ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1680

“ตอนนั้นนักปราชญ์ว่ายังไงล่ะ ?”

ผ่านไปแค่สองวัน นักปราชญ์คงไม่ลืมกระมัง ?

ยังมีหน้ามาว่าแม่ทัพคนนี้ไม่เชื่อฟังหรือ ?

ฮึ !

ถ้าตอนนั้นนักปราชญ์ไม่มาขวางแม่ทัพอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ให้ส่งคนไปล้วงข่าวในกองทัพต้าเว่ย สถานการณ์จะเป็นอย่างในตอนนี้หรือ ?

หากรู้ล่วงหน้าก่อนว่าในมือของทหารทัพต้าเว่ยมีอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ควรจะเริ่มสงครามครั้งนี้

นักปราชญ์ก็โคตรมั่วเลย เห็นชัดว่าตัวเองประมาท ไม่คิดจะสำรวจสถานการณ์ของศัตรูให้ดี ตอนนี้สถานการณ์แย่แล้ว จะมาโยนความรับผิดชอบให้กับแม่ทัพหรือ ?

กองทัพต้าเว่ยมีอาวุธประเภทนี้อยู่ในมือ อย่าว่าครึ่งวัน ลงมือล่วงหน้าก่อนเป็นวันก็ไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ที่โดนทหารฝ่ายศัตรูขยี้เอาอย่างนี้ได้ !

นักปราชญ์ก็ไม่ได้คิดว่า เขาเป็นคนที่ราชินีแต่งตั้งให้มาช่วยเหลือแม่ทัพทำศึก แต่แม่ทัพไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้ มางัดกับเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากมาย

ใบหน้าแก่ๆ ของเขาทนไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจ้องมองแม่ทัพด้วยสีหน้าบึ้งตึง "เจ้าว่าไงนะ ?"

ว่าอะไร ไงอะไร ?

ยังมีหน้ามาโมโหหรือไง ?

มีหน้ามาจ้องแม่ทัพอย่างข้าอีกหรือ ?

ยัวะขึ้นมา แม่ทัพไม่สนใจว่าเขาเป็นใครแล้ว !

แม่ทัพกล่าวอย่างใจสัตย์ซื่อว่า “หรือแม่ทัพอย่างข้าพูดผิด ?”

คิดจะโยนความผิดมาให้แม่ทัพอย่างข้าหรือ ขอโทษที แม่ทัพอย่างข้าไม่รับโง่ๆ หรอก !

แม่ทัพระบายอารมณ์ออกมาสักยกใหญ่ ตะคอกอย่างเย็นชา ไม่สนใจนักปราชญ์อีกต่อไป

เห็นทหารของตัวเองล้มลงเพราะกระสุนนัดแล้วนัดเล่า แม่ทัพตะโกนขึ้นว่า "หยุดการโจมตี แล้วตั้งเกราะกำบัง !"

หากยังตีกันเช่นนี้ต่อไป กองทัพภาคตะวันตกเท่ากับรนหาที่ตาย

และสถานการณ์นี้ไม่อาจพลิกกลับในเวลาอันสั้นได้ สำหรับกองทัพภาคตะวันตก ที่สำคัญที่สุดคือต้องรักษากำลังทหารไว้ก่อน

หลังได้รับคำสั่ง กองทัพภูมิภาคตะวันตกก็ทยอยติดตั้งเกราะกำบังขึ้น ให้ตัวเองอยู่ในที่กำบัง

ด้วยเหตุนี้ การโจมตีของกองทัพภูมิภาคตะวันตกที่มีต่อกองทัพต้าเว่ยจึงเป็นอันว่าระงับลงชั่วคราว

มีแต่พวกทหารที่กระทุ้งประตูเมือง ยังกระทุ้งประตูเมืองอยู่อย่างหักโหม

แต่พวกเขาก็ออกแรงกันมานาน ทหารเปลี่ยนไปชุดแล้วชุดเล่า ก็ไม่มีทีท่าว่าประตูเมืองจะเปิดออกได้

ถึงแม่ทัพจะโง่ขนาดไหน เขาก็รู้แล้วว่าประตูเมืองบานนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาซะแล้ว

มิฉะนั้น ไม่ว่าประตูเมืองจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถูกกระทุ้งนานขนาดนี้ก็ควรจะเปิดออกได้แล้ว

ดูๆ แล้ว ถ้าจะเปิดประตูเมืองบานนี้ ต้องหาวิธีอื่นแล้ว

ถึงอย่างไรในเวลาอันสั้นนี้ คิดจะพิชิตทหารทัพต้าเว่ย มันเป็นไปไม่ได้แล้ว

แม่ทัพบอกกับทหารที่อยู่ข้างๆ ว่า "ไป เอาไฟไปเผาประตูเมืองซะ ! "

ใช้ไฟเผาอาจจะช้าหน่อย แต่สุดท้ายไฟก็จะเผาจนเปิดได้

ทหารรับคำสั่ง จากไปพลางหลบกระสุนของทหารทัพต้าเว่ย

นักปราชญ์ที่อยู่ข้างๆ จ้องมองแม่ทัพอย่างเย็นชาและพูดอย่างดูหมิ่นว่า "มีเซียวเฉวียนอยู่ตรงนี้ ใช้ไฟเผาก็ไม่มีประโยชน์"

ตอนอยู่ในหุบเขาเมืองมู่อวิ๋น นักปราชญ์มีประสบการณ์เห็นเซียวเฉวียนมีความสามารถเรียกลมเรียกฝนมาแล้ว

ศึกในครั้งนี้สำหรับพวกเขา อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือตัวเซียวเฉวียน

แม่ทัพอดย้อนเสียงเย็นชาไม่ได้ว่า "นี้ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ นักปราชญ์เก่งมากนี่ ลองคิดหาทางที่มีประโยชน์ให้ดูหน่อยซิ"

คำพูดนี้ส่อสำเนียงเสียดสีอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าเก่งเจ้าก็มาลุยเอง !

ถ้าเจ้าไม่มีวิธีที่ดีกว่า ก็อย่ามาเซ้าซี้อยู่แถวนี้

ก่อนที่จะหาวิธีได้ดีกว่านี้ ขอแค่มีวิธีไหนที่พอจะหวังผลได้ ก็ต้องลองทำดู

จะไม่ลองทำอะไรดูเลยก็ไม่ได้ ยืนเซ่ออยู่ตรงนี้ให้ทหารต้าเว่ยยิง หรือถ้าไม่คิดจะทำอะไรก็ถอยทัพกลับไปเลยดีกว่า

ศึกครั้งนี้ ถ้าตีชนะได้มันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าชนะไม่ได้ แม่ทัพรู้สึกว่าชีวิตของเขาก็คงถึงจุดจบแล้ว แม่ทัพได้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว บวกกับได้โต้แย้งกับนักปราชญ์ ไหนๆ ก็ล่วงเกินเขาแล้ว เอาอีกทีจะเป็นไร

ถุย !

เขาแอบซ่อนเชื้อไฟชุ่ยเจี้ยนในสำนักหมิงเซียน กุมความเป็นความตายของชาวคุนหลุนและชาวต้าเว่ยอยู่ในมือ แอบเลี้ยงผีประหลาดไว้ ทำแต่กรรมนอกลู่นอกทาง ยังกล้าแอบอ้างตัวเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ แก่แล้วไม่รู้จักอาย !

เพื่อความปรารถนาส่วนตัว ยั่วยุให้หมิงเจ๋อฆ่าเซียวเฉวียน แผนหนึ่งไม่สำเร็จก็เอาอีกแผน สรุปแล้ว เขาไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะกำจัดเซียวเฉวียนเลย

ตอนนี้มันยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น กระทั่งไปยุยงให้ราชินีทำสงครามกับต้าเว่ยเพื่อจัดการกับเซียวเฉวียน

ต่อหน้าทหารมากมายจากภูมิภาคตะวันตก เซียวเฉวียนต้องการเปิดเผยเรื่องราวที่นักปราชญ์ได้กระทำไป เพื่อให้ผู้คนของภูมิภาคตะวันตกได้รับรู้อย่างถ่องแท้ว่านักปราชญ์เป็นคนแบบไหน และให้ผู้คนของภูมิภาคตะวันตกรู้ด้วยว่าคนที่ริเริ่มก่อเกิดสงครามครั้งนี้ก็คือนักปราชญ์

ถึงแม้หมิงเจ๋อก็มีส่วนร่วมด้วย แต่เซียวเฉวียนก็ไม่พูดถึง เขาจะผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับนักปราชญ์

เขาให้ความสำคัญกับสำนักหมิงเซียนมากที่สุดไม่ใช่หรือ อยากกอบกู้ฟื้นคืนสำนักหมิงเซียนมากที่สุดไม่ใช่หรือ ?

เขาถือว่าตัวเองสูงส่งและเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ไม่ใช่หรือ ?

อย่างนั้นเซียวเฉวียนก็จะทำให้เขาชื่อเสียงเสียสิ้นย่อยยับ ให้เขากลายเป็นหนูวิ่งกลางถนน

ให้สำนักหมิงเซียนของเขาศักดิ์ศรีไม่มีวันฟื้น ให้เขาหมดปัญญาที่จะฟื้นฟูสำนักหมิงเซียน !

แน่นอน เซียวเฉวียนก็รู้ดีว่านักปราชญ์คนนี้หัวแหลมมาก เขามีวิธีหาเหตุแก้ตัวให้ตัวเองเสมอ

ก็ให้เวลาเขาหาข้ออ้างแก้ตัวก็ได้ เซียวเฉวียนก็ยินดีคอยดู

ยิ่งกว่านั้น ความจริงที่ว่าเขายุยงให้ราชินีก่อสงครามนี้ ไม่ใช่จะแก้ตัวได้ง่ายๆ

ประชาชนทั่วไปมีแต่อยากจะให้ประเทศอยู่ในความสงบ ตัวเองมีชีวิตที่มั่นคง สามารถอยู่เย็นเป็นสุขได้

เมื่อสงครามเกิดขึ้น พวกเขาก็ต้องมีชีวิตอย่างพรากบ้านพรากช่อง พวกเขาคือผู้ที่ต้องตกทุกข์ได้ยาก

ดังนั้น ผู้คนจึงเกลียดชังสงครามที่สุด คนที่ก่อให้เกิดสงคราม ก็ยิ่งเกลียดชักมากเป็นร้อยเท่า

ประชาชนเป็นเช่นนี้ เหล่าทหารก็ยิ่งกว่า

ทหารไม่ต้องการทำศึกยิ่งกว่าประชาชน ถ้าทำศึก ชีวิตของพวกเขาก็จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ในสนามรบ จะเอาชีวิตรอดนั้นยากเย็นแสนเข็ญ โหดร้ายอันตรายสุดๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย