ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1710

นักปราชญ์ยกตัวเองเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ คิดว่าตัวเองอยู่ค้ำฟ้า สามารถบงการทุกสิ่งในโลกนี้ได้

แม้แต่บรรดาราชวงศ์ทั้งหลายในโลกก็ไม่ได้อยู่ในสายตา

ในเมื่อเขายืนกรานเสียงแข็งว่าเขาเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์และวางตัวสูง เซียวเฉวียนก็จะเหยียบเขาให้ลงสู่โคลนตม !

เซียวเฉวียนตะคอกอย่างเย็นชา "ท่านดูเอาเองก็แล้วกัน ! สวรรค์จะลิขิตอย่างนี้ได้หรือ ?”

หากนักปราชญ์ยืนกรานจะแอบอ้างประเภทมรรคสวรรค์กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็จะเล่นด้วยก็ได้ สวรรค์คือที่พึ่งพิงทางใจของคนโบราณ และดำรงอยู่เพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วทั้งโลก

จะไม่มีวันสั่งสอนนักปราชญ์ให้มาทำร้ายสิ่งมีชีวิตน่าสังเวชเช่นนี้

ถูกเซียวเฉวียนกล่าวว่าเช่นนี้ นักปราชญ์ก็พาลโกรธทันที และเสียงของเขาเคียดแค้นสุดขีด "เซียวเฉวียน ! ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวตรงนี้ !"

นักปราชญ์ก็ยังยืนยันคำเดิม หากเซียวเฉวียนยอมตายตั้งแต่แรก ก็ไม่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในภายหลัง

ต้าเว่ยกับภูมิภาคตะวันตกต้องมารบกัน ต้นเหตุดั้งเดิมก็คือตัวเซียวเฉวียน !

ผิดที่เซียวเฉวียน !

มีแต่เซียวเฉวียน !

นักปราชญ์ยุยงราชินีให้ส่งทหาร เพียงเพื่อปฏิบัติธรรมแทนสวรรค์มาสังหารเซียวเฉวียนก็เท่านั้น

ปฏิบัติธรรมแทนสวรรค์มีผิดตรงไหน ?

นักปราชญ์เหมือนถูกปีศาจเข้าสิง เน้นย้ำในปัญหานี้มาตลอด เน้นย้ำว่าเขาไม่ผิดมาตลอด

แต่เซียวเฉวียนมองเขาอย่างเยือกเย็น ไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขาแก้ต่างให้กับตัวเองอยู่อย่างนี้

ดูเหมือนมีความสุขจริงหนอ แล้วแต่ท่านจะพูด ก็พูดให้หนำใจก็แล้วกัน ในอารมณ์สีหน้าของเซียวเฉวียนก็มีความหมายแฝงอยู่

ท่าทางเช่นนี้ ในสายตาของนักปราชญ์ ก็คือการดูถูก การเยาะเย้ย และลบหลู่

เห็นได้ชัดว่ามันเสียดแทงตัวนักปราชญ์

นักปราชญ์เหวี่ยงดาบของเขาแทงมาที่เซียวเฉวียนอย่างว่องไวและรุนแรง

การเคลื่อนไหวนั้นทั้งไวและโหด ราวกับลมกระโชกมาอย่างแรง

เซียวเฉวียนก็ไม่ได้อ่อนข้อ เขาหรี่ตาลง ขึ้นรับดาบของนักปราชญ์ด้วยดวงตาที่แหลมคม

"แคร้ง !"

ดาบปะทะกันเกิดประกายไฟทิ่มแทงลูกตา

แต่คนทั้งสองก็ไม่มีใครยอมใคร

พลังอาฆาตในร่างกายของเซียวเฉวียนถูกปลดปล่อยออกเต็มที่ทันที กำลังอำนาจที่ทรงพลังทำให้นักปราชญ์รู้สึกสั่นคลอน

แต่ในไม่ช้า นักปราชญ์ก็แอบสุมกำลังภายใน จะผลักจนเซียวเฉวียนถอยหลังออกไป

แต่เขาใช้เกือบหมดสิ้นกำลัง ก็ไม่สามารถกระดิกเซียวเฉวียนได้แม้แต่น้อย

ตอนนี้ นักปราชญ์รู้แล้วว่าเขาแลกกำลังกับเซียวเฉวียนไม่ได้อีกต่อไป

ถ้าคิดจะปราบเซียวเฉวียน ก็ต้องใช้วิธีพิเศษ

คิดถึงตอนนั้น ค่ายกลของนักปราชญ์ก็สามารถทำให้เซียวเฉวียนหมดทางสู้ไปได้พักหนึ่ง

เขาว่าการทำสงครามนั้น ย่อมไม่วายที่จะใช้กลอุบาย

นักปราชญ์จึงเตรียมพร้อมที่จะทำซ้ำกลอุบายเดิมอีก

ดังนั้นเขาจึงรีบถอนดาบอย่างไวและรักษาระยะห่างจากตัวเซียวเฉวียน

จำต้องรักษาระยะห่าง จึงจะสะดวกให้นักปราชญ์วางค่ายกล

มิฉะนั้น ด้วยความไวของเซียวเฉวียน ไม่ทันให้นักปราชญ์จัดวางค่ายกลให้เสร็จ เซียวเฉวียนก็คงมาทำเสียซะก่อน !

เซียวเฉวียนไม่เข้าใจค่ายกลจริงๆ แต่นับตั้งแต่เขาเรียนรู้ว่าระเบิดสามารถระเบิดค่ายกลได้ เซียวเฉวียนจึงบอกว่าหายห่วง

ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงไม่กังวลว่านักปราชญ์จะวางค่ายกล

ถึงนักปราชญ์จะร่อนเข็มพิษมา เซียวเฉวียนก็ไม่กลัว เพราะในตัวเขามีตราจูเสิน ตราจูเสินแก้สารพิษได้ทุกชนิด

เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นเข็มพิษ ก็ยังต้องให้ความระวัง แม้ว่าตราจูเสินจะแก้พิษให้ได้ แต่กระบวนการแก้พิษก็ต้องใช้เวลา

ในระหว่างนั้น หากเซียวเฉวียนโดนสารพิศแล้วหมดแรงต่อสู้ จะทำให้นักปราชญ์มีโอกาสหยิบฉวยได้

นักปราชญ์ซึ่งถอยหลังออกไปโดดขึ้นไปในอากาศและแขวนตัวอยู่เหนือเซียวเฉวียน มือสองข้างวาดไปมา ปากพึมพำรัวๆ

เคลื่อนไหวคล่องแคล่วดั่งเมฆลอยน้ำไหล

เซียวเฉวียนเพิ่งจะรู้สึกตัวกำลังจะเหินขึ้นไปและรบกับนักปราชญ์ต่อ แต่นักปราชญ์ตะโกนอย่างเย็นชา "เริ่ม !"

เซียวเฉวียนเหินออกไปไม่ได้แล้ว

เขาเพิ่งมารู้ว่าเขาติดอยู่ในค่ายกลของนักปราชญ์

ไอ้แก่หนังเหนียวนี้ ชอบเล่นกลพวกนี้จังแฮะ

และตอนนี้ สายตาของนักปราชญ์ก็จับจ้องมาที่ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน

เพราะแส้ทองคำอันล้ำค่าของนักปราชญ์ยังถูกหุบอยู่ในภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ

ตอนนี้เซียวเฉวียนติดอยู่ในค่ายกลของนักปราชญ์ เป็นโอกาสอย่างดีที่จะยึดภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิมาเป็นของตัวเอง

พอความคิดนี้แวบเข้ามา นักปราชญ์ก็ลงมือทันที เขากระโดดขึ้นไปหาภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ

ไม่เพียงแต่เหมิงเอ้าที่เห็น ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็สังเกตเห็นนักปราชญ์กำลังจ้องเขมือบมาเหมือนกัน

เพื่อวิ่งให้เร็วขึ้น ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจึงม้วนตัวขึ้นอย่างไว จากนั้นเร่งความเร็วเหินไปทางเหมิงเอ้า

เหมิงเอ้ารับมันเอาไว้แล้วสั่งว่า "ตอนนี้เจ้านายติดอยู่ในค่ายกล เจ้ารีบเข้าไปช่วยนายออกมา"

ถึงแม้จะมองไม่เห็นค่ายกล แต่เซียวเฉวียนหายตัวไปในขณะที่สู้รบกับนักปราชญ์ และทั้งสองก็ไม่ได้ออกไปจากบริเวณนี้

ค่ายกลก็ควรจะอยู่แถวนี้

ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแค่ลองมุดๆ ไปทั่วแถวนี้ ต้องเข้าไปจนได้แน่นอน

ได้ยินปั๊บ ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็ผละตัวจากมือของเหมิงเอ้า แล้วหมุนตัวไปในอากาศราวกับลมกระโชกแรง

นักปราชญ์เพิ่งเห็นภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิตกอยู่ในมือของเหมิงเอ้า กำลังจะคว้ามันจากมือของเหมิงเอ้า แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเหมิงเอ้า ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็เหินออกไปอีกแล้ว

จึงรีบเหยียบเบรกและเลี้ยวขวับ ตามภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิไป

แต่ความเร็วของภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลินั้นเร็วเกินกว่าที่นักปราชญ์จะตามทัน

ที่แย่ที่สุดคือ หลังจากที่นักปราชญ์เหยียบมิดคันเร่งไล่มันไปหลายรอบ มันหายตัวไปไหนแล้ว !

ไม่ต้องคิด ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิต้องมุดเข้าไปในค่ายกลแล้ว

ให้ตายสิวะ !

ไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะเข้าไปหรือบังเอิญหลงเข้าไป

แค่ภาพอันเดียวยังยากที่จะจัดการ มันสะท้อนถึงประโยคที่ว่า สัตว์เลี้ยงจะติดนิสัยตามเจ้าของนั้นจริงๆ

ยากที่จะจัดการพอๆ กับเซียวเฉวียน

ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิหายตัวไป เหมิงเอ้าก็โล่งใจ

แต่ว่า ขณะนี้กองทัพต้าเว่ยรบกับภูมิภาคตะวันตกรุนแรงขนาดนี้ สถานการณ์ไม่ดีเลยสำหรับกองทัพภูมิภาคตะวันตก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย