ไป๋ฉี่ค่อยๆลดระดับให้ช้าลง การเดินทางครั้งนี้ เขาใช้เวลาไปแล้วครึ่งวัน
ตอนที่เขาไปถึงจวนเจ้าผู้ครองรัฐไทโจว พ่อบ้านที่ดูแลจวนบอกว่า พอดีเว่ยอี้หรานมีเรื่องด่วนต้องออกไปทำเป็นเวลาสองวัน ไป๋ฉี่เดินทางมาไกล ก็พักอยู่ที่นี้ก่อนซักสองวัน รอให้ท่านอ๋องกลับมาแล้วค่อยปรึกษหารือกันอีกที
เจ้าเด็กคนนี้
ที่แท้ก็จะใช้แผนการแบบนี้นี่เอง
พอไป๋ฉี่มาถึง ก็ไม่เจอใคร ตัวเขาก็ถูกควบคุมไว้อยู่ที่นี้แล้ว
คาดไม่ถึงจริงๆว่า เป็นถึงท่านอ๋องจะใช้วิธีอย่างนี้เพื่อเอาตัวรอด แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลอย่างมากทีเดียว
ไป๋ฉี่ได้เปิดโลกหูเปิดตาเห็นอะไรใหม่ๆ
แต่ก่อนเขาเคยรู้สึกว่าเซียวเฉวียนหน้าด้าน เซียวเฉวียนก็หน้าด้านหน้าไม่อายจริงๆ เช่นเมื่อเขาทำอะไรไม่เคยสนใจสายตาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย และยิ่งไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงของตัวเอง
แต่ตอนนี้ไป๋ฉี่รู้สึกว่าเว่ยอี้หรานหน้าด้านยิ่งกว่าเซียวเฉวียนอีก
ทำไมเหรอ?
ไป๋ฉี่รู้สึกว่า ในเมื่อเว่ยอี้หรานใช้เหตุผลที่ว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องหารือเพื่ออ้างเรียกให้ไป๋ฉี่รีบมาที่นี่ ก็ต้องแสร้งทำท่าทางว่ามีเรื่องจริง ๆ จะได้สามารถเผชิญหน้ากับไป๋ฉี่ได้
แต่เขากลับหายไป แม้แต่จะออกมาเผชิญหน้ายังไม่กล้า กลับบอกแค่ว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ทิ้งให้ไป๋ฉี่รออยู่ที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐ
หน้าไม่อายจริงๆ
งั้นไป๋ฉี่ก็จะรอดู ถ้าเขาไม่ทำตามที่วางแผนไว้ ดูสิว่าพ่อบ้านคนนี้จะรับมือได้อย่างไร
ในตอนนั้นไป๋ฉี่ก็คิดแผนการขึ้นมาในใจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นก็รบกวนพ่อบ้านช่วยบอกกับท่านอ๋องด้วยว่า ตัวข้าแม่ทัพ หลังจากนี้อีกสองวันจะมาที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐอีกครั้ง”
จะให้รอเขาอยู่ที่นี่สองวัน ไป๋ฉี่ไม่ยินยอม
เมื่อพ่อบ้านได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบพูดตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “ท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งไป ท่านมาถึงที่นี้แล้ว ท่านอ๋องจะต้องตำหนิว่าพวกเราต้อนรับท่านแม่ทัพได้ไม่ดี จะต้องลงโทษพวกข้า”
“ท่านแม่ทัพไป๋คิดซะว่าสงสารพวกเราที่เป็นข้ารับใช้ด้วย ค้างอยู่ที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐคืนหนึ่ง ให้พวกข้าได้ทำหน้าที่ต้อนรับท่านอย่างดี”
“ที่จริงแล้วท่านอ๋องมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการ ไม่ได้มาต้อนรับท่านแม่ทัพด้วยตัวเอง ท่านอ๋องก็รู้สึกละอายใจอยู่แล้ว ถ้าข้าน้อยยังปล่อยให้ท่านแม่ทัพกลับไปแบบนี้ ข้าน้อยจะต้องโดนลงโทษอย่างแน่นอน”
คำพูดเหล่านี้ ช่างฟังดูดีจริงๆ ไม่มีพิรุธเลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นถึงพ่อบ้านของจวนเจ้าผู้ครองรัฐ ถึงแม้จะเป็นแค่คนรับใช้ แต่ก็ถือว่ามีฐานะที่สำคัญ
จะทำอะไรกับคนใช้ก็ต้องดูเจ้านายของเขาด้วย คนระดับท่านอ๋องอยู่เหนือกว่าไป๋ฉี่มาก
เพื่อเห็นแก่ท่านอ๋อง ไป๋ฉี่จึงต้องเห็นแก่หน้าพ่อบ้านให้เกียรติเขาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น พ่อบ้านยอมพูดถึงขนาดนี้แล้ว
ถ้าไป๋ฉี่ยังยืนยันที่จะไปอีก นั้นก็แสดงว่าให้เห็นว่าไป๋ฉี่เป็นคนหยิ่งยโส หรืออาจจะพูดได้ว่าไป๋ฉี่ไม่สนใจใครทั้งนั้น
ตอนที่ไป๋ฉี่เป็นผู้อารักขา ได้รับผลกระทบจากการสั่งสอนของเซียวเฉวียน เขาเป็นคนแบบนี้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีฐานะเป็นถึงท่านแม่ทัพของรัฐมู่อวิ๋นแล้ว
ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หรานจะเป็นท่านอ๋อง แต่รัฐมู่อวิ๋นกับรัฐไทโจวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เท่าที่เห็นก็แค่กำลังจะร่วมมือกัน ไป๋ฉี่จึงไม่ต้องเห็นแก่หน้าของจวนเจ้าผู้ครองรัฐ
ไป๋ฉี่ยังยืนยันที่จะกลับไป ดูสิว่าพ่อบ้านคนนี้ยังจะมีวิธีอะไรที่จะพูดให้ไป๋ฉี่ยอมอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก
แต่ว่า ไป๋ฉี่ก็ต้องระมัดระวังคำพูด “พ่อบ้านพูดเกินไปแล้ว ตัวข้าจะอธิบายต่อท่านอ๋องเอง ไม่ทำให้พ่อบ้านต้องลำบาก”
“รัฐมู่อวิ๋นผ่านความวุ่นวายมาแล้ว มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ คงจะไม่เหมาะสมที่จะอยู่ที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐได้จริงๆ
ความหมายก็คือ ข้าจะต้องกลับไป
พ่อบ้านรู้สึกลำบากใจ หลังจากนั้นก็มองไปรอบๆอย่างมีความหวัง เมื่อมั่นใจแล้วว่ารอบๆข้างไม่มีคนอยู่ หลังจากนั้น พ่อบ้านก็พูดเบาๆว่า “ท่านแม่ทัพรู้หรือไม่ว่า ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับท่านแม่ทัพมาก ท่านอ๋องตั้งใจจะผูกมิตรกับท่านแม่ทัพ”
“เท่าที่เห็น ท่านแม่ทัพไป๋กับท่านอ๋องกำลังจะเป็นพันธมิตรกันในเร็วๆนี้ ถ้าท่านแม่ทัพไป๋กลับไปก่อน ท่านอ๋องอาจจะคิดว่าท่านแม่ทัพไป๋ไม่มีความจริงใจ”
พูดจบ พ่อบ้านก็มองไป๋ฉี่อย่างมีความในแอบแฝงอยู่ เป็นการเตือนไป๋ฉี่ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ ท่านคงไม่สามารถรับผิดชอบได้
เจ้าผู้ครองรัฐแต่ละคน ไม่มีพันธมิตรที่จริงใจ พวกเขาจะต้องการไปทำไม?
ภายในห้องสะอาดเรียบร้อยมาก โครงสร้างทางเข้าออกของห้องไม่ใหญ่โตเหมือนกับจวนเจ้าผู้ครองรัฐของรัฐมู่อวิ๋น
อย่างเดียวที่เป็นที่ดึงดูดสายตาของไป๋ฉี่ก็คือ ห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง
น่าจะเป็นการเตรียมการมาก่อนแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไป๋ฉี่ออกไปข้างนอกเพื่อสืบข่าวได้
ป้องกันไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ
แต่เมื่อไป๋ฉี่เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่การป้องกันง่ายๆเพียงเท่านั้น ยังถูกจับจ้องมองอีกด้วย
แสงที่ส่องผ่านกระเบื้องเคลือบจากบนหลังคาสามารถมองเห็นว่า บนหลังคามีการคุมกันไว้อย่างแน่นหนา
ตอนที่เข้ามา ไป๋ฉี่มั่วแต่พูดคุยกับพ่อบ้าน ไม่ทันได้สังเกตด้านบนของห้องพัก
ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว ไป๋ฉี่ต้องการจะออกไป มีเพียงทางเดียวคือเดินออกไปทางประตูนี้เท่านั้น
เว่ยอี้หรานร้ายจริงๆ!
ไป๋ฉี่เปิดประตูออกไป อยากจะออกไปที่สนามด้านนอกเพื่อจะลองสื่อสารจิต
สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้
มองดูแล้ว ที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐถูกดัดแปลงเปลี่ยนไป หรือเพราะว่าระยะทางห่างไกลจากเมืองหลวงมาก ถึงไม่สามารถสื่อสารทางจิตกับเซียวเฉวียนได้
เพราะว่าจวนของเจ้าผู้ครองรัฐไทโจวอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง มากกว่าจวนของเจ้าผู้ครองรัฐมู่อวิ๋น
ในเวลาเดียวกันนั้น เมืองหลวงที่จวนเซียว เซียวเฉวียนก็พอจะประมาณการได้ว่าในเวลานี้ไป๋ฉี่คงอยู่ที่จวนของเจ้าผู้ครองรัฐไทโจวแล้ว
เซียวเฉวียนก็ลองสื่อสารทางจิตกับไปฉี่
ผลก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ เขาไม่สามารถสื่อสารทางจิตกับไปฉี่ได้
ดูท่าแล้วเว่ยอี้หรานตั้งใจที่จะตัดการติดต่อสื่อสารระหว่างเซียวเฉวียนกับไป๋ฉี่
ในเวลาอย่างนี้เรียกไป๋ฉี่ไปหา เกรงว่าแผนการก่อกบฏของบรรดาเจ้าผู้ครองรัฐกำลังเริ่มดำเนินการแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...