ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1644

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ความคิดในแง่ร้ายก็ผุดขึ้นมาภายในใจของเซียวเฉวียน: "หรือว่าตอนนี้พวกเขากำลังคิดก่อกบฏ ล้มล้างราชสำนักในตอนที่ไม่ได้ระวังตัว?"

ตามความเข้าใจของเซียวเฉวียน ที่มีต่อเว่ยหงและเว่ยหยาน พวกเขาเป็นคนที่มีความซับซ้อน และมีแนวโน้มที่จะทำเรื่องเช่นนี้

ยิ่งเซียวเฉวียนนึงถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

ไป๋ฉี่ถูกกักขังอยู่ในรัฐไทโจว และคนของเจ้าผู้ครองรัฐยังคงดูแลรัฐมู่อวิ๋นอย่างเคร่งครัด และเซียวเฉวียนยังขาดการติดต่อจากเจินฮ่าวอีก

เป็นผลให้เซียวเฉวียนไม่สามารถรับรู้ข่าวคราวการเคลื่อนไหวของเจ้าผู้ครองรัฐได้อย่างทันถ่วงที และเขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ และในตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้อีก

หลังจากชั่งน้ำหนักเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่งเซียวเฉวียนก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปที่รัฐมู่อวิ๋นด้วยตัวเอง

ในสถานที่ห่างไกลอย่างรัฐไทโจว ภายในจวนเก่าหลังหนึ่ง มีเจ้าผู้ครองรัฐทั้งห้าอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

ใบหน้าของทั้งห้าคนต่างมีสีหน้าภาคภูมิใจ แต่คนที่ดูภาคภูมิใจมากที่สุดคงจะไม่พ้นใครอื่นนอกจากเว่ยอี้หราน

เป็นที่รู้กันดีว่าเว่ยอี้หรานเป็นผู้นำของเหล่าเจ้าผู้ครองรัฐ

หลังจากการหารือร่วมกัน เจ้าผู้ครองรัฐได้ตัดสินใจให้เว่ยอี้หรานเป็นผู้นำกองทัพและกลายเป็นแม่ทัพในที่สุด

ในด้านของเว่ยหงและเว่ยหยานก็มีหน้าที่ช่วยเหลือเหมือนกับที่ปรึกษา ส่วนเจ้าผู้ครองรัฐอีกสองคนก็ทำหน้าที่เป็นรองแม่ทัพ

รองแม่ทัพ ฟังดูเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง แต่อันที่จริงตำแหน่งนี้มีอำนาจน้อยที่สุด เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องฟังคำสั่งของเว่ยอี้หรานและที่ปรึกษาอยู่ดี

ตำแหน่งพวกเขาไม่ได้ขยับก้าวหน้าไปไหนเลย ในฐานะของเจ้าผู้ครองรัฐ พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนกับเว่ยชิง และไม่ได้ขยันหรือเอาการเอางานเหมือนเว่ยชิงเลยแม้แต่น้อย

หากให้กล่าวตามความเป็นจริงแล้วล่ะก็ เขาพึ่งพาแค่บารมีของพ่อแม่ ดำรงชีวิตด้วยอำนาจและทรัพย์สมบัติของพ่อแม่เท่านั้น

ถือได้ว่าเป็นคนที่ไม่เอาถ่านและไม่มีดีอะไรเลย

โชคดีที่พวกเขายังมีความตระหนักรู้ในตนเองว่าความสามารถของพวกเขาสามารถทำหน้าที่รองแม่ทัพได้อย่างดี

พวกเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะระดับฟังดูสูงกว่าเจ้าผู้ครองรัฐอีกสองคน

สำหรับเว่ยหงและเว่ยหยานแล้ว พวกเขาทะนงตน นึกว่าตนเองเป็นเหวที่ไม่มีจุดสิ้นสุด น่ากลัวและอันตราย

ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังคิดว่าหากตนเองสบตาเข้ากับใครแล้วล่ะก็ เขาจะสามารถอ่านความในใจของคนผู้นั้นได้

และความรู้สึกนี้สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัว

ตัวอย่างเช่น เจ้าผู้ครองรัฐทั้งสามคนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรที่สามารถพูดคุยในเรื่องต่างๆได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะสบตากัน

เพราะถึงยังไงทุกคนก็ต้องมีเรื่องราวอยู่ผ่านในใจ ไม่ใช่หรือ?

พวกเขากลัวว่าเว่ยหงและเว่ยหยานจะมองเห็นสิ่งเหล่านั้น

เว่นอี้หรานยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง ข้าวางแผนมาเนิ่นนาน!"

เว่ยหงพูดอย่างเย็นชา "แต่เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าไป๋ฉี่ที่เจ้าเฝ้าดูอยู่ หากปล่อยออกมาเขาจะไม่ก่อปัญหา"

เว่ยหงเป็นคนต้นคิด ที่จะกังขังไป๋ฉี่ไว้

เมื่อเว่ยหงได้ยินว่า ไป๋ฉี่จะยอมทรยศเซียวเฉวียนและจะเข้าร่วมก่อกบฏ เขาก็ไม่เชื่อว่าไป๋ฉี่จะยอมเป็นพันธมิตรกับพวกเขาจริงๆ

ตามความเข้าใจของเว่ยหง ไป๋ฉี่มีความภักดีต่อเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก สำหรับเซียวเฉวียนแล้ว ไป๋ฉี่ยอมตายยังได้

ในใจของคนที่กระหายเลือดเช่นนี้ ความยุติธรรมมีความสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เขาไม่มีทางที่จะทรยศเซียวเฉวียนเพื่อเงินทองหรืออำนาจทางโลกเป็นแน่

หากเขาจะทรยศเซียวเฉวียน ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวคือ เขาจะต้องเกลียดชังเซียวเฉวียนจนสามารถเอาชีวิตเขาได้

แต่นับประสาอะไรกับความเกลียดชัง แค่ความขัดแย้งยังไม่เคยเห็นว่าเกิดขึ้นกับพวกเขา

มีแค่คนอย่างเว่ยอี้หรานเท่านั้นล่ะที่เชื่อว่าไป๋ฉี่จะทรยศเซียวเฉวียนเพื่อเเย่งชิงอำนาจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย