ความหมายของมันก็คือ นักปราชญ์จะต้องเป็นคนหลอกล่อเซียวเฉวียนด้วยตัวเอง
เพื่อขจัดชื่อเสียงที่เสื่อมเสีย เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองสามารถนำทัพซินเจียงเอาชนะศึกครั้งนี้ได้ นักปราชญ์จะต้องลงมือด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่อยากทำมันก็ตาม
นักปราชญ์ได้อธิบายวิธีการให้กับแม่ทัพอย่างละเอียด เมื่อแม่ทัพได้ยินเช่นนั้น เขาก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจและพูดว่า “อ่า นักปราชญ์วางใจ ข้าจะให้ความร่วมมือกับท่านเต็มที่”
ท่านจะต้องถ่วงเวลาเซียวเฉวียนเอาไว้ให้ได้!
นักปราชญ์ไม่สนใจแม่ทัพอีกต่อไป เขายกโล่ขึ้นมาทันที มืออีกข้างหนึ่งตบหลังม้า ทำให้ม้าพุ่งตรงไปยังหอคอย
กองทัพต้าเว่ยเห็นเช่นนั้นก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “เตรียมตัวยิง!”
กล้าเอาเลือดเนื้อมาท้าทายปากกระบอกปืน เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!
กองทัพต้าเว่ยปฏิบัติตามคำสั่ง พวกเขายกปืนขึ้นพร้อมที่จะเล็งไปที่นักปราชญ์
ตอนนั้นถึงได้พบว่า ความเร็วของนักปราชญ์นั้นเร็วจนน่าประหลาดใจ กองทัพต้าเว่ยเห็นเพียงแค่เงา ยังไม่ทันเห็นร่างของนักปราชญ์ชัดเจน นักปราชญ์ก็หายไปแล้ว
หากใช้คำพูดของเซียวเฉวียนอธิบายออกมา นักปราชญ์ไม่ได้เร็วแค่นั้น แต่ยังพลิ้วไหวผิดหูผิดตา มีเพียงประสาทสัมผัสที่ละเอียดอ่อนของเซียวเฉวียนเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของนักปราชญ์ได้
นักปราชญ์เดินทางเป็นเส้นโค้ง
จุดประสงค์นั้นชัดเจน ทั้งหมดก็เพื่อหลบหลีกลูกปืนของกองทัพต้าเว่ย
นักปราชญ์อายุมากขนาดนี้แล้ว แต่สมองของเขายังปราดเปรียว ร่างกายของเขายังคงยืดหยุ่น
ต้องบอกเลยว่านักปราชญ์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง
เนื่องจากคนจำนวนมาก เมื่อมีอายุมากเท่ากับนักปราชญ์ ไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวได้ลำบากเท่านั้น แต่ยังหูหนวก ดวงตาฝ้าฟาง มือและเท้าไม่สามารถขยับได้ตามใจต้องการ
กล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่อผู้คนมีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายก็จะลดลงเป็นธรรมชาติ
มีเพียงคนอย่างนักปราชญ์เท่านั้นที่เรียกได้ว่าเป็นคนแก่ที่แข็งแกร่ง
ปืนที่อยู่ในมือของกองทัพต้าเว่ยยังคงแกว่งไปมาตามเงาของนักปราชญ์ แต่ก็ไม่สามารถเล็งไปที่เป้าหมายได้
เล็งไม่ได้ พวกเขาก็ไม่กล้ายิ่งออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าให้เปลืองกระสุน
เห็นอย่างนั้นเซียวเฉวียนก็พูดออกมาว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้เขาเข้ามาเถอะ!”
แน่นอนว่าเซียวเฉวียนรู้ถึงจุดประสงค์การมาของนักปราชญ์ มันก็แค่เบี่ยงเบนความสนใจของเซียวเฉวียนเพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพซินเจียงไม่ใช่หรือ?
เซียวเฉวียนรู้ว่าประตูเมืองถูกไฟไหม้
แต่เซียวเฉวียนไม่ได้สาดน้ำเพื่อดับไฟ
เนื่องจากเซียวเฉวียนวางแผนไว้ว่า เมื่อประตูถูกไฟเผา กองทัพต้าเว่ยและกองซินเจียงจะเริ่มต่อสู้กันอย่างแท้จริง มันคือการต่อสู้แบบเผชิญหน้า
เป็นกองทัพซินเจียงที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายประตูเมืองนี้ คิดจะโจมตีต้าเว่ย พวกเขาจะต้องเดินทางมาที่ประตูด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษว่ากองทัพต้าเว่ยโหดร้ายและจัดการกับพวกเขาทั้งหมด!
ส่วนนักปราชญ์ เขาคิดจะให้เซียวเฉวียนเข้าไปพัวพันกับเขา ได้ เช่นนั้นก็จะทำให้เขาได้เป็นอย่างที่หวัง เพราะยังไงนักปราชญ์ก็มีความสามารถมากพอที่จะทำให้เซียวเฉวียนพัวพันอยู่กับเขาได้
แต่ก่อนที่นักปราชญ์จะมาอยู่ด้านหน้าหอคอย เซียวเฉวียนได้กำชับกับแม่ทัพต้าเว่ยว่าระวังไม่ให้กองทัพซินเจียงปีนขึ้นมาบนกำแพงเป็นอันขาด
หากพวกเขากล้าปีนขึ้นมา เช่นนั้นกองทัพต้าเว่ยก็กล้าเล่นกับพวกเขา
เห็นร่างของนักปราชญ์อยู่บนกำแพงเมือง จ้องมองมาที่กองทัพต้าเว่ย รวมถึงเซียวเฉวียนด้วย
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “นักปราชญ์ ใจร้ายขนาดนี้เลยหรือ?”
การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มได้ไม่นาน นักปราชญ์ก็ต้องออกมาโรงมาด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยนะ!
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักปราชญ์ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น “เซียวเฉวียน ไม่ต้องพูดให้มากความ! หากมีความกล้า เช่นนั้นก็มาประลองกับข้า!”
เดิมทีเป้าหมายของนักปราชญ์คือเซียวเฉวียน
เนื่องจากเซียวเฉวียนปรากฏตัวออกมาจากประตูน้ำมังกร นักปราชญ์พยายามทุกวิถีทางเพื่อจัดการเขาในประตูน้ำมังกร ตามหาเขาอย่างยากลำบาก!
ได้ยินเสียงนี้ นักปราชญ์ก็มีความมั่นใจขึ้นมา
เซียวเฉวียนยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า “ข้าไม่เพียงแต่มีความกล้าเท่านั้น แต่ความกล้าของข้ายังมากเป็นพิเศษ”
มันแน่นอนอยู่แล้ว ต่อสู้กับเว่ยเชียนชิวที่ไม่มีใครในต้าเว่ยกล้าแตะต้อง ทำลายผนึกจูเสินที่ไม่มีใครในใต้หล้ากล้าสัมผัส ทำให้ภูเขาหมิงเซียนลุกเป็นไฟ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...