจริง

ตัวอย่างเช่น ข่าวลือบอกว่าเซียวเฉวียนมีรัศมีเร้าคน ดูน่าเกรงขามโดยไม่ดุดัน คนเห็นคนกลัว

เฉินเหยาสงสัยว่ามันเป็นไปได้ไง คนจากครอบครัวยากจน จะมีอำนาจบารมีขนาดนี้ได้ไง ?

คำล่ำลือเหล่านั้น อาจมีคนจงใจพูดเกินจริงเพื่อประจบเซียวเฉวียนเท่านั้น

ตอนนี้พอเห็นเซียวเฉวียนตัวจริง เฉินเหยาถึงกับเลิกคิดอย่างนั้นอีกต่อไป

เซียวเฉวียนที่อยู่ตรงหน้านาง ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา อำนาจรัศมีทั้งตัวของเขาแรงกล้าจนผู้คนไม่กล้าสบตา

ไม่เพียงแต่คนเห็นคนกลัว แต่ยังกลัวจนนึกถึงยมทูตอีกด้วย

ใช่แล้ว เซียวเฉวียนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนกับยมทูตที่เล่ากันในหนังสือนิทาน

เฉินเหยาเพียงแค่เหลือบมองเขา ถึงกับก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ราวกับว่าลืมจุดประสงค์ที่มาเยือนที่นี่ของนางไปแล้ว

เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลยและพูดอย่างใจเย็น "พวกเจ้ามาล้อมจวนเซียวของข้า กะจะทำอะไรกันเนี่ย ? "

สำเนียงนี้ดูเป็นเรื่องปกติมาก สำหรับเซียวเฉวียนและผู้คนรอบข้างเขาที่คุ้นเคยกัน

แต่ฟังในหูของเฉินเหยา มันเหมือนกับน้ำแข็ง มันหนาวมากจนหัวใจและสัญชาตญาณของเฉินเหยาสะดุ้ง ร่างกายสั่นเทา ดวงตาส่อความเกรงกลัว แอบมองเซียวเฉวียนอย่างเงียบๆ

นางอยากจะย้อนหาแรงกล้าก่อนหน้านี้ ทวงคำอธิบายจากเซียวเฉวียน

แต่เมื่อนางเจอกับเซียวเฉวียน นางก็เสียทีท่าไปเลย

เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที ก็ยังไม่มีใครส่งเสียง

เซียวเฉวียนพูดต่อ “เป็นไง ไม่มีอะไรจะพูดหรือ ?”

ตอนนี้ เฉินเหยาก็รวบรวมความกล้าเพื่อตัวเอง เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ บอกเซียวเฉวียนทุกอย่างเกี่ยวกับหลินเฉิง

ตามที่เฉินเหยาวกล่าว ลูกหลานจากครอบครัวยากจนตอนนี้ไปโรงเรียนชิงหยวนร่วมกับลูกหลานจากครอบครัวชนชั้นสูง เด็กส่วนใหญ่จากครอบครัวยากจนมักอดทนต่อความยากลำบากและขยันเรียนหนังสือ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันไม่น้อยให้กับเด็กๆ จากครอบครัวชนชั้นสูง

การเรียนรู้ก็เหมือนการแล่นเรือทวนกระแส ไม่ก้าวหน้าก็ถอยหลัง

เพื่อไม่ให้ล้าหลังศิษย์คนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน หลังจากงานศพหลินฟ่าง เฉินเหยาก็ให้หลินเฉิงกลับไปที่ชิงหยวนเพื่อเรียนต่อ

หลินฟ่างตายไปแล้ว ในฐานะผู้สืบทอดจวนตระกูลหลิน หลินเฉิงมีภาระหน้าที่หนักหน่วงและยาวไกล จะหย่อนคลายไม่ได้แม้แต่น้อย

สิ่งที่เฉินเหยาไม่รู้ก็คือ ในวันที่เซียวเฉวียนตัดสิทธิ์การเรียนของหลินเฉิงต่อที่สาธารณะ เขาก็ส่งคนไปแจ้งให้หลินเฉิงทราบในทันทีแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประตูของโรงเรียนชิงหยวนจะไม่เปิดให้เขาอีกต่อไป และหลินเฉิงก็รู้เรื่องนี้

อาจเป็นเพราะการตายของหลินฟ่าง ทำให้หลินเฉิงเติบโตขึ้นและมีสติได้ในทันที เขาไม่ต้องการให้เฉินเหยาซึ่งเสียใจกับการสูญเสียสามีอยู่แล้วต้องมากังวลเกี่ยวกับเขา ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นออกจากบ้านไปโรงเรียน

รอให้ผ่านไปสักพักก่อนค่อยบอกเฉินเหยาเรื่องนี้อีกที

แน่นอน เซียวเฉวียนคาดเดาเรื่องนี้จากปฏิกิริยาของเฉินเหยาและคำพูดของเจี้ยนจง

ส่วนเขาไปไหนมา ถ้าอยากรู้ ก็ต้องสืบ

แต่เซียวเฉวียนไม่คิดอยากจะสืบ

ถ้าใครคิดจะเอาเรื่องนี้มาหาเรื่องเซียวเฉวียน ก็ถือว่าไม่สำเร็จ

คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องมีการเคลื่อนไหวอีกอย่างแน่นอน

ที่เซียวเฉวียนต้องทำ คือรอให้คนที่อยู่เบื้องหลังออกหมัด

แต่ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่เซียวเฉวียนไม่เข้าใจ หากคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียนโดยอาศัยเรื่องนี้ เขาก็ควรแน่ใจว่าหลินเฉิงได้ไปที่โรงเรียนชิงหยวนมาก่อน ค่อยดำเนินการขั้นต่อมาใช่ไหม ?

แต่เขาไม่ทำ มิเช่นนั้น คงไม่มีช่องโหว่ใหญ่ขนาดนั้นที่ว่าหลินเฉิงไม่ได้ไปที่โรงเรียนชิงหยวน

ด้วยมีช่องโหว่นี้ เพียงแค่สอบถามผู้คนในโรงเรียนชิงหยวนก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าการตายของหลินเฉิงไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนชิงหยวน และไม่เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน

คนที่อยู่เบื้องหลังไม่น่าโง่ถึงขนาดคิดไม่ถึงประเด็นนี้ใช่ไหม ?

เซียวเฉวียนคิดอยู่แล้ว รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เพียงทางเดียว นั่นก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังจงใจทำเช่นนี้

แล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาในการทำเช่นนี้คืออะไร ?

“เป็นไปได้ยังไง ลูกเฉิงบอกข้าด้วยตัวเขาเอง ว่าเขากลับไปที่โรงเรียนชิงหยวน แถมตอนที่เขากลับมา ข้าเห็นสีหน้าเขาไม่ดี ถึงกับแอบถามเด็กรับใช้ของเขาอย่างเงียบๆ และเด็กรับใช้บอกว่าเขาเหนื่อยมาจากการเรียนที่โรงเรียน”

เด็กรับใช้มีความซื่อสัตย์และจะไม่พูดโกหก

ในขณะนี้เอง เฉินเหยาส่งเสียงขัดจังหวะความคิดของเซียวเฉวียน

เซียวเฉวียนพูดอย่างเฉยเมย “ถ้าคุณนายหลินไม่เชื่อ ท่านสามารถไปโรงเรียนชิงหยวนและถามทุกคนได้ว่า พวกเขาเคยเห็นหลินเฉิงไหม”

เรื่องง่ายๆ แบบนี้ ถามทีก็รู้ ไม่จำเป็นต้องมาวุ่นวายที่นี่

แต่เฉินเหยากลับแย้งว่า "ท่านเป็นเจ้าของชิงหยวน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านที่จะพูด ทั้งครูและลูกศิษย์ ใครจะกล้าพูดขัดแย้งกับท่านล่ะ ? “

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย