การต่อสู้ระยะประชิด สำหรับฝ่ายที่ใช้ปืนอย่างกองทัพต้าเว่ย แน่นอนว่ามันมีข้อจำกัด เซียวเฉวียนจึงได้มอบหอกยาวให้กับพวกเขา
ในตอนที่กองทัพซินเจียงบุกเข้ามา กองทัพต้าเว่ยก็ทำได้เพียงป้องกันไว้ด้วยปืน จากนั้นก็ให้เพื่อนที่อยู่ด้านหลังเป็นคนสังหารพวกเขา
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กองทัพซินเจียงมีเวลาค่อนข้างมาก
ทหารของกองทัพซินเจียงที่สามารถปีนขึ้นไปบนหอคอยได้สำเร็จมีจำนวนมากขึ้น
ช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นบนหอคอย
เสียงดาบ เสียงครวญคราง และเสียงปืนปะปนกัน เป็นการต่อสู้ที่วุ่นวายอย่างยิ่ง
ทหารของซินเจียงบางส่วนคิดจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายเพื่อลงไปเปิดประตูเมืองด้านล่างหอคอย
หากสามารถเปิดประตูเมืองได้ นำทัพซินเจียงเข้ามา พวกเขาก็ไม่ต้องถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวอยู่แบบนี้
ประสบการณ์จากการต่อสู้บอกกับพวกเขาว่า หากได้รู้ในระยะประชิด พวกเขายังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้
อย่างที่ทุกคนรู้ แผนการของกองทัพซินเจียงนั้นผิด
จริงอยู่ว่ากองทัพซินเจียงสามารถบุกขึ้นไปบนหอคอยได้สำเร็จ แต่สิ่งที่กำลังรอพวกเขาอยู่คือ เหมิงเอ้าและเจินฮ่าว รวมถึงกองทัพอันยิ่งใหญ่ของต้าเว่ย
เมื่อเห็นกองทัพซินเจียงลงมาจากหอคอย กองทัพต้าเว่ยก็สังหารพวกเขาทีละคน
ฉากนี้เหมาะคำพูดที่ว่า ตราบใดที่มีคนคอยป้องกัน กองทัพหลายพันก็ไม่อาจยึดครองได้!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ล้วนแต่ต้องพบกับความตาย กองทัพซินเจียงจึงละทิ้งทุกอย่าง กระโดดลงมาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น
กองทัพต้าเว่ยคิดไม่ถึงว่ากองทัพซินเจียงจะทำเช่นนี้ ทำให้พวกเขาเกิดช่องโหว่
ในตอนที่กองทัพต้าเว่ยตอบสนอง กองทัพซินเจียงจำนวนไม่น้อยก็กระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาและเริ่มทำการต่อสู้
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น กองทัพต้าเว่ยไม่สามารถป้องกันกองทัพซินเจียงที่กระโดดลงมาจากหอคอยได้อย่างเต็มที่
ทำให้ช่องโหว่ของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น
เหมิงเอ้าและเจินฮ่าวเห็นแบบนั้นจึงออกมาสังหารกองทัพซินเจียงด้วยตัวเอง
สถานการณ์บนหอคอยวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น มีศพนอนบิดเบี้ยวอยู่บนทางเดินของหอคอยเต็มไปหมด พื้นถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
กองทัพซินเจียงเองก็ปีนขึ้นมามากขึ้น
กองทัพต้าเว่ยไม่สามารถหยุดยั้งได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้อย่างเต็มกำลัง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสังหารกองทัพซินเจียงที่ปีนขึ้นมาให้ตกลงไปมากที่สุด
จากนั้นไม่นานกองทัพซินเจียงเหล่านี้ก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการใช้ธนูได้สำเร็จ พวกเขาเล็งไปที่เหมิงเอ้าและเจินฮ่าว เพื่อซื้อเวลาให้กับฝั่งของตัวเองในการลงไปยังด้านล่างหอคอย
ต้องบอกเลยว่าการร่วมมือภายในของกองทัพซินเจียงนั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเขามีความยืดหยุ่น ปรับเข้ากับสถานการณ์ของการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ประยุกต์ใช้วิธีต่างๆ เข้ากับการต่อสู้ได้อย่างทันท่วงที
เมื่อเทียบกันแล้ว กองทัพต้าเว่ยดูล้าสมัยไปเลย
วิธีการต่อสู้ของกองทัพต้าเว่ยนั้นเป็นเพียงวิธีการป้องกันและโจมตีที่เรียบง่าย
เมื่อศัตรูบุกเข้ามา พวกเขาก็สามารถรับมือหรือโจมตีได้ทันเวลา
ระดับความร่วมมือและความเข้าใจโดยปริยายในหมู่ทหารยังห่างไกลจากระดับของกองทัพซินเจียงมาก
ลูกธนูพุ่งเข้าใส่เหมิงเอ้าและเจินฮ่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองหลบหลีกและป้องกัน ทำให้มีทหารของซินเจียงอีกจำนวนหนึ่งสามารถลงมาจากหอคอยได้สำเร็จ
เมื่อกองทัพซินเจียงเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น มีแรงบันดาลใจเพิ่มมากขึ้น พวกเขาปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวเพื่อเอาชนะผู้คนในค่ายกองทัพต้าเว่ย
พวกเขาจะยิงทุกคนที่เข้ามาขวางไม่ให้พวกเขาลงไปด้านล่างหอคอย
ด้วยวิธีนี้ทำให้ผู้คนจากหอคอยจำนวนมากลงมาด้านล่างได้สำเร็จ
เมื่อลงมาด้านล่างแล้ว การต่อสู้อันดุเดือดจึงเกิดขึ้น
ตราบใดที่พวกเขาสามารถหาโอกาสเปิดประตูเมืองออกมาได้ ชัยชนะก็อยู่ในมือของพวกเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
สงครามในครั้งนี้ การต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ส่วนเซียวเฉวียนกับนักปราชญ์ ตอนนี้พวกเขาได้ต่อสู้กันไปถึงยอดของหอคอยแล้ว
หลังจากปะทะกันไปสองสามครั้ง ทั้งสองดูสูสีกันเป็นอย่างมาก
เมื่อครู่ทั้งสองเพิ่งจะแลกฝ่ามือกัน พลังภายในอันแข็งแกร่งของทั้งสองเข้าปะทะกัน พวกเขาถูกกระแทกออกไปทั้งคู่ ทั้งสองยืนแยกกันอยู่คนละฝั่ง เซียวเฉวียนจ้องมองนักปราชญ์ด้วยสายตาอันเยือกเย็น ส่วนนักปราชญ์ก็จ้องมองเซียวเฉวียนด้วยสายตาอันชั่วร้าย
หัวใจของเซียวเฉวียนยังคงสงบ
แต่หัวใจของนักปราชญ์กลับขึ้นๆ ลงๆ เขารู้สึกตกใจกับความก้าวหน้าอันรวดเร็วของเซียวเฉวียน
ผ่านไปประมาณ 15 นาที ในที่สุดกองทัพซินเจียงก็สามารถทลายประตูเมืองได้สำเร็จ!
และที่กองทัพซินเจียงสามารถทำได้สำเร็จทันก็มีเหตุผลอยู่สองประการ
ประการแรก ประตูเมืองถูกไฟไหม้มาตั้งนานแล้ว ความแข็งแกร่งและความทนทานของมันลดลงมาก
ประการที่สอง ก้อนหินที่ถูกวางไว้อีกด้านหนึ่งของประตูเมืองจำนวนไม่น้อยถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยกองทัพซินเจียง
อาจกล่าวได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างภายในและภายนอกที่ทำให้กองทัพซินเจียงประสบความสำเร็จ
แต่ไม่ได้หมายความว่าเปิดประตูได้แล้ว ทุกอย่างจะจบลง
ทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงประตูเมืองถล่ม กองทัพติดอาวุธของต้าเว่ยก็โกรธขึ้นมาทันที!
แม่ทัพต้าเว่ยตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกเรา! ฆ่ามัน!!”
ภายใต้เสียงคำสั่ง กองทัพต้าเว่ยที่อยู่ด้านหน้ายังคงต่อสู้กับกองทัพซินเจียงที่ลงมาจากหอคอย ส่วนทหารคนอื่นของต้าเว่ยก็บรรจุกระสุนปืน ยกปืนขึ้นมาประทับ สังหารทุกคนที่พวกเขาพบเห็น
นอกจากนั้นในเขตของแนวป่ายังมีทหารต้าเว่ยหลบซ่อนอยู่อีกหลายนาย ภายใต้การคุ้มกันของกองทัพต้าเว่ย พวกเขาติดตั้งปืนกลและยิงสังหารมายังกองทัพซินเจียงที่ยังไม่ทันได้เข้าประตูเมือง
“ปัง ปัง ปัง!” พลังทำลายของปืนกลนั้นรุนแรงกว่าปืนไรเฟิลมาก
ปืนกลพวกนี้เป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อไว้เฝ้าประตูเมือง
การที่เอามันมาคอยเฝ้ารักษาประตูเมือง มันคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
“เอือก!”
“อ่า......!
เสียงปืนกลถูกแทนที่ด้วยเสียงครรญครางของกองทัพซินเจียง
กองทัพซินเจียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับปืนกล
แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตและความตาย กองทัพภาคซินเจียงไม่มีเวลาที่จะประหลาดใจ พวกเขาต้องทุ่มสุดตัวเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้
ในเวลาแบบนี้ หากฟุ้งซ่านเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้จากไปตลอดกาล ดังนั้นจึงห้ามประมาทเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...