ด้วยบุคลิกที่ไม่ยอมเสียหน้าของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงการยอมรับ แค่ไม่หยิบไม้กวาดออกมาขับไล่ผู้คนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
เฉินเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ใต้เท้าเซียว ข้ามีเรื่องจะขอร้อง”
พูดจบเฉินเหยาก็แอบสังเกตสีหน้าและท่าทีของเซียวเฉวียน ดูว่าเซียวเฉวียนมีทีท่าเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ จากนั้นเฉินเหยาก็พูดออกมาอีกว่า “ข้ออยากขอร้องให้ใต้เท้าเซียวช่วยสืบหาสาเหตุการตายของลูกชายข้า ไม่ว่าใต้เท้าเซียวต้องการสิ่งใด ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหามันมาให้ท่าน”
ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฉวียนก็ยกเปลือกตาขึ้น เหลือบตามองไปยังเฉินเหยาและถามกลับไปว่า “เช่นนั้นช่วยบอกได้หรือไม่ว่า ฮูหยินหลินสามารถให้สิ่งใดแก่ข้าได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี?”
ในเมื่อนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ เอ่ยปากเสนอเงื่อนไขออกมาด้วยตัวเอง เซียวเฉวียนเองก็อยากรู้ว่านางจะสามารถเสนอสิ่งที่น่าดึงดูดออกไปออกมาเพื่อให้เซียวเฉวียนช่วยนางตามหาสาเหตุการตายของหลินเฉิง
เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเซียวเฉวียนเป็นคนชอบเงิน
แต่วันนี้เซียวเฉวียนได้กลายเป็นคนร่ำรวยไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นคนที่มั่งคั่งเป็นอย่างมากในประเทศ
และหลินฟ่างก็เพิ่งจะก้าวขึ้นมาบนตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมได้ไม่นาน หน้าที่การงานของเขาไม่ดีเท่าที่ควร เงินทองจึงค่อนข้างขาดมือ
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าหลินฟ่างจะทำเช่นไร ปริมาณเงินทองที่หามาได้ก็ค่อนข้างจำกัด
เซียวเฉวียนรู้สึกว่า แม้จะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดในจวนหลิน มันก็ไม่คุ้มค่าที่เซียวเฉวียนจะชายตามองเลยด้วยซ้ำ
นอกจากจำนวนเงินที่มหาศาลแล้ว ยังมีสิ่งใดที่คุ้มค่ากับการทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหว?
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน เฉินเหยาลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกไปว่า “จากนี้ไปจวนหลินจะดำเนินไปตามความปรารถนาของใต้เท้าเซียว”
ตามความปรารถนา?
ราวกับเซียวเฉวียนได้ยินเรื่องตลกที่ฟังดูไม่น่าตลกเลยสักนิด เขาตอบกลับไปว่า “คนของจวนเซียวของข้าเพียงพอแล้ว”
ความหมายของมันก็คือ คนจวนหลินของเจ้า ข้าเซียวเฉวียนนั้นไม่เห็นค่า
ต่อให้คนของจวนหลินจะยอดเยี่ยมมากเพียงใด สุดท้ายก็ยังเทียบกับคนของเซียวเฉวียนที่ผ่านการฝึกฝนจากเฉวียนอีไม่ได้อยู่ดี
จวนเซียวในทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นขุมพลังที่กำลังหลับใหล หากตื่นขึ้นมา อาจจะพูดไม่ได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด แต่บอกได้เลยว่าพวกเขาสามารถสยบผู้คนได้มากกว่าเก้าส่วน
ต่อให้เป็นคนอย่างมู่จิ่นที่ไม่มีวรยุทธ์และคนที่คอยอยู่เคียงข้าง เพียงแค่อาศัยปืนที่อยู่ในมือก็เพียงพอที่จะให้การช่วยชีวิต
พูดตามตรง คนเหล่านี้ของจวนหลินไม่ได้มีค่าในสายตาของเซียวเฉวียนเลยแม้แต่น้อย
เฉินเหยาเข้าใจสิ่งนี้ดี
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันและพูดออกมาราวกับได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า “ข้ายินดีที่จะมอบของมีค่าทุกอย่างทั้งหมดในจวนหลินให้กับใต้เท้าเซียว”
จวนหลินในทุกวันนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือเงิน
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นรายได้จากการชนะในทุกวัน แต่คิดว่าใครจะมีเงินมากกว่ากัน?
เฉินเหยาคิดว่าเงินจะสามารถทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหวได้งั้นหรือ?
นางเหลือบมองเซียวเฉวียนด้วยหางตา เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของเซียวเฉวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในตอนที่เฉินเหยาคิดว่าเซียวเฉวียนกำลังจะตอบตกลง เซียวเฉวียนก็เอ่ยปากปฏิเสธออกมา “เงินของจวนหลิน ข้าไม่ได้ขาดแคลน”
ความหมายของมันก็คือ นอกจากเงินแล้วยังมีอะไรที่ทำให้เซียวเฉวียนหวั่นไหวอีกหรือไม่?
แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ก็มีอยู่มากมาย
สิ่งที่สำคัญก็คือ จำนวนเงินของจวนหลินในใจของเซียวเฉวียนนั้นมีอยู่ไม่มากมายนัก
เซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องเอาชื่อเสียงของตนเองมาแลกกับเงินเพียงเท่านี้ของหญิงม่าย
สรุปก็คือ เซียวเฉวียนคิดว่ามันเป็นเงินที่น้อยเกินไปและไม่คุ้มค่า
นี่ก็ไม่ได้ผล นั่นก็ไม่ได้ผล เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนกำลังจงใจทำให้เฉินเหยาอับอาย
แต่เฉินเหยาก็เข้าใจ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ นางต้องการให้เซียวเฉวียนช่วยสืบหาสาเหตุการตายของหลินเฉิงให้ แต่นอนว่าเซียวเฉวียนไม่มีทางช่วยนางโดยไม่หวังผลตอบแทน
ในเมื่อต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเงื่อนไข แน่นอนว่าเซียวเฉวียนก็ต้องอยากได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
ดังนั้นไม่ว่าเซียวเฉวียนจะทำให้นางอับอายหรือยากลำบากมากแค่ไหน นางก็ทำได้เพียงแค่อดทน ไม่สามารถแสดงความไม่พอใจเหล่านั้นออกมาได้ และห้ามทำให้เซียวเฉวียนโกรธเป็นอันขาด
เพราะนอกจากเซียวเฉวียนแล้วก็ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้
เซียวเฉวียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือเพื่อบอกนางว่าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ
ในความเป็นจริง แม้ว่านางจะไม่มาขอความช่วยเหลือจากเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็จะช่วยสืบหาสาเหตุการตายของหลินเฉิงให้อยู่ดี
เนื่องจากเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจำเป็นจะต้องหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ สืบหาสาเหตุการตายของหลินเฉิงเป็นเพียงเรื่องนี้เป็นผลพลอยได้เท่านั้น
เห็นแก่การกลับตัวกลับใจ การสำนึกผิดก่อนตายของหลินเฉิง เห็นแค่ที่หลินเฉิงเคยเป็นนักเรียนประมุขแห่งชิงหยวน เซียวเฉวียนเองก็ควรสืบหาสาเหตุการตายของเขาให้ชัดเจน
หากเป็นการฆาตกรรมจริง เซียวเฉวียนเองก็จะช่วยแก้แค้นให้
หลังจากที่เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เฉินเหยาก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อยที่ตนเองรบกวนเซียวเฉวียนเป็นเวลานาน ดังนั้นนางจึงรีบทำความเคารพเซียวเฉวียน จากนั้นรีบเดินทางออกจากจวนเซียว
หากไม่รีบออกไป นางเกรงว่าเซียวเฉวียนอาจจะเปลี่ยนใจ
ชาวบ้านที่รอดูความตื่นเต้นอยู่ด้านนอก เนื่องจากท่าทางที่เซียวเฉวียนแสดงออกมา มันทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนละครใบ้
สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากที่สุด มันไม่ใช่การอยากรู้ว่าตัวละครหลักตัดสินใจอย่างไรกับบทละครสำคัญอย่างนั้นหรือ?
แต่พวกเขากลับไม่ได้ยินอะไรเลยสักคำ
สามารถกล่าวได้เลยว่า พวกเขามาดูละครใบ้
หลังจากเฉินเหยาออกมาแล้ว นางก็ไม่รีรอ เดินทางกลับไปยังจวนหลินทันที
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าชาวบ้านรู้ว่า ทุกอย่างจบลงแล้ว และถึงเวลาที่พวกเขาควรแยกย้าย
ดังนั้นชาวบ้านจึงทยอยกันกลับไปทำงานของตัวเอง
แต่ความสนุกครั้งนี้มันก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ พวกเขาเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนเซียว และพวกเขาก็เดาได้ว่าเซียวเฉวียนนั้นไม่ชอบผู้หญิง
นับตั้งแต่เซียวเฉวียนเดินทางมาต้าเว่ย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบไหน ขอแค่มีเซียวเฉวียนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทุกเรื่องจะได้รับความนิยมด้วยตัวของมันเอง
ดังนั้น ด้วยระยะเวลาไม่ถึงครึ่งวัน คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ค่อยดีนัก ภายใต้การสูญเสียผู้ที่เป็นที่รัก ทำให้เขาเลิกชอบผู้หญิงไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...