ในแง่ของจำนวนคน กองทัพฉินกับกองทัพเจ้าครองนครนั้นต่างกันไม่มาก
จากการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ว่ากองทัพฉินเองก็จะได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อเทียบกับกองทัพเจ้าครองนคร สถานการณ์ของพวกเขาก็ยังดีกว่าหลายร้อยเท่า
สถานการณ์ของกองทัพเจ้าครองนคร หากใช้คำพูดในปัจจุบัน เรียกได้ว่าน่าอนาถเป็นอย่างมาก
ในบรรดาเจ้าครองนครทั้งสามคน เวลานี้เหลือเพียงแค่เว่ยอี้หรานเท่านั้น อีกสองคนที่เหลือหนีไปไหนก็ไม่มีใครรู้
แต่พวกเขาไม่มีทางหนีรอด
พวกเขาจะต้องถูกพวกของหวงเฟยลากตัวกลับมา
ส่วนที่เว่ยหงกับเว่ยหยานสามารถหนีรอดไป นั่นก็เพราะพวกเขามีวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ประกอบกับคำแนะนำของเซียวเฉวียน กองทัพฉินจึงจงใจปล่อยพวกเขาไป
กองทัพเจ้าครองนครเห็นเจ้านายของตนเองสองคนตกอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพฉิน พวกเขาเสียสติขึ้นมาทันใด ชี้อาวุธมาทางกองทัพฉิน แต่ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
พวกเขากลัวว่าหากพวกเขาเคลื่อนไหว กองทัพฉินจัดปลิดชีวิตเจ้าครองนครทั้งสองคนของพวกเขา
เว่ยอี้หรานเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนำมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก
นี่เป็นการพ่ายแพ้ที่น่าเศร้า แถมเว่ยหงกับเว่ยหยานก็ยังหนีไป ตอนนี้เจ้าครองนครสองคนก็ตกอยู่ในมือของกองทัพฉิน เช่นนั้นแล้วจะสู้ต่อไปอย่างไร?
ช่างเป็นการเริ่มต้นที่เลวร้ายเหลือเกิน!
เว่ยอี้หรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจที่เขาฟังคำหลอกลวงของเว่ยหงและเว่ยหยานตั้งแต่แรก จนเป็นสาเหตุให้เกิดการก่อกบฏ
หากเขาเป็นเจ้าครองนครอย่างสงบ เขาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เฉกเช่นตอนนี้
ทำให้เขาต้องสูญเสียทั้งครอบครัวและทหาร!
ตาเฒ่าเว่ยหงและเว่ยหยาน ในเวลาวิกฤตก็หนีเร็วราวกับกระต่าย เว่ยอี้หรานรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
ฉินเซิงโบกมือเบื่อบอกให้กองทัพฉินหยุดยิง จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ท่านอ๋อง ยังจะสู้อยู่อีกหรือไม่?”
หากยังสู้ต่อไป กองทัพฉินก็ไม่รังเกียจที่จะขุดหลุมฝังศพพวกเขา!
ในสนามลม ปืนและดาบนั้นไม่มีตา หากไม่ระวังทำให้เจ้าครองนครต้องบาดเจ็บหรือล้มตาย มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
ตายในสนามรบ ตายก็คือตาย
อย่างไรพวกเขาก็เป็นกบฏ ราชสำนักไม่มีทางเรียกร้องให้กองทัพฉินรับผิดชอบ
แต่เจ้าครองนครผู้สง่างาม ต้องมาถูกฝังอยู่ในสนามรบเช่นนี้ ไม่มีใครมาช่วยเก็บศพ จุดจบเช่นนี้มันไม่เลวร้ายไปหน่อยงั้นหรือ?
ต้องไตร่ตรองให้ดี
หากยอมจำนนเสียตั้งแต่ตอนนี้ แม้ว่าจุดจบก็คือความตายเช่นเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็ยังมีศักดิ์ศรีมากกว่ามาตายอยู่ที่นี่
ในตอนนี้ จู่ๆ เว่ยอี้หรานก็นึกถึงคำพูดที่เซียวเฉวียนเคยพูดเอาไว้ได้ หากพวกเจ้าครองนครยอมจำนน เซียวเฉวียนจะปกป้องครอบครัวของพวกเขาไว้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เงื่อนไขดังกล่าวยังเป็นเหมือนเดิมไหม?
ตอนนั้นคิดไม่ถึงว่ากองทัพฉินจะมีอาวุธปืนที่ท้าทายอำนาจสวรรค์ถึงเพียงนี้ แม้จะรู้ในภายหลัง พวกเจ้าครองนครก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ คิดจะสู้กับกองทัพฉินให้ถึงที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีโอกาสชนะ
ใครจะไปรู้ว่าฉินเซิงสามารถใช้กำลังทหารของเขาได้ราวกับเทพเจ้า เขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถจัดการกับแผนการครั้งนี้ของเจ้าครองนครได้อย่างง่ายดาย
แถมยังจัดการกับกองทัพของเจ้าครองนครอย่างเหี้ยมโหด!
การต่อสู้กับศัตรูเช่นนี้เป็นเพียงฝันร้าย!
หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกก็คงดี
แต่น่าเสียดายที่เงินไม่อาจจะซื้อยาที่เรียกว่าการรู้ล่วงหน้าได้!
คิดไปคิดมา เว่ยอี้หรานถามสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ในใจออกมา “หากพวกข้ายอมจำนน ราชสำนักจะปกป้องดูแลครอบครัวของพวกข้าให้อยู่รอดปลอดภัยหรือไม่?”
ฉินเซิงตอบไปโดยไม่คิด “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นเป็นคนขยัน รักใคร่และเมตตาราษฎร เป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง
หลังจากที่มาเป็นศิษย์ของราชครูอย่างเซียวเฉวียน เขาก็ยิ่งได้รับอิทธิพลจากเซียวเฉวียนมากยิ่งขึ้น จัดการกับเรื่องราวไม่ใช่ตัวบุคคล ไม่ลากใครเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยง่าย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ฮ่องเต้เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนระบบการรับผิดแบบเชื่อมโยงและไร้เหตุผล
หากเว่ยอี้หรานสั่งให้กองทัพเจ้าครองนครยอมจำนนเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถึงเวลานั้นราชสำนักก็จะลงโทษเพียงแค่เจ้าครองนครสามคนเท่านั้น
ใช้ชีวิตของคนสามคนในการปกป้องชีวิตของคนนับหมื่น แน่นอนว่าคุ้มค่า!
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเว่ยอี้หรานก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันและโยนดาบทิ้งลงไป
ความหมายของมันชัดเจน เขาไม่คิดจะต่อต้านอีกต่อไปแล้ว!
ผู้นำทิ้งอาวุธ เหล่าทหารเองก็ทยอยทิ้งอาวุธไปตามๆ กัน
ด้วยเหตุนี้ สงครามครั้งนี้จึงจบลง!
ต่อให้ฝันพวกเจ้าครองนครก็คาดไม่ถึง สงครามที่พวกเขาต้องการจะเอาชนะนั้นจะมีจุดจบเช่นนี้
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันทำให้พวกเขาไม่ทันระวังและไม่ทันตั้งตัว!
ช่างน่าอนาถยิ่งนัก!
กับดักพวกนี้สำหรับคนสมัยใหม่อย่างเซียวเฉวียน เขาไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยสักนิด!
พวกของเซียวเฉวียนทั้งสามคนกลับไปยังกองทัพต้าเว่ยตอนที่ใกล้ถึงการซุ่มโจมตีในด่านแรก และรวมตัวกับกองทัพต้าเว่ย
หลังจากแม่ทัพต้าเว่ยได้ยินว่าด้านหน้ามีการซุ่มโจมตีรออยู่ เขาก็หัวเราะชอบใจออกมา “ไป ไปเล่นกับพวกมันกันเถอะ!”
อากาศวันนี้แจ่มใสมาก ท้องฟ้าไม่มีเมฆ มีลมพัดเบาๆ เป็นระยะๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตัวเป็นพิเศษ
แม้ว่าพวกเขากำลังจะไปออกรบ แต่เซียวเฉวียนกลับทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังออกเดินทางเพื่อผจญภัย
เหมิงเอ้าคุ้นเคยกับทัศนคติและท่าทางเช่นนี้ของเซียวเฉวียนมาตั้งนานแล้ว
เจินฮ่าวที่อยู่ในจวนเซียวมาตั้งนานก็รู้สึกคุ้นชินแล้วเช่นกัน
กองทัพต้าเว่ยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ใต้เท้าเซียวอารมณ์ดีขนาดนี้เลยเหรอ?
เผชิญหน้ากับอันตรายได้อย่างกล้าหาญ!
นับถือ!
น่านับถือยิ่งนัก!
หากเป็นพวกเขา แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังซุ่มโจมตีอยู่ แม้ว่าในมือของตนเองจะมีอาวุธที่เหนือกว่า แต่พวกเขาก็คงยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ดี
เพราะสุดท้ายแล้วนี่คือสงคราม พวกเขาไม่กล้าละเลยมันแม้แต่เสี้ยววินาที
เมื่อได้มาเห็นเซียวเฉวียนในวันนี้ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาจะต้องเรียนรู้จากเซียวเฉวียนไว้ให้มาก
ดังนั้นกองทัพต้าเว่ยจึงเริ่มลงที่จะผ่อนคลาย แสดงใบหน้าที่สงบออกมา เดินไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ
แม่ทัพต้าเว่ยเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พูดไปพูดมา ในสายตาของเซียวเฉวียน แม่ทัพต้าเว่ยผู้นี้ก็ถือเป็นคนที่แปลกประหลาด
เขาเป็นแม่ทัพที่ไม่มีความสง่างาม ไม่มีความน่าเกรงขาม แต่เขากลับทำให้ทหารในกองทัพเชื่อฟังได้อย่างน่าตกใจ
แม้แต่เวลานี้ เขาก็ยังทำทุกสิ่งอย่างร่วมกับทหารของเขา
คนแบบนี้ หากอยู่ในยุคสมัยใหม่ เขาก็คงจะยังเป็นคนที่น่านับถือและเป็นที่เคารพรักจากคนอื่นเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...