หลังจากเจินฮ่าวได้ฟัง ก็คิดกับตัวเองว่า "สนใจ เรื่องที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ มันน่าสนใจมาก"
แสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "โอ้? ใหญ่แค่ไหนหรือ? ลองบอกมาสิ"
นักสืบหวังซึ่งสังเกตเห็นการแสดงออกของเจินฮ่าวก็กลอกตาด้วยสีหน้าประจบประแจง จากนั้นก็เอาหัวไปแนบหูของเจินฮ่าวแล้วพึมพำคำสองสามคำ
เมื่อแสดงก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแสดงให้ครบชุด
พอเจินฮ่าวได้ฟัง ก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก เขาจ้องไปที่นักสืบหวัง ด้วยดวงตาเบิกกว้าง แทบจะกรีดร้องออกมาว่า "อะไรนะ คิดการกะ-?"
ก่อนที่เขาจะพูดคำว่าบฏ นักสืบหวังก็ยื่นนิ้วชี้ของเขาออกมาทันที วางบนริมฝีปากของเขา พร้อมกระซิบกับเจินฮ่าวว่า "คุณชายเจิน เบาเสียงลงหน่อย"
นี่เป็นเรื่องที่เป็นความลับมาก ท่านอ๋องเชื่อใจท่าน ดังนั้น ข้าน้อยจึงได้บอกกับท่าน หวังว่าท่านจะสามารถร่วมทำการใหญ่กับท่านอ๋อง
ร่วมทำการใหญ่กะผีสิไม่ว่า!
ทำเรื่องเช่นนี้กับเว่ยอี้หรานงั้นรึ?
เว้นแต่ว่าคงเบื่อมีชีวิตแล้ว!
เจินฮ่าวดูไม่สบายใจและพูดว่า "ท่านอ๋องเขา เขากล้าได้ยังไง? หรือว่าเขาไม่กลัวเซียวเฉวียนหรือ?"
เซียวเฉวียนเป็นใคร?
นั่นคือคนที่สามารถทำให้เว่ยเชียนชิวพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ด้วยมือของเขา!
เราจะประมาทมันได้อย่างไร?
การกบฏมิใช่หมายถึงจงใจหาเรื่องเซียวเฉวียนหรอกหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงการยึดบัลลังก์ สามารถข้ามด่านเซียวเฉวียนนี้ไปได้ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าจะเดินเส้นทางนี้ จะต้องตายอย่างแน่นอน
เว่ยอี้หรานคาดการณ์ไว้แล้วว่า เจินฮ่าวจะต้องแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ออกมา เขาจึงได้บอกสายลับแล้วว่าจะต้องโน้มน้าวเจินฮ่าวอย่างไร
นักสืบหวังเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ "คุณชายเจิน ท่านอ๋องของเราคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องนี้แล้ว และเขามั่นใจว่าจะต้องได้รับชัยชนะ"
"ท่านไม่ต้องกังวล ท่านอ๋องแค่พูดว่า ตราบใดที่ท่านเข้าร่วมกองกำลังของเรา เขาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้เจินฮ่าวก็แสร้งทำเป็นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลที่จะตัดสินใจ
แน่นอนว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องลังเลสักพัก ถ้าตอบไปโยง่ายดาย มันจะไม่ทำให้เว่ยอี้หรานเกิดความสงสัยเอาได้หรือ?
นักสืบหวังรอแล้วรอ เมื่อเห็นว่าเจินฮ่าวยังคงไม่สามารถตัดสินใจได้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความประหลาดใจ เขาพูดอย่างลึกลับว่า "คุณชายเจินเป็นคนฉลาด คิดว่าท่านคงจะรู้ด้วยว่า ท่านอ๋องตั้งใจแน่วแน่ที่จะชนะการใหญ่ของเขา ท้ายที่สุด จะไม่มีใครสู้ศึกที่ไม่มั่นใจอย่างแน่นอน"
"ติดตามท่านอ๋อง มันมีแต่จะได้รับผลดีมากกว่าผลเสียสำหรับท่าน"
ความหมายโดยนัยของคำพูดเหล่านี้ก็คือ การกบฏของเว่ยอี้หรานกับเจ้าครองนครคือแน่นอนแล้ว และพวกเขาคือตั้งเป้าที่จะยึดเมืองหลวงได้ มุ่งตรงไปที่พระราชวัง
เมื่อพวกเขาจะเดินทางนี้ พวกเขาจะต้องผ่านรัฐมู่อวิ๋น และรัฐมู่อวิ๋นมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นยุ้งฉางเก็บเสบียงได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คงจะดีที่สุดถ้าเจินฮ่าวเข้าร่วมกลุ่มของเว่ยอี้หรานโดยสมัครใจ และทุกคนจะจบลงอย่างมีความสุข
หากเขาไม่ เว่ยอี้หรานทำได้เพียงใช้วิธีรุนแรงเพื่อยึดครองรัฐมู่อวิ๋น
เมื่อถึงตอนนั้น ชาวรัฐมู่อวิ๋นที่เคยประสบกับความวุ่นวายเมื่อไม่นานมานี้ จะต้องพบกับความวุ่นวายอีกครั้ง และพวกเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดได้หรือไม่
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณของการคุกคาม
เจินฮ่าวฟังความหมายออก เว่ยอี้หรานคือใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของราษฎรเพื่อคุกคามเจินฮ่าว
ฮึ่ม!
เขาเป็นคุณชายผู้สง่างามของตระกูลเจิน ไม่เคยถูกบังคับ ใช้ชีวิตอย่างตามใจ เขาเกลียดการคุกคามจากผู้อื่นมากที่สุด!
ในเวลานี้ หัวใจของเจินฮ่าวเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
แต่การแอบเข้าหาท่านอ๋องและทำหน้าที่เป็นสายลับคือเป้าหมายสูงสุดของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแตกแยกกับเว่ยอี้หรานได้ในเวลานี้
เจินฮ่าวระงับความโกรธในใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงลึกลับนี้ และพูดด้วยความกังวลเล็กน้อยว่า "ข้าเข้าใจเจตนาดีของท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องก็รู้ด้วยว่าบุคคลที่รับผิดชอบรัฐมู่อวิ๋นจริงๆ ในตอนนี้คือ ไป๋ฉี่ เขาคือคนของเซียวเฉวียน"
คนจากทาสคุนหลุนสามารถเป็นแม่ทัพได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้
แต่ไป๋ฉี่ทำได้แล้ว
การเป็นแม่ทัพหรือองครักษ์ โดยธรรมชาติแล้วการเป็นแม่ทัพจะดีกว่า
บางทีไป๋ฉี่ที่เคยเป็นแม่ทัพแล้ว ไม่เคยต้องการกลับไปเป็นองครักษ์อีกเลย ที่ยินดีติดตามเจินฮ่าวเพื่อเข้าร่วมกับท่านอ๋อง
เมื่อฟังสิ่งที่สายลับหวังพูด แววตาของเจินฮ่าวเป็นประกายและพูดว่า "วิธีการนี้อาจได้ผล"
เช่นนั้นก็ลองวิธีนี้ก่อน ถ้าไม้อ่อนไม่ได้ผล ให้ลองไม้แข็ง นักสืบหวังพยักหน้าและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนคุณชายเจินแล้ว"
บรรลุข้อตกลงแล้ว และนักสืบหวังก็ขอตัวลากลับไปปฏิบัติหน้าที่ของเขา
เจินฮ่าวทำทีแสดง ส่งบุคคลนั้นไปที่ประตูอย่างสุภาพ จากนั้นเรียนรู้น้ำเสียงที่ประจบประแจงแล้วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น ขอรบกวนพี่หวังช่วยกล่าวชื่นชมข้าต่อหน้าท่านอ๋องด้วย“
นักสืบหวังที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ก็พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาว่า "แน่นอน แน่นอน"
เมื่อหันกลับมา นักสืบหวังก็เปลี่ยนหน้าและพึมพำด้วยสีหน้าที่ดูน่ากลัว " ขอข้าพูดพูดชื่นชมงั้นหรือ? ล้อเล่นนะ ไม่เหยียบย่ำเจ้าก็บุญโขแล้ว“
พูดชื่นชมให้เขา มันมิใช่ทำชุดแต่งงานให้เขา(ตัวเองทำแทนคนอื่นลำบากเสียเปล่า)หรอกเหรอ
แล้วนักสืบหวังก็ยังไม่มีชุดแต่งงาน(ผลงาน)ด้วยตัวเองเลย
หลังจากที่เว่ยอี้หรานใช้เจินฮ่าวเต็มที่แล้ว นักสืบหวังก็จะพูดใส่ร้ายเจินฮ่าวต่อหน้าเว่ยอี้หราน ทำให้เว่ยอี้หรานละทิ้งเจินฮ่าวที่เป็นแค่ตัวหมากไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นร่างของนักสืบหวัง หายไปเจินฮ่าวก็ไปพบไป๋ฉี่
สถานการณ์ตึงเครียดมาก เจินฮ่าวก็กลัวว่าเขียนจดหมายจะถูกคนของเว่ยอี้หรานขัดขวาง ให้ไป๋ฉี่ใช้จิตติดต่อเซียวเฉวียนเพื่อรายงานสถานการณ์จะสะดวกและปลอดภัย
นับตั้งแต่ไป๋ฉี่อยู่ที่รัฐมู่อวิ๋น ก็ไม่มีปัญหาในรัฐมู่อวิ๋น ดังนั้น ไป๋ฉี่จึงไม่ได้ติดต่อกับเซียวเฉวียน
เมื่อได้รับสัญญาณการเชื่อมจิตจากไป๋ฉี่อย่างกระทันหัน เซียวเฉวียนก็รู้ว่าสถานการณ์ของเจ้าครองนครค่อนข้างเร่งด่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...