ยังดีที่ยืนอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นทหาร หากมีชาวบ้าน และชาวบ้านมาได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียนนี้เข้า ทั้งแพร่กระจายออกไป จะไม่ทำให้ชาวบ้านคิดมากหรือ ?
หากชาวบ้านมีความคิดเห็นที่รุนแรงต่อกองทัพภูมิภาคตะวันตก ภาพลักษณ์ของกองทัพภูมิภาคตะวันตกในใจของชาวบ้านก็จะพังทลายลงทันที
ชาวบ้านที่รู้ความจริงยังพูดง่าย แต่สำหรับชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริง แถมเชื่อว่ากองทัพต้าเว่ยไปรังควานผู้คนและฉุดลากผู้หญิง ดีไม่ดีชาวบ้านอาจก่อเหตุอะไรขึ้นมาก็ได้ !
หากความเคียดแค้นของประชาชนปะทุขึ้น ถึงตอนนี้ค่อยออกมาชี้แจง กองทัพภูมิภาคตะวันตกก็ไม่อาจแก้ตัวอะไรได้ !
ดังนั้นแม่ทัพจึงต้องรีบหาทางปิดปากเซียวเฉวียนให้เร็วที่สุด
แต่ยังไม่ทันที่แม่ทัพจะคิดอะไรออกมารับมือกับเซียวเฉวียน นักปราชญ์ก็เอ่ยปากขึ้นก่อน "เซียวเฉวียน ! ไม่ต้องมาเถียงข้างๆ คูๆ ให้ชาวบ้านไขว้เขว กองทัพต้าเว่ยอาจลักลอบเข้ามาในภูมิภาคตะวันตกโดยหลบหลีกจากหูตาของกองทัพภูมิภาคตะวันตก ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ความหมายคือ เจ้าไม่ต้องมาพูดจาปลิ้นปล้อน เถียงร้อยครั้งหรือว่าพันครั้ง เจ้าก็ไม่อาจแก้ต่างให้กองทัพต้าเว่ยได้หรอก
ข้าบอกว่ามีทหารกองทัพต้าเว่ยมารังควานและฉุดลากผู้หญิงในภูมิภาคตะวันตก ก็ต้องมี !
จากนั้น นักปราชญ์ก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ในทั่วใต้หล้านี้ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจ้าเซียวเฉวียน ถนัดเรื่องกลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด ?"
คำพูดของนักปราชญ์นี้ ประสงค์จะเตือนผู้คนที่อยู่ตรงนั้นอย่าหลงกลในคำพูดไม่กี่คำของเซียวเฉวียน เพราะเซียวเฉวียนมีวาทศิลป์มากจนเขาสามารถเกลี้ยกล่อมให้นกลงจากต้นไม้ได้ พูดให้สีดำกลายเป็นสีขาวก็ยังได้
ได้ยินเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็ยิ้ม ๆ และพูดว่า "นักปราชญ์ยกย่องเซียวแล้ว"
เซียวก็แค่พูดตามความเป็นจริงก็เท่านั้น
แต่กลับมาที่เดิม เขายืนอยู่บนกำแพงเมืองพูดคุยกับนักปราชญ์และแม่ทัพของภูมิภาคตะวันตกที่อยู่ด้านล่าง ค่อนข้างจะเหนื่อย
คิดว่านักปราชญ์และแม่ทัพของภูมิภาคตะวันตกเวลาคุยกับเซียวเฉวียนจะต้องเงยหน้าขึ้น คงจะเมื่อยน่าดูใช่ไหม ?
แต่เห็นลักษณะของนักปราชญ์ หน้าตาเขาดูกระฉับกระเฉง ดูเหมือนไม่มีความรู้สึกเมื่อยคอสักนิดเลย หัวของเขายังดูชูได้ตรงและมั่นคง เขายิ้มเยาะว่า "ยกย่องไม่ยกย่อง ทุกคนเห็นอยู่กับตา”
ความหมายก็คือ ทุกคนรับรู้ เจ้าจะยอมรับหรือไม่ไม่สำคัญ
ตะโกนคุยกันอย่างนี้ ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนไม่คิดจะเสียเวลากับพวกเขาอีก
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงส่งสัญญาณให้แม่ทัพสั่งการให้ทหารที่เฝ้าเมืองค่อยดูสถานการณ์ จากนั้นหันกลับเข้าไปที่หอกำแพงเมืองพร้อมกับแม่ทัพ
ภายในหอกำแพงเมือง มีม้านั่งที่เซียวเฉวียนเตรียมไว้ก่อนแล้ว
นั่งตรงนี้ รอคอยกองทัพภาคตะวันตกเปิดฉากรบล่ะ
ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับพวกนั้นบนกำแพงเมือง
จ้องมองเซียวเฉวียนและแม่ทัพของต้าเว่ยหันหลังกลับไปจนกระทั่งหายไปจากสายตาของพวกเขา สีหน้าของนักปราชญ์บึ้งตึงขึ้นมาทันที
ตัวเขาเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ ทีแรกเขาอยู่ใต้กำแพงเมือง เงยหน้ามองและคุยกับเซียวเฉวียน ก็รู้สึกลดระดับตัวเองลงแล้ว
ตอนนี้ยังถูกเซียวเฉวียนเมินหน้าเดินหนีไปอีก นักปราชญ์ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
เป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ ที่ถูกเขยแต่งเข้าไปในบ้านฝ่ายหญิงคนหนึ่งเมินหน้าหนี มันอัปยศอดสูจริงๆ
ไหนๆ ก็จะต้องตีต้าเว่ยอยู่แล้ว ผ่านที่ว่ากระบวนการก็แล้ว เหตุผลก็แจ้งกองทัพต้าเว่ยแล้ว กองทัพต้าเว่ยเองที่ดื้อดึง ไม่เพียงแต่ไม่ให้คำตอบรับชาวบ้านของภูมิภาคตะวันตก แถมมีท่าทีที่แย่มาก เถียงข้างๆ คูๆ ป่วนให้สับสนเพื่อแก้ตัวให้กับตัวเอง
ไม่ผิด ข้อหานี้ทางภูมิภาคตะวันตกจะสวมให้กับกองทัพต้าเว่ย
พวกเขาจะดิ้นให้หลุดหรือ ไม่มีทาง !
ไม่เพียงแต่นักปราชญ์ รวมทั้งแม่ทัพของภูมิภาคตะวันตกก็ถูกท่าทีไร้มารยาทของเซียวเฉวียนและแม่ทัพของต้าเว่ยยั่วจนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวแล้ว
เขามองที่หอกำแพงเมืองด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วพูดว่า "ท่านปราชญ์ จะเอาไงดีตอนนี้ ?"
นักปราชญ์พูดอย่างโหดเหี้ยมว่า "ในเมื่อกองทัพต้าเว่ยดื้อดัน ก็สั่งสอนพวกมันหน่อยสิ !"
ความหมายบอกชัดเจนแล้ว ตามแผนเดิม ตี !
แม่ทัพเข้าใจ เขาชูมือสะบัดทีหนึ่ง ทันทีก็มีทหารโบกธงและวิ่งไปรอบๆ กล่าวว่า “แม่ทัพได้มีคำสั่ง ! ตีเมืองได้ !”
พอคำสั่งทหารลงมาปุ๊บ ทุกคนก็เข้าประจำตำแหน่ง เตรียมพร้อมอย่างเป็นระเบียบตามแผนที่รู้กัน
จากนั้น ทหารก็เริ่มแยกย้ายทำงานร่วมกัน พลยิงก็เริ่มยกคันธนูและขึงลูกธนู เล็งไปที่ทหารต้าเว่ยบนกำแพงเมืองหลงเฉวียน แล้วยิงออกไป
ลูกธนูของพลยิงบางคน ยังจุดไฟไว้ด้วย
โดยคิดว่า ถึงจะยิงไม่โดนทหารกองทัพต้าเว่ย ไฟก็ยังเผากำแพงเมืองได้
ลูกธนูที่กระหน่ำแน่นหนาราวกับสายฝน ยิงไปที่หอกำแพงเมืองพร้อมๆ กัน
แน่นอนทหารของต้าเว่ยคงไม่ยืนให้พวกเขายิง
พวกเขาเตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว ได้เจาะรูจำนวนมากมายบนกำแพงเมืองเพื่อให้ปืนสอดลอดออกไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...