ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1733

ถึงแม้หมิงเจ๋อจะคิดอยู่แล้วว่าผลลัพธ์เป็นเช่นดังนี้

ถึงแม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม

แต่หมิงเจ๋อก็ยังสะเทือนใจเมื่อได้ยินนักปราชญ์พูดออกมาด้วยตัวเอง

ความแค้นเคือง ความขมขื่น ความสับสนแล่นเข้ามาในสมองของหมิงเจ๋อ

เขากัดฟันถาม “ทำไม”

วินาทีถัดมา เขาก็ตีโพยตีพาย “ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้ ! ทำไม !”

ก็เพียงเพราะคำพูดของนักปราชญ์ หมิงเจ๋อ ผู้ซึ่งควรที่จะมีชีวิตอันสดใส ต้องมาลงเอยเช่นนี้

มนุษย์ไม่เชิง ผีก็ไม่ใช่ พบหน้าผู้คนไม่ได้ อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ

ตอนนี้นักปราชญ์มาบอกเขาว่า นี่เป็นข้ออ้างที่จะใช้เขาไปฆ่าเซียวเฉวียน ?

ทำไม !

นักปราชญ์ต้องการฆ่าเซียวเฉวียน มีคนอยู่มากมาย ทำไมเขาต้องเลือกหาหมิงเจ๋อด้วย ?

ถ้าไม่ใช่เพราะนักปราชญ์ ตอนนี้หมิงเจ๋อก็คงเป็นกษัตริย์ของภูมิภาคตะวันตกแล้ว ภูมิภาคตะวันตกก็ไม่สิ้นชาติ

ความสัมพันธ์ระหว่างหมิงเจ๋อกับเซียวเฉวียนก็คงไม่เลวร้ายถึงขนาดนี้

เขายิ่งไม่ถึงกับตกอยู่ในสภาพที่ผู้คนต่างหันหลังให้ ญาติมิตรต่างตีจาก !

เสียรู้ที่หมิงเจ๋อไว้วางใจนักปราชญ์มาก จนเขาตั้งรูปเหมือนของนักปราชญ์ไว้คอยบูชาบนภูเขาจงหนานซาน

ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ที่แท้นักปราชญ์แค่หลอกใช้เขา !

ชนิดที่ถูกนักปราชญ์เอาตัวไปขาย ยังช่วยเขานับเงินอย่างมีความสุขอีกต่างหาก !

เจ้าชายแท้ๆ แห่งภูมิภาคตะวันตก ได้รับความเคารพนับถือจากคนนับพันนับหมื่น อยู่ใต้คนเพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือคนเป็นหมื่น คนอย่างนี้แต่กลับมาให้นักปราชญ์บีบเล่นอยู่ในอุ้งมือ

แถมยังไม่รู้สึกตัว ยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณเป็นอย่างยิ่งต่อนักปราชญ์

สำหรับหมิงเจ๋อแล้ว มันช่างอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง !

มันรู้สึกทรมานเป็นพันเท่ายิ่งกว่ามาฆ่าตัวหมิงเจ๋อให้ตายเสียอีก !

ทำไม !

ความเป็นจริงมันโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือ ?

หมิงเจ๋อโกรธแค้นจนเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวและใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด

มีคนมากมายบนโลกนี้ ทำไมต้องมาเป็นหมิงเจ๋อ !

"ฮึ !"

นักปราชญ์ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า "เจ้าสำนักอย่างข้าเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ ที่เลือกตัวเจ้า ถือเป็นเกียรติของเจ้าที่ได้รับใช้เจ้าสำนักอย่างข้าแล้ว"

“เจ้าไม่ควรโกรธเคืองขนาดนั้น”

ทั้งสองคนมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ทั้งเสียงที่คุยกันดังมากขึ้น

แม้แต่เซียวเฉวียนซึ่งอยู่ห่างออกไปห้าเมตร ด้วยประสาทการฟังที่เฉียบไว ก็ยังได้ยินสิ่งที่คนทั้งสองคุยกันอย่างรางๆ

คำพูดของนักปราชญ์ ทำให้ไตรทัศนะของเซียวเฉวียนพลิกใหม่ไปจริงๆ

คำพูดของเขา พอๆ กับจะว่า ข้าเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ ข้าจะฆ่าเจ้า เป็นเกียรติของเจ้าที่สามารถตายด้วยมือของข้า เจ้าควรมีความสุขที่จะได้ตกไปในนรกชั้นเก้า

จุ๊ จุ๊ จุ๊ !

หากมรรคสวรรค์เป็นอย่างที่เขาทำอยู่ ในโลกนี้คงไม่มีใครมีชีวิตอยู่รอดอีกต่อไป !

ผู้คนมักบอกว่าเซียวเฉวียนเป็นคนอวดดีจองหอง ไม่มีใครอยู่ในสายตา

แต่เซียวเฉวียนรู้สึกว่า คำเหล่านี้เอามาพรรณนาตัวนักปราชญ์จะเหมาะสมที่สุด

หรือว่าไม่ใช่ ในสายตาของนักปราชญ์ นอกจากท้องฟ้าที่ว่าใหญ่แล้ว รองลงมาก็คือตัวเขา

บรรดาราชวงศ์ทั้งหลายยังไม่อยู่ในสายตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านชาวช่องทั่วๆ ไป

เขาต่างหาก ที่ไม่มองคนอยู่ในสายตา อวดดีจองหองตัวจริง !

เขามีดีตรงไหน จะเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ ?

มาเจอเขา ถูกเขาหลอกใช้ ถือเป็นเวรเป็นกรรมที่ติดมากับชีวิตในชาติก่อนจริงๆ !

สีหน้าของหมิงเจ๋อหมองคล้ำเนื่องจากความโกรธต่อคำพูดของนักปราชญ์

ถึงเขาจะท่องอ่านหนังสือของนักบุญชาวปราชญ์มามากมาย ก็อดแหกปากด่าคำหยาบออกมาไม่ได้ในนาทีนี้ "ไอ้นักปราชญ์ทุเรศ ! ไอ้แก่หนังเหนียว ! ไอ้โคตรหลอกลวง !"

”ตัวแทนมรรคสวรรค์ทุเรศ ! หลอกลวง ! ไอ้จอมหลอกลวง !”

หมิงเจ๋อคงท่องอ่านหนังสือของสุภาพชนมามากเกินจริง เขารีดหมดมันสมองแล้ว ก็ได้คำด่ามาเพียงไม่กี่คำนี้

ถ้าเป็นเซียวเฉวียน เขาคงจะทักทายให้ครบทุกสิบแปดโคตรบรรพบุรุษของนักปราชญ์แล้ว ดุเขาได้เป็นเวลาชั่วโมงสองชั่วโมงโดยไม่ซ้ำคำ

แน่นอนสองชั่วโมงก็เกินจริงไปหน่อย แต่หากนักปราชญ์จะยอมสละเวลาฟัง เวลาธูปหนึ่งดอกได้สบายๆ อยู่แล้ว

ทีนี้มีอะไรดีๆให้ชมกันแล้ว

นั่งดูเสือกัดกัน เซียวเฉวียนยินดีเป็นที่สุด !

องครักษ์ซ่อนเร้นเข้าไปคลุกกับองครักษ์เงาของหมิงเจ๋ออย่างไว กำลังของสี่คนก็สามารถพันตัวเก้าคนได้ ไม่ให้ใครมีจังหวะไปยุ่งกับนักปราชญ์ได้ น่าดูชมจริงๆ

เซียวเฉวียนอดสงสัยไม่ได้ มีองครักษ์ซ่อนเร้นเก่งกาจเช่นนี้ เหตุใดนักปราชญ์จึงไม่เรียกพวกเขามาช่วยยามสู้รบกับเซียวเฉวียน ?

แค่ลองคิดดู เซียวเฉวียนก็เข้าใจว่านักปราชญ์มีความคิดยังไง

นักปราชญ์ไม่เรียกองครักษ์ซ่อนเร้นมาช่วยสังหารเซียวเฉวียน เพราะนักปราชญ์คิดว่าตัวเองมีปัญญาจัดการกับเซียวเฉวียนได้ ทั้งไม่อยากสำแดงไพ่ใบนี้ของเขาให้คนเห็น

ละครทีวีมักเล่นอย่างแนวนี้ คนโบราณชอบทำแบบนี้ ไม่ถึงวินาทีวิกฤติ พวกเขาจะไม่สำแดงไพ่เด็ดของตัวเอง

จะเก็บไว้รอขึ้นปีใหม่

ฮ่า ๆ ๆ

เห็นองครักษ์ซ่อนเร้นสี่คนของนักปราชญ์ร้ายกาจขนาดนี้ เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีที่นักปราชญ์คิดถูกแล้ว

หากนักปราชญ์เรียกสี่คนนี้ออกมาช่วยตอนที่เขาสู้รบกับเซียวเฉวียน เขาอาจต้องเปลืองพลังงานมากขึ้นเป็นโข

เห็นพวกเขาขณะสู้รบกับองครักษ์เงาของหมิงเจ๋อทั้งไว ทั้งแม่น ทั้งโหด เซียวเฉวียนก็คิดว่าคงจะดีไม่น้อย หากสี่คนนี้มาเป็นคนรับใช้ให้เซียวเฉวียนได้

เห็นสี่คนนี้แล้ว เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องพาเสวียนอวี๋มาอยู่ใกล้ตัว

เอาล่ะ จัดการซะเลย

บอกทำก็ทำ เซียวเฉวียนก็ส่งเสียงทางกระแสจิตถึงเซียนชิวน้อยทันที "เซียนชิวน้อย"

เมื่อได้ยินเสียงของเซียวเฉวียน เซียนชิวน้อยดีใจเป็นพิเศษ "พ่อ เซียนชิวน้อยอยู่นี่"

เซียวเฉวียนบอกว่า "เจ้าไปบอกเสวียนอวี๋ ให้เขามาหาพ่อที่เขาหมิงเซียนเดี๋ยวนี้เลย"

”ค่ะ พ่อ !”

เซียวชิวน้อยตอบรับอย่างร่าเริง

จากนั้นเธอก็ถามว่า "พ่อเจอปัญหาอะไรหรือ จะให้เซียนชิวน้อยไปช่วยไหม ? "

เมื่อเซียนชิวน้อยถามมา เซียวเฉวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า "ไม่ต้องก็ได้ เจ้าอยู่ที่จวนเซียว และดูแลจวนเซียวให้ดีก็พอ"

ทีแรกเซียวเฉวียนคิดว่าจะให้เซียนชิวน้อยออกมาเปิดหูเปิดตา แต่พอคิดอีกที เซียนชิวน้อยเป็นวิญญาณแห่งดาบ เย่าเหล่าเคยกล่าวว่า เธอเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง แล้วยังต้องมาเปิดหูเปิดตาอะไรกันอีกเล่า ?

ฉะนั้น ก็เลยเลิกคิด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย