ใช่ แยกพวกเขาออกไป
หลังจากนั้นพวกเขาอยู่ที่เจ็ดรัฐใหญ่ทางฝั่งหนึ่งพัฒนาการปลูกมันเทศ อีกฝั่งหนึ่งเข้าไปอยู่กลมกลืนกับประชาชนในท้องถิ่น
ระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์ใจคน
ทาสคุนหลุนมีความอดทนต่อความลำบาก และมีพละกำลังมาก นิสัยก็ดี พวกเขาอยู่กับประชาชนในท้องถิ่นมาเป็นเวลานานแล้ว แน่นอนว่าประชาชนในท้องถิ่นชอบความดีในตัวของพวกเขา และค่อยๆยอมรับพวกเขา
เมื่อเป็นแบบนี้ ทาสคุนหลุนกลมกลืนเข้ากับประชาชนได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายแค่เอื้อม
ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีลำดับชั้นสูงต่ำ
ทาสคุนหลุนหลายยุคหลายสมัยอาศัยอยู่ที่อันหยวน ควรจะออกไปได้แล้ว!
ได้ยินเซียวเฉวียนวางแผนให้พวกเขาอย่างเข้าใจชัดเจน ทาสคุนหลุนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
ถึงแม้ว่าในใจของพวกเขาจะยังรู้สึกกลัวต่ออนาคตข้างหน้า แต่พวกเขารู้สึกว่าเซียวเฉวียนวางแผนให้พวกเขาถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าเซียวเฉวียนจะต้องมีเหตุผล พวกเขาเชื่อเซียวเฉวียน
พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถเอาชนะความคิดในใจได้ ไม่ทำให้เซียวเฉวียนผิดหวัง
บรรดาทาสคุนหลุนตอบตกลง เซียวเฉวียนจะต้องนำเรื่องนี้ไปทูลรายงานต่อฮ่องเต้
ในเมื่อฮ่องเต้เป็นเจ้าผู้ครองประเทศนี้ ก็เหมือนกับต้องการยืมของจากคนอื่น ยังไงก็ต้องบอกกล่าวกับคนที่เป็นเจ้าของสิ่งของนั้นก่อนจริงไหม?
เรื่องนี้ยิ่งดำเนินการเร็วเท่าไรยิ่งดี
ดังนั้น หลังจากที่เซียวเฉวียนและบรรดาทาสคุนหลุนพูดคุยกันแล้ว ก็กลับเขาไปที่ห้องพักของเขา ทูลรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้
เซียวเฉวียนไม่สามารถส่งหนังสือรายงานต่อฮ่องเต้ได้ และก็ไม่สามารถใช้วิชาส่งเสียงไกล
ต้องการได้รับคำตอบที่รวดเร็ว มีเพียงวิธีเดียวคือเซียวเฉวียนให้เสี่ยวเซียนชิวเป็นคนส่งสารแทน
ดังนั้น เสี่ยวเซียนชิวเข้าไปในวังอีกครั้ง
ทันใดนั้นเสี่ยวเซียนชิวปรากฏตัวขึ้น ฮ่องเต้ก็พอจะคาดเดาได้ ว่าจะต้องมีข้อความรายงานจากเซียวเฉวียนส่งมา
“ข้าน้อยคารวะฝ่าบาท”
เสี่ยวเซียนชิวถวายความเคารพต่อฮ่องเต้
ทำความเคารพอย่างจริงจัง
อย่างนี้ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ครั้งก่อนที่มา เสี่ยวเซียนชิวยังถวายความเคารพได้ไม่ดีเท่าครั้งนี้
หรือว่าเด็กน้อยคนนี้หลังจากกลับไปแล้ว ไปตั้งใจเรียนรู้ธรรมเนียมการถวายความเคารพในวัง?
ต้องการให้ดาบวิญญาณถวายความเคารพอย่างนี้ ฮ่องเต้ที่นิ่งสงบมาโดยตลอด ไม่สามารถนิ่งสงบได้อีกต่อไปแล้ว พระองค์มีสีหน้าตื่นเต้นมองไปที่เสี่ยวเซียนชิวพูดว่า “ทำตัวตามสบาย,ทำตัวตามสบาย!”
เสี่ยวเซียนชิวก็ไม่เกรงใจ ในเมื่อฮ่องเต้บอกให้ทำตัวตามสบาย ถ้าอย่างนั้นนางก็จะไม่เกรงใจแล้ว ไม่รอให้ฮ่องเต้บอกในนางนั่ง นางก็นั่งลงแล้ว เสียงใสพูดว่า “ฝ่าบาท ท่านพ่อมีเรื่องต้องการจะปรึกษากับพระองค์”
“อ่อ?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ดวงตาเป็นประกายพูดว่า “เรื่องอะไร?”
เสี่ยวเซียนชิวพูด “ตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่อันหยวน เขาบอกว่าอยากจะปลดปล่อยทาสคุนหลุนให้หมดไป ให้พวกเขาแยกย้ายไปยังเจ็ดรัฐใหญ่ ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตกับประชาชนทั่วไป ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงคิดเห็นอย่างไร?”
ข่าวชัยชนะของกองทัพต้าเว่ยที่เพิ่งจะได้รับรายงานกลับมา เซียวเฉวียนไม่ได้อยู่ที่ซินเจียงแล้ว ไปที่อันหยวนแล้ว?
ไม่มีสาเหตุอะไร เซียวเฉวียนไปที่อันหยวนทำไม?
จากที่ฮ่องเต้รับรู้มา คดีของภูเขาจงหนานยังจับคนร้ายไม่ได้ เสียงของประชาชนยังประณามเซียวเฉวียนอย่างมากมาย ตามหลักแล้ว เซียวเฉวียนควรจะอยู่ที่นั่นถึงจะถูก
เสี่ยวเซียนชิวเห็นฮ่องเต้ทรงรู้สึกทรงสงสัย นางจึงอธิบายว่า “ฝ่าบาท ท่านพ่อสงสัยว่านักปราชญ์ไปอยู่ที่อันหยวน”
นักปราชญ์?
ถ้าอย่างนั้น เซียวเฉวียนได้ไปที่ภูเขาจงหนานมาแล้วใช่ไหม?
ฮ่องเต้รู้สึกสงสัยมองเสี่ยวเซียนชิว เสี่ยวเซียนชิวกระพริบตา เป็นการแสดงออกว่าไม่รู้
คำถามนี้เสี่ยวเซียนชิวไม่สามารถไขข้อสงสัยให้กับฮ่องเต้ได้ เพราะว่าเสี่ยวเซียนชิวไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนเดินทางไปที่ไหนบ้าง
ฮ่องเต้ทรงกำลังครุ่นคิด ถ้าเซียวเฉวียนไปที่ภูเขาจงหนาน ความโกรธของประชาชนที่นั่นก็สงบนิ่งลงแล้ว
เก่งมากจริงๆ!
และเซียวเฉวียนก็มุ่งหน้าไปตามหานักปราชญ์ที่อันหยวน และก็ยื่นข้อเสนอให้ทาสคุนหลุนแยกย้ายกระจายออกไปอยู่ที่เจ็ดรัฐใหญ่ หมายความว่านักปราชญ์ไปที่อันหยวนมาก่อน และยังฆ่าทาสคุนหลุน
แต่ว่า ฮ่องเต้ก็รู้ว่าที่เซียวเฉวียนตัดสินใจแบบนี้ ก็เพราะคิดและตั้งใจจะพัฒนาต้าเว่ย
ถ้าตัดเรื่องฐานะออกไปแล้ว ความสามารถของทาสคุนหลุนก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก
สำหรับต้าเว่ยแล้ว เป็นกลุ่มคนที่เก่งและเป็นกำลังแรงงานที่หาได้ยาก
ดังนั้น ถึงแม้จะยากลำบากแค่ไหน ฮ่องเต้ก็จะพยายามต่อสู้ต่อขุนนางในราชสำนัก ยืนหยัดเห็นด้วยกับเซียวเฉวียน
ต้าเว่ยต้องพัฒนา ฮ่องเต้จะต้องสนับสนุนเซียวเฉวียน และทำตามเซียวเฉวียน ถูกต้องที่สุดแล้ว!
เช้าวันต่อมาในท้องพระโรง ต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งหลาย ฮ่องเต้ทรงตรัสเรื่องนี้
เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้ เมื่อพูดจบ บรรดาเหล่าขุนนางต่างโห่ร้อง คนส่วนมากต่างคัดค้าน
ขุนนางบางคนโห่ร้องและพูดว่า “ฝ่าบาท!เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้เด็ดขาด!”
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นรู้สึกกลุ้มใจปวดหัวอย่างมาก
สายตาของพระองค์มองไปที่ขุนนางใหญ่คนหนึ่ง และพูดว่า “ท่านพูดมาสิ ทำไมถึงทำไม่ได้?”
ดูสิ แค่เจ้าสามารถพูดโน้มน้าวข้าได้ ก็จะถือว่าเจ้ามีความสามารถพอ
ขุนนางใหญ่คนนั้นพูดเสียงดังชัดเจน “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่า ถ้าทาสคุนหลุนไม่มาเป็นผู้อารักขา ก็ไม่ควรจะออกไปจากอันหยวน”
ทาสคุนหลุนชาติกำเนิดต่ำต้อย และป่าเถื่อน ถ้าปล่อยให้พวกเขาออกมาจากอันหยวน ก็จะสร้างความวุ่นวายให้กับประชาชน
เพื่อไม่ให้ทาสคุนหลุนไปออกมาจากอันหยวน แม้แต่คำว่าป่าเถื่อนก็เอามาใช้เป็นข้าอ้างแล้ว
ที่จริงแล้ว พวกเขานั้นดูถูกทาสคุนหลุน รู้สึกว่าถ้าใช้ชีวิตร่วมอยู่กับทาสคุนหลุน จะเป็นการลดฐานะของพวกเขาให้ต่ำลง
หรือถึงแม้ว่าให้ทาสคุนหลุนกระจายออกไปอยู่ตามเจ็ดรัฐใหญ่ พวกเขาก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ดี
ในสายตาของพวกเขา อันหยวนเป็นที่ที่ทางคุนหลุนควรจะอยู่ที่นั่น
นอกจากนั้นแล้ว พวกเขาไปที่ไหน เหล่าขุนนางก็จะต่อต้านคัดค้าน
และทาสคุนหลุนมีร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง การต่อสู้ก็เก่งกาจ เมื่อปลดปล่อยทาสคุนหลุนไปแล้ว ให้พวกเขาได้มีโอกาสพลิกฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง มันจะเป็นผลไม่ดีต่อต้าเว่ย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...