ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1603

ด้วยบุคลิกที่ไม่ยอมเสียหน้าของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงการยอมรับ แค่ไม่หยิบไม้กวาดออกมาขับไล่ผู้คนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!

เฉินเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ใต้เท้าเซียว ข้ามีเรื่องจะขอร้อง”

พูดจบเฉินเหยาก็แอบสังเกตสีหน้าและท่าทีของเซียวเฉวียน ดูว่าเซียวเฉวียนมีทีท่าเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ จากนั้นเฉินเหยาก็พูดออกมาอีกว่า “ข้ออยากขอร้องให้ใต้เท้าเซียวช่วยสืบหาสาเหตุการตายของลูกชายข้า ไม่ว่าใต้เท้าเซียวต้องการสิ่งใด ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหามันมาให้ท่าน”

ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฉวียนก็ยกเปลือกตาขึ้น เหลือบตามองไปยังเฉินเหยาและถามกลับไปว่า “เช่นนั้นช่วยบอกได้หรือไม่ว่า ฮูหยินหลินสามารถให้สิ่งใดแก่ข้าได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี?”

ในเมื่อนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ เอ่ยปากเสนอเงื่อนไขออกมาด้วยตัวเอง เซียวเฉวียนเองก็อยากรู้ว่านางจะสามารถเสนอสิ่งที่น่าดึงดูดออกไปออกมาเพื่อให้เซียวเฉวียนช่วยนางตามหาสาเหตุการตายของหลินเฉิง

เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเซียวเฉวียนเป็นคนชอบเงิน

แต่วันนี้เซียวเฉวียนได้กลายเป็นคนร่ำรวยไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นคนที่มั่งคั่งเป็นอย่างมากในประเทศ

และหลินฟ่างก็เพิ่งจะก้าวขึ้นมาบนตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมได้ไม่นาน หน้าที่การงานของเขาไม่ดีเท่าที่ควร เงินทองจึงค่อนข้างขาดมือ

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าหลินฟ่างจะทำเช่นไร ปริมาณเงินทองที่หามาได้ก็ค่อนข้างจำกัด

เซียวเฉวียนรู้สึกว่า แม้จะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดในจวนหลิน มันก็ไม่คุ้มค่าที่เซียวเฉวียนจะชายตามองเลยด้วยซ้ำ

นอกจากจำนวนเงินที่มหาศาลแล้ว ยังมีสิ่งใดที่คุ้มค่ากับการทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหว?

เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน เฉินเหยาลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกไปว่า “จากนี้ไปจวนหลินจะดำเนินไปตามความปรารถนาของใต้เท้าเซียว”

ตามความปรารถนา?

ราวกับเซียวเฉวียนได้ยินเรื่องตลกที่ฟังดูไม่น่าตลกเลยสักนิด เขาตอบกลับไปว่า “คนของจวนเซียวของข้าเพียงพอแล้ว”

ความหมายของมันก็คือ คนจวนหลินของเจ้า ข้าเซียวเฉวียนนั้นไม่เห็นค่า

ต่อให้คนของจวนหลินจะยอดเยี่ยมมากเพียงใด สุดท้ายก็ยังเทียบกับคนของเซียวเฉวียนที่ผ่านการฝึกฝนจากเฉวียนอีไม่ได้อยู่ดี

จวนเซียวในทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นขุมพลังที่กำลังหลับใหล หากตื่นขึ้นมา อาจจะพูดไม่ได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด แต่บอกได้เลยว่าพวกเขาสามารถสยบผู้คนได้มากกว่าเก้าส่วน

ต่อให้เป็นคนอย่างมู่จิ่นที่ไม่มีวรยุทธ์และคนที่คอยอยู่เคียงข้าง เพียงแค่อาศัยปืนที่อยู่ในมือก็เพียงพอที่จะให้การช่วยชีวิต

พูดตามตรง คนเหล่านี้ของจวนหลินไม่ได้มีค่าในสายตาของเซียวเฉวียนเลยแม้แต่น้อย

เฉินเหยาเข้าใจสิ่งนี้ดี

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันและพูดออกมาราวกับได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า “ข้ายินดีที่จะมอบของมีค่าทุกอย่างทั้งหมดในจวนหลินให้กับใต้เท้าเซียว”

จวนหลินในทุกวันนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือเงิน

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นรายได้จากการชนะในทุกวัน แต่คิดว่าใครจะมีเงินมากกว่ากัน?

เฉินเหยาคิดว่าเงินจะสามารถทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหวได้งั้นหรือ?

นางเหลือบมองเซียวเฉวียนด้วยหางตา เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของเซียวเฉวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในตอนที่เฉินเหยาคิดว่าเซียวเฉวียนกำลังจะตอบตกลง เซียวเฉวียนก็เอ่ยปากปฏิเสธออกมา “เงินของจวนหลิน ข้าไม่ได้ขาดแคลน”

ความหมายของมันก็คือ นอกจากเงินแล้วยังมีอะไรที่ทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหวอีกหรือไม่?

แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ก็มีอยู่มากมาย

สิ่งที่สำคัญก็คือ จำนวนเงินของจวนหลินในใจของเซียวเฉวียนนั้นมีอยู่ไม่มากมายนัก

เซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องเอาชื่อเสียงของตนเองมาแลกกับเงินเพียงเท่านี้ของหญิงม่าย

สรุปก็คือ เซียวเฉวียนคิดว่ามันเป็นเงินที่น้อยเกินไปและไม่คุ้มค่า

นี่ก็ไม่ได้ผล นั่นก็ไม่ได้ผล เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนกำลังจงใจทำให้เฉินเหยาอับอาย

แต่เฉินเหยาก็เข้าใจ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ นางต้องการให้เซียวเฉวียนช่วยสืบหาสาเหตุการตายของหลินเฉิงให้ แต่นอนว่าเซียวเฉวียนไม่มีทางช่วยนางโดยไม่หวังผลตอบแทน

ในเมื่อต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเงื่อนไข แน่นอนว่าเซียวเฉวียนก็ต้องอยากได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ

ดังนั้นไม่ว่าเซียวเฉวียนจะทำให้นางอับอายหรือยากลำบากมากแค่ไหน นางก็ทำได้เพียงแค่อดทน ไม่สามารถแสดงความไม่พอใจเหล่านั้นออกมาได้ และห้ามทำให้เซียวเฉวียนโกรธเป็นอันขาด

เพราะนอกจากเซียวเฉวียนแล้วก็ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย