“นายน้อย!” เซียวเฉวียนคำรามด้วยความโกรธ ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ถูกคนรับใช้ของตระกูลฉีจับรั้งไว้ "แกกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วหนึ่งของน้องสาวฉัน! ฉันจะฆ่าแก!"
“เฮ่อ อวดดีอย่างไง แกจะมีปัญญาอะไร” นายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉีเมินมองเซียวเฉวียนไปเหลือบหนึ่งแล้วเดินเข้าบ้านไป คิดในใจว่า ถ้าเขาไม่พาน้องสาวของเซียวเฉวียนไปในวันนี้ นามสกุลของเขาก็จะไม่ใช่ฉี!”
เขาไม่เพียงต้องการจะนำเซียวยวจิงไปขายเท่านั้น แต่ก่อนที่เขาจะขาย เขาและคนรับใช้จะต้องหาความสุขกับสาวน้อยคนนี้อย่างสำราญใจ!
“โอย..." เซียวจิงมองดูนายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉีย่างใกล้เข้ามาทีละก้าว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความตกใจกลัว ใบหน้าเหงื่อตกเหมือนดอกสาลี่อาบน้ำฝน
นายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉีเดินไปสองสามก้าวและในที่สุดก็พบเซียวจิง
เขายิ้มอย่างหยาบคายให้เซียวจิงที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้อง "ออกมาเถอะ พี่ชายของเธอยังไม่สามารถปกป้องเธอได้! เธอจะคาดหวังใครอีกที่จะมาช่วยเธอ? นายน้อยคนนี้สามารถทำให้เธอได้ทั้งกินและดื่มตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ เธอจะไม่ต้องกังวลอะไร แถมยังได้ฝึกเรียนดีดขิม แต่งกวี วาดภาพ จากแม่ของลานอี้หงอีกด้วย ดีแค่ไหน!”
เบ้าตาของเซียวจิงเต็มไปด้วยน้ำตา เธอขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแม่เซียวและร้องไห้ "แม่ หนูไม่อยากไป..."
นายน้อย แกหยุดนะ!" เซียวเฉวียนคำราม เขาดิ้นรน แต่เขาขยับตัวไม่ได้เลย
นายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉี ตะคอกอย่างเย็นชาและเพิกเฉย "หากนายยังส่งเสียงร้อง จะเอาแม้กระทั่งแม่เฒ่าของนายไปขายด้วย!"
เซียวเฉวียนพูดด้วยความโกรธ "แกกล้าทำกับเขยของตระกูลฉินแบบนี้ได้ไง!
แกระวังหัวของแกให้ดี! "
นายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉีปล่อยเสียง “ทุ้ย” ด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสเหมือนหมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำเดือด "ไม่ต้องเอานายพลแก่ๆ มาขู่ให้เสียเวลา! นายเป็นแค่ลูกเขยคนหนึ่งของตระกูลฉิน ใครจะมาสนใจนาย ฉันกำลังทำความดี ฉันทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะมาช่วยตระกูลเซียวของนาย!"
เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปที่เซียวจิงด้วยรอยยิ้ม "ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนแบบสุดๆ"
เซียวเฉวียนดิ้นอย่างร้อนใจ แต่เขาถูกกดเข้าหันกำแพงอย่างแน่น
”พระราชโองการเสด็จ!”
ในขณะนั้น เสียงฆ้องเสียงกลองดังขึ้นมาจากข้างนอกลาน และมีคนตะโกนเสียงดังว่า "พระราชโองการเสด็จ! เชิญรับราชโองการ!"
นายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลฉีผงะไปครู่หนึ่งและมองหน้ากัน เป็นไปได้ไหมว่าเขาอยู่ๆ มีอาการประสาทหลอนทางหู?
เขาโผล่หัวออกมามองข้างนอก ฆ้องและกลองดังสนั่น ธงแดงปลิวไสว ขันทีหม่าร่างเปื้อนฝุ่นก้าวลงจากหลังม้า เสียงประทัดก็ดังขึ้นทันที แวดล้อมดูยิ่งใหญ่มโหฬารมาก
เจ้าหน้าที่ในวังหลายคนเดินตามหลังขันทีหม่า แต่ละคนยังถือสิ่งของบางอย่างอยู่ในมือ ซึ่งคลุมด้วยผ้าสีแดง
ทั้งขบวนนี้ทำให้ทุกคนตกอกตกใจ คนรับใช้ตระกูลฉีซึ่งบังคับกดเจ้าเซียงเฉวียนไม่ให้ดิ้นนั้นเบาแรงลงด้วยจิตใต้สำนึก ถอยห่างออกกมาครึ่งเมตร เพื่อแสดงทีท่าไม่เกี่ยวโยงกัน
ขันทีหม่าเหลือบมองคนเหล่านี้แวบหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิด จึงค้อนมองพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงดังขึ้นมาว่า "เซียวติ้ง โปรดรับพระราชโองการ!"
เซียวเฉวียนก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...