ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1681

แต่สิ่งที่เลวร้ายก็คือ คำพูดที่เซียวเฉวียนพูดออกไป คนในซินเจียงจำนวนไม่น้อยต่างรับรู้มัน

โดยเฉพาะแม่ทัพแห่งแม่ทัพซินเจียงที่คาดเดาเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดออกมาเช่นนี้ ต่อให้ยังไม่มีหลักฐานมาเป็นข้อพิสูจน์ แม่ทัพก็มั่นใจว่านักปราชญ์จะต้องเป็นต้นเหตุของสงครามทั้งหมด

แม่ทัพแห่งแม่ทัพซินเจียงอยากจะคว้านลูกตาของนักปราชญ์ออกมา พูดอย่างเยือกเย็นว่า “เป็นเจ้าจริงๆ เหตุใดเจ้าถึงได้มีจิตใจชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ไม่สนใจความเป็นความตายของทหารและราษฎร ที่เจ้าทำไปทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัวงั้นหรือ?”

ในเวลาแบบนี้ แน่นอนว่านักปราชญ์ต้องปฏิเสธออกไปโดยธรรมชาติ พวกตะโกนออกไปดังลั่น “เซียวเฉวียน! เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นฝ่ายผิด แต่เจ้ากลับใช้ถ้อยคำหยาบคายเพื่อใส่ร้ายผู้อื่น!”

พูดจบนักปราชญ์ก็หันมาสบสายตาแม่ทัพแม่ทัพซินเจียง “โจมตีต้าเว่ยคือความประสงค์ของราชินี เจ้าจงทำความเข้าใจให้ชัดเจน อย่าถูกหลอกให้คล้อยตามความเห็นของเขาเป็นอันขาด!”

นี่คือความประสงค์ของราชินี เจ้าเองก็รับมากับมือ

หากข้ามีอำนาจมากขนาดนี้ เหตุใดข้าถึงยังตั้งให้เจ้าเป็นแม่ทัพ?

เป็นแม่ทัพเสียเอง แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ?

ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร

ในสายตาของแม่ทัพแม่ทัพซินเจียง ไม่ว่านักปราชญ์จะเล่นลิ้นมากเพียงใด ความสกปรกในใจของเขาก็ยังไม่เลือนราง

แม่ทัพซินเจียงพูดออกมาว่า “ใช่เจ้าหรือไม่ เรื่องนี้เจ้าก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ!”

ไม่มีความลับอยู่ในโลก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องความขัดแย้งระหว่างหมิงเจ๋อกับเซียวเฉวียน ในต้าเว่ยมันก็ไม่ใช่ความลับอะไร ขอแค่เป็นคนที่ชอบพูดคุยเรื่องชาวบ้าน แค่นั้นก็สามารถรับรู้ได้

ด้วยเหตุนี้ ข่าวลือก็จะแผ่กระจายไปจาก 1 เป็น 10 จาก 10 เป็น 100 แม่ทัพซินเจียงเองก็ได้ยินเรื่องพวกนี้เข้าหูมาอยู่บ้าง

ได้ยินมาว่าก่อนที่จะแต่งงานกับองค์หญิงต้าถง เซียวเฉวียนเป็นลูกเขยของตระกูลฉิน เป็นคนขี้ขลาดและไร้ความสามารถคนหนึ่ง

คนแบบนี้จะมายุ่งเกี่ยวกับหมิงเจ๋อได้อย่างไร?

ต่อมาเมื่อเซียวเฉวียนได้แต่งงานกับองค์หญิง กลายเป็นน้องเขยของหมิงเจ๋อ ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน หมิงเจ๋อรักองค์หญิงที่เป็นน้องสาวผู้นี้มาก จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องลงมือกับเซียวเฉวียน

แต่หมิงเจ๋อกลับต้องการลงโทษเซียวเฉวียน ต้องการเอาโทษถึงตาย ได้ยินมาว่าเขาสั่งให้คนไปสังหารหมู่ตระกูลเซียว และสังหารแม่ของเซียวเฉวียนด้วย

การกระทำเช่นนี้มันจะต้องมีความแค้นมากเพียงใด!

ทั้งสองไม่เคยมีความคับข้องใจกันมาก่อน แต่เหตุใดหมิงเจ๋อจึงต้องทำเช่นนี้กับเซียวเฉวียน?

หลังจากการบอกเล่าของเซียวเฉวียน ในที่สุดแม่ทัพซินเจียงก็เข้าใจเหตุผลของเรื่องราวทั้งหมด ที่แท้มันก็เป็นฝีมือของนักปราชญ์ที่เป็นคนยั่วยุให้หมิงเจ๋อทำเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้ นักปราชญ์เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากจริงๆ

และคำถามก็มาถึง นักปราชญ์กับเซียวเฉวียน คนหนึ่งเป็นคนซินเจียง อีกคนอยู่ในเมืองหลวงแห่งต้าเว่ยอันไกลโพ้น ทั้งสองคนไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน เช่นนั้นเหตุใดนักปราชญ์ถึงได้มุ่งความสนใจไปที่เซียวเฉวียน?

แม่ทัพซินเจียงรู้สึกสับสนกับข้อนี้เป็นอย่างมาก

เขาหันมาหานักปราชญ์ “เจ้ามีความแค้นอะไรกับเซียวเฉวียน? ต่อให้เจ้ามีความแค้นกับเขา ตัวเจ้าเองก็มีความสามารถไม่ใช่หรือ เจ้าไปแก้แค้นเขาด้วยตัวเองก็สิ้นเรื่อง เหตุใดจะต้องทำให้องค์ชายหมิงเจ๋อโกรธ? เหตุใดจึงต้องเกลี้ยกล่อมให้ราชินีก่อสงคราม?”

“เจ้าลองดูให้ดี การที่เจ้าทำเช่นนี้ ต้องมีคนบริสุทธิ์จำนวนเท่าไหร่ต้องจบชีวิตลงเพราะเจ้า!”

แม่ทัพซินเจียงชี้ไปที่ศพบนพื้นด้วยอารมณ์

นักปราชญ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น “เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อคำพูดของข้า แต่กลับไปเชื่อคำพูดของคนนอกอย่างเซียวเฉวียน?”

เขายังคงปฏิเสธว่าการที่ราชินีสั่งให้ยกทัพทหารออกไปนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา

“ราชินีสั่งออกทัพ เป็นเพราะราชินีคิดจะฉวยโอกาสตอนที่เจ้าครองนครก่อกบฏต่อราชวงศ์ต้าเว่ย เพื่อขยายอาณาเขตให้กับซินเจียง”

โอกาสเช่นนี้ หนึ่งชีวิตจะมีสักครั้ง!

เพื่อซินเจียง หรือว่าราชินีไม่ควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้?

นี่คือโอกาสที่สวรรค์มอบให้!

เรื่องแบบนี้ยังไม่รับไว้ คิดว่าจะมีโอกาสไหนที่จะสามารถขยายอาณาเขตได้มากกว่านี้อีก?

แม้ว่าแม่ทัพซินเจียงจะเป็นคนของซินเจียง แต่เขาก็ยังมองสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุผล

ซินเจียงนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าต้าเว่ย รวมถึงอำนาจของกษัตริย์ด้วย ราชินีขึ้นสู่อำนาจ หมิงเจ๋อไม่ปรากฏตัวมาเป็นเวลานาน คนของซินเจียงก็พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว

เสนาบดีในราชสำนักเองก็ยังไม่ยอมรับราชินี

ราชสำนักแห่งซินเจียงทุกวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าเสนาบดีและราชินีนั้นมีความขัดแย้งกัน

หากกษัตริย์และขุนนางไม่มีใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นจะเอาชนะศึกได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ราชินีพึ่งจะครองอำนาจได้เพียงสองเดือนกว่า นางจะไปเข้าใจกิจของราชสำนักได้อย่างไร?

หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากนักปราชญ์ไม่สามารถจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ นับตั้งแต่วันนี้ไปก็คงไม่มีใครเรียกเขาว่านักปราชญ์ และก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือตัวแทนแห่งเทียนเต๋า

หากไม่มีชื่อเสียงเหล่านี้แล้ว สำหรับชายชราที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกียรติยศมาหลายสิบปี มันถือเป็นเรื่องที่แล้วร้ายที่สุด

เปลวไฟที่ประตูลุกลามขึ้นเรื่อยๆ

นักปราชญ์หรี่ตาลง จ้องมองเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้เหล่านั้น ร่องรอยของความดุร้ายและความดูถูกฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา เขาพูดด้วยความดูถูกในใจว่า “เป็นแค่คนธรรมดา แต่ดียังไงมาพูดต่อหน้าข้าเช่นนี้?”

มันจะมากเกินไปแล้ว!

แต่นักปราชญ์เองก็ขี้เกียจโต้เถียงกับเขา

เขามองไปรอบๆ สุดท้ายสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ตรงกระบอกปืนที่พาดอยู่บนช่องกำแพง

แม้ว่านักปราชญ์จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้เขาก็พอจะรู้ว่ามันน่าจะมีหลักการทำงานเดียวกับธนูและลูกธนู

นักปราชญ์พบว่า จากโจมตีเช่นนี้ของกองทัพต้าเว่ยเองก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน

กองทัพต้าเว่ยสามารถเล็งผ่านทางช่องนี้เท่านั้น นี่อาจจะเป็นจุดที่กองทัพต้าเว่ยใช้ในการเล็งและโจมตีพวกเขา

และนี่ก็เป็นเหตุผลทำให้ระยะการมองเห็นของกองทัพต้าเว่ยมีจำกัด

ปืนจะใช้งานได้ผ่านทางช่องตรงกำแพงผ่านแนวระดับ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ขอแค่ต้าเว่ยสามารถเข้าไปหลบอยู่ข้างกำแพง ออกห่างจากสายตาของกองทัพต้าเว่ย อัตราความสำเร็จที่กองทัพต้าเว่ยจะโจมตีกองทัพซินเจียงสำเร็จก็มีน้อยมาก

กองทัพซินเจียงสามารถใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ในการใช้บันไดปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อโจมตีกองทัพต้าเว่ยได้อย่างรวดเร็ว

แต่หากต้องการใช้แผนนี้ พวกเขาจะต้องแยกตัวออกจากกัน ให้เซียวเฉวียนสนใจไปจุดใดจุดหนึ่ง ยากที่จะรับมือกับหลายด้านในพร้อมกัน

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่กองทัพซินเจียงจะสามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ได้

อย่างไรก็ตาม นักปราชญ์ยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยความสามารถของเซียวเฉวียน เมื่อเขารู้ตัว เขาจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที แบบนั้นจะทำให้อัตราความสำเร็จของกองทัพซินเจียงลดลง

หากต้องการให้มันสำเร็จโดยสมบูรณ์ ทางเดียวก็คือต้องหลอกล่อเซียวเฉวียนออกไป

และคนเดียวที่สามารถถ่วงเวลาเซียวเฉวียนได้ก็คือนักปราชญ์ 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย