นักปราชญ์ยกตัวเองเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ คิดว่าตัวเองอยู่ค้ำฟ้า สามารถบงการทุกสิ่งในโลกนี้ได้
แม้แต่บรรดาราชวงศ์ทั้งหลายในโลกก็ไม่ได้อยู่ในสายตา
ในเมื่อเขายืนกรานเสียงแข็งว่าเขาเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์และวางตัวสูง เซียวเฉวียนก็จะเหยียบเขาให้ลงสู่โคลนตม !
เซียวเฉวียนตะคอกอย่างเย็นชา "ท่านดูเอาเองก็แล้วกัน ! สวรรค์จะลิขิตอย่างนี้ได้หรือ ?”
หากนักปราชญ์ยืนกรานจะแอบอ้างประเภทมรรคสวรรค์กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนก็จะเล่นด้วยก็ได้ สวรรค์คือที่พึ่งพิงทางใจของคนโบราณ และดำรงอยู่เพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วทั้งโลก
จะไม่มีวันสั่งสอนนักปราชญ์ให้มาทำร้ายสิ่งมีชีวิตน่าสังเวชเช่นนี้
ถูกเซียวเฉวียนกล่าวว่าเช่นนี้ นักปราชญ์ก็พาลโกรธทันที และเสียงของเขาเคียดแค้นสุดขีด "เซียวเฉวียน ! ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวตรงนี้ !"
นักปราชญ์ก็ยังยืนยันคำเดิม หากเซียวเฉวียนยอมตายตั้งแต่แรก ก็ไม่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในภายหลัง
ต้าเว่ยกับภูมิภาคตะวันตกต้องมารบกัน ต้นเหตุดั้งเดิมก็คือตัวเซียวเฉวียน !
ผิดที่เซียวเฉวียน !
มีแต่เซียวเฉวียน !
นักปราชญ์ยุยงราชินีให้ส่งทหาร เพียงเพื่อปฏิบัติธรรมแทนสวรรค์มาสังหารเซียวเฉวียนก็เท่านั้น
ปฏิบัติธรรมแทนสวรรค์มีผิดตรงไหน ?
นักปราชญ์เหมือนถูกปีศาจเข้าสิง เน้นย้ำในปัญหานี้มาตลอด เน้นย้ำว่าเขาไม่ผิดมาตลอด
แต่เซียวเฉวียนมองเขาอย่างเยือกเย็น ไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขาแก้ต่างให้กับตัวเองอยู่อย่างนี้
ดูเหมือนมีความสุขจริงหนอ แล้วแต่ท่านจะพูด ก็พูดให้หนำใจก็แล้วกัน ในอารมณ์สีหน้าของเซียวเฉวียนก็มีความหมายแฝงอยู่
ท่าทางเช่นนี้ ในสายตาของนักปราชญ์ ก็คือการดูถูก การเยาะเย้ย และลบหลู่
เห็นได้ชัดว่ามันเสียดแทงตัวนักปราชญ์
นักปราชญ์เหวี่ยงดาบของเขาแทงมาที่เซียวเฉวียนอย่างว่องไวและรุนแรง
การเคลื่อนไหวนั้นทั้งไวและโหด ราวกับลมกระโชกมาอย่างแรง
เซียวเฉวียนก็ไม่ได้อ่อนข้อ เขาหรี่ตาลง ขึ้นรับดาบของนักปราชญ์ด้วยดวงตาที่แหลมคม
"แคร้ง !"
ดาบปะทะกันเกิดประกายไฟทิ่มแทงลูกตา
แต่คนทั้งสองก็ไม่มีใครยอมใคร
พลังอาฆาตในร่างกายของเซียวเฉวียนถูกปลดปล่อยออกเต็มที่ทันที กำลังอำนาจที่ทรงพลังทำให้นักปราชญ์รู้สึกสั่นคลอน
แต่ในไม่ช้า นักปราชญ์ก็แอบสุมกำลังภายใน จะผลักจนเซียวเฉวียนถอยหลังออกไป
แต่เขาใช้เกือบหมดสิ้นกำลัง ก็ไม่สามารถกระดิกเซียวเฉวียนได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้ นักปราชญ์รู้แล้วว่าเขาแลกกำลังกับเซียวเฉวียนไม่ได้อีกต่อไป
ถ้าคิดจะปราบเซียวเฉวียน ก็ต้องใช้วิธีพิเศษ
คิดถึงตอนนั้น ค่ายกลของนักปราชญ์ก็สามารถทำให้เซียวเฉวียนหมดทางสู้ไปได้พักหนึ่ง
เขาว่าการทำสงครามนั้น ย่อมไม่วายที่จะใช้กลอุบาย
นักปราชญ์จึงเตรียมพร้อมที่จะทำซ้ำกลอุบายเดิมอีก
ดังนั้นเขาจึงรีบถอนดาบอย่างไวและรักษาระยะห่างจากตัวเซียวเฉวียน
จำต้องรักษาระยะห่าง จึงจะสะดวกให้นักปราชญ์วางค่ายกล
มิฉะนั้น ด้วยความไวของเซียวเฉวียน ไม่ทันให้นักปราชญ์จัดวางค่ายกลให้เสร็จ เซียวเฉวียนก็คงมาทำเสียซะก่อน !
เซียวเฉวียนไม่เข้าใจค่ายกลจริงๆ แต่นับตั้งแต่เขาเรียนรู้ว่าระเบิดสามารถระเบิดค่ายกลได้ เซียวเฉวียนจึงบอกว่าหายห่วง
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงไม่กังวลว่านักปราชญ์จะวางค่ายกล
ถึงนักปราชญ์จะร่อนเข็มพิษมา เซียวเฉวียนก็ไม่กลัว เพราะในตัวเขามีตราจูเสิน ตราจูเสินแก้สารพิษได้ทุกชนิด
เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นเข็มพิษ ก็ยังต้องให้ความระวัง แม้ว่าตราจูเสินจะแก้พิษให้ได้ แต่กระบวนการแก้พิษก็ต้องใช้เวลา
ในระหว่างนั้น หากเซียวเฉวียนโดนสารพิศแล้วหมดแรงต่อสู้ จะทำให้นักปราชญ์มีโอกาสหยิบฉวยได้
นักปราชญ์ซึ่งถอยหลังออกไปโดดขึ้นไปในอากาศและแขวนตัวอยู่เหนือเซียวเฉวียน มือสองข้างวาดไปมา ปากพึมพำรัวๆ
เคลื่อนไหวคล่องแคล่วดั่งเมฆลอยน้ำไหล
เซียวเฉวียนเพิ่งจะรู้สึกตัวกำลังจะเหินขึ้นไปและรบกับนักปราชญ์ต่อ แต่นักปราชญ์ตะโกนอย่างเย็นชา "เริ่ม !"
เซียวเฉวียนเหินออกไปไม่ได้แล้ว
เขาเพิ่งมารู้ว่าเขาติดอยู่ในค่ายกลของนักปราชญ์
ไอ้แก่หนังเหนียวนี้ ชอบเล่นกลพวกนี้จังแฮะ
และตอนนี้ สายตาของนักปราชญ์ก็จับจ้องมาที่ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน
เพราะแส้ทองคำอันล้ำค่าของนักปราชญ์ยังถูกหุบอยู่ในภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ
ตอนนี้เซียวเฉวียนติดอยู่ในค่ายกลของนักปราชญ์ เป็นโอกาสอย่างดีที่จะยึดภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิมาเป็นของตัวเอง
พอความคิดนี้แวบเข้ามา นักปราชญ์ก็ลงมือทันที เขากระโดดขึ้นไปหาภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ
ไม่เพียงแต่เหมิงเอ้าที่เห็น ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็สังเกตเห็นนักปราชญ์กำลังจ้องเขมือบมาเหมือนกัน
เพื่อวิ่งให้เร็วขึ้น ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจึงม้วนตัวขึ้นอย่างไว จากนั้นเร่งความเร็วเหินไปทางเหมิงเอ้า
เหมิงเอ้ารับมันเอาไว้แล้วสั่งว่า "ตอนนี้เจ้านายติดอยู่ในค่ายกล เจ้ารีบเข้าไปช่วยนายออกมา"
ถึงแม้จะมองไม่เห็นค่ายกล แต่เซียวเฉวียนหายตัวไปในขณะที่สู้รบกับนักปราชญ์ และทั้งสองก็ไม่ได้ออกไปจากบริเวณนี้
ค่ายกลก็ควรจะอยู่แถวนี้
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแค่ลองมุดๆ ไปทั่วแถวนี้ ต้องเข้าไปจนได้แน่นอน
ได้ยินปั๊บ ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็ผละตัวจากมือของเหมิงเอ้า แล้วหมุนตัวไปในอากาศราวกับลมกระโชกแรง
นักปราชญ์เพิ่งเห็นภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิตกอยู่ในมือของเหมิงเอ้า กำลังจะคว้ามันจากมือของเหมิงเอ้า แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเหมิงเอ้า ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็เหินออกไปอีกแล้ว
จึงรีบเหยียบเบรกและเลี้ยวขวับ ตามภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิไป
แต่ความเร็วของภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลินั้นเร็วเกินกว่าที่นักปราชญ์จะตามทัน
ที่แย่ที่สุดคือ หลังจากที่นักปราชญ์เหยียบมิดคันเร่งไล่มันไปหลายรอบ มันหายตัวไปไหนแล้ว !
ไม่ต้องคิด ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิต้องมุดเข้าไปในค่ายกลแล้ว
ให้ตายสิวะ !
ไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะเข้าไปหรือบังเอิญหลงเข้าไป
แค่ภาพอันเดียวยังยากที่จะจัดการ มันสะท้อนถึงประโยคที่ว่า สัตว์เลี้ยงจะติดนิสัยตามเจ้าของนั้นจริงๆ
ยากที่จะจัดการพอๆ กับเซียวเฉวียน
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิหายตัวไป เหมิงเอ้าก็โล่งใจ
แต่ว่า ขณะนี้กองทัพต้าเว่ยรบกับภูมิภาคตะวันตกรุนแรงขนาดนี้ สถานการณ์ไม่ดีเลยสำหรับกองทัพภูมิภาคตะวันตก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...