เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะลงหลักปักฐานกันที่นี่ มันก็ประจวบเหมาะกับความต้องการของนักปราชญ์พอดี
เนื่องจากรอบๆ ของที่แห่งนี้ไม่มีหมู่บ้านหรือร้านค้าตั้งอยู่เลย ปกติจึงไม่มีใครเดินทางผ่านไปผ่านมา
ทาสคุนหลุนคุ้นเคยกับการถูกรังแก ประกอบกับไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะตายก็ไม่มีใครรับรู้
การที่พวกเขาเลือกที่แห่งนี้เป็นสถานที่เริ่มต้นใหม่ของพวกเขา มันคือการช่วยเหลือข้าอย่างแท้จริง!
นักปราชญ์นึกถึงภาพที่ตนเองมีผู้ฝึกฝนให้เลือก เขาก็อดที่จะมีความสุขไม่ได้ ดวงตาของเขาลึกลงไป แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน
มันดูน่าขนลุกผิดปกติ
เขาแอบวางแผนในใจ เขาจะลงมือทันทีเมื่อฟ้ามืด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า!
มันคือของขวัญล้ำค่าที่ได้มาอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด!
ต่อให้เซียวเฉวียนอยู่ในความฝันก็คงคิดไม่ถึง แม้ว่าเขาจะหาวิธีต่างๆ มากมายเพื่อให้ทาสคุนหลุนออกไปจากอันหยวน แต่สุดท้ายก็ยังมาเผชิญหน้ากับนักปราชญ์อยู่ดี?
แต่ดูจากจำนวนของทาสคุนหลุนที่เห็นอยู่ตรงหน้า จำนวนของทาสคุนหลุนมีเพียงแค่ 1 ใน 7 ส่วนของทาสคุนหลุนที่อยู่ในอันหยวน
คิดว่าเซียวเฉวียนจะน่าแบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้เดินทางแยกกันไปในแต่ละพื้นที่
แบบนั้นก็ดี ยิ่งน้อยก็ยิ่งเหมาะกับความต้องการของนักปราชญ์ รอให้เขาสังหารทาสคุนหลุนที่อยู่ที่นี่จนหมด จากนั้นค่อยเดินทางออกตามหาอีกสถานที่หนึ่ง สุดท้ายเมื่อเขาสังหารทาสคุนหลุนจนหมดสิ้น ถึงเวลานั้นเกรงว่าวรยุทธ์ของเขาคงจะไม่มีใครเทียบเทียมได้
นักปราชญ์ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ไป๋ฉี่ได้รับคำสั่งจากเซียวเฉวียนให้คอยดูแลทาสคุนหลุนที่เดินทางไปยังแต่ละรัฐ
และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ไป๋ฉี่เป็นคนติดตามและคอยดูแลทาสคุนหลุนกลุ่มนี้จากทางด้านหลังอยู่ในระยะไกลพอดี
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้ไป๋ฉี่กำลังแอบปกป้องทาสคุนหลุนอยู่ แต่นักปราชญ์นั้นไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของไป๋ฉี่เลยแม้แต่น้อย
แน่นอน ไป๋ฉี่เองก็สัมผัสไม่ได้ถึงการมีอยู่ของนักปราชญ์
ด้วยเหตุนี้ จากทั้งสอง คนหนึ่งคอยจับตาดูเหล่าทาสคุนหลุนกลุ่มนี้อย่างกระตือรือร้น อีกคนคอยจับตาดูเพื่อที่จะปกป้องทาสคุนหลุน
พระเจ้ารู้ดี เมื่อฟ้ามืด หากนักปราชญ์ลงมือ ไป๋ฉี่ก็จะรับรู้ถึงตัวตนของนักปราชญ์ในทันที
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ ทาสคุนหลุนยุ่งอยู่กับการสร้างรากฐานใหม่ของพวกเขา ภายใต้การร่วมแรงร่วมใจ ในที่สุดพวกเขาก็สามารถสร้างกระท่อมขึ้นมาได้สำเร็จ
มันเป็นการสร้างที่เรียบง่ายและดูไม่งดงามสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยในที่สุดพวกเขาก็มีที่อยู่
วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนแล้วกัน รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ค่อยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกระท่อม และทำให้มันน่าอยู่กับนี้อีกสักหน่อย
ในขณะที่ยังมีแสงอยู่บ้าง ทาสคุนหลุนรีบนำอาหารแห้งออกมาเพื่อทำอาหารเย็นสำหรับวันนี้
เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท ทาสคุนหลุนที่เหนื่อยล้ากับการทำงานหนักมาทั้งวันก็หลับไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า
นักปราชญ์เงี่ยหูฟัง หลังจากไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของพวกเขา สุดท้ายเขาก็ยืนขึ้นเพื่อเริ่มแผนการตามที่ตนเองได้วางไว้
ในตอนนี้ ไป๋ฉี่ที่แอบอยู่ในความมืดเห็นเงาสีดำที่กำลังเคลื่อนไหว ลางสังหรณ์อันเลวร้ายก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
แม้ว่าจะเป็นกลางคืน แต่มันก็เป็นค่ำคืนที่ท้องฟ้านั้นสว่างชัดเจน
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ผมสีเงินของนักปราชญ์นั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ
ไป๋ฉี่รู้ทันทีว่าร่างเงาสีดำดังกล่าวคือนักปราชญ์!
ตาเฒ่าคนนี้ตามหลอกหลอนไม่สิ้นสุด จับจ้องทาสคุนหลุนอยู่จริงๆ!
ไป๋ฉี่กำหมัดโดยไม่รู้ตัว ตะโกนออกมาว่า “นักปราชญ์ เจ้ากล้าดียังไงถึงทำเช่นนี้!”
ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดก็คือแจ้งให้อีกฝ่ายได้รู้ว่ามีคนรับรู้แผนชั่วของเขาแล้ว แบบนี้จะสามารถช่วงถ่วงเวลาในการฆ่าของอีกฝ่ายได้
ขณะเดียวกันมันก็เป็นการแจ้งเตือนให้ผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายได้รู้ตัว ทำให้พวกเขาปกป้องชีวิตของตนเองได้มากขึ้น
หลังจากนั้นไป๋ฉี่ก็พุ่งออกไป หยุดอยู่ตรงหน้าของนักปราชญ์
เมื่อเสียงตะโกนของไป๋ฉี่ดังขึ้น ทำให้ทาสคุนหลุนที่กำลังหลับฝันอยู่ในกระท่อมของตัวเองตกใจตื่นขึ้นมาทันที และนักปราชญ์เองก็ตกใจ ถอยห่างออกมาจากกระท่อมพวกนั้น
สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือ การปรากฏตัวของพวกเซียวเฉวียน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่เขาถอยออกมาจากกระท่อม คนที่เข้ามาขวางทางของเขาก็คือไป๋ฉี่
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากับภายใต้แสงจันทร์
ดวงตาของนักปราชญ์เต็มไปด้วยความโหดร้าย ตำหนิไป๋ฉี่ที่มาทำให้เขาต้องเสียเรื่อง
เมื่อเห็นว่าคนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของตัวเองคือไป๋ฉี่เพียงคนเดียว นักปราชญ์ก็พูดออกมาด้วยความโกรธ “ไป๋ฉี่! แค่เจ้าเพียงคนเดียว คิดหรือว่าจะหยุดข้าได้? ไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย!”
ดวงตาของไป๋ฉี่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขาไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด
รู้จักประมาณตนหรือไม่ ลองสู้กันดูก็รู้เองไม่ใช่หรือ?
เมื่อได้ยินว่าจะต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์ พวกเจี้ยนจงก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเสวียนอวี๋
ครั้งที่แล้วเสวียนอวี๋ถูกนักปราชญ์ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ครั้งนี้มีชิงหลง เสวียนอวี๋เข้าร่วมด้วย ร่วมถึงไป๋ฉี่เองก็อยู่
เสวียนอวี๋ไม่เชื่อว่า หากพวกเขาห้าคนรวมพลังกันแล้ว นักปราชญ์จะยังมีโอกาสหนีรอดไปได้!
ความแค้นนี้ ในที่สุดก็มีโอกาสได้ชำระมันเสียที!
ทั้งสี่คนออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
ที่จริงไป๋ฉี่อย่างจะสู้กับนักปราชญ์เป็นอย่างมาก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน เขาก็ต้องระงับความปรารถนาของเขาไว้
แม้ว่าไป๋ฉี่จะมีฐานะเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งรัฐมู่อวิ๋น แต่สำหรับไป๋ฉี่แล้ว ความสำคัญของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
คำพูดของเซียวเฉวียน เขาไม่กล้าละเลย
ดังนั้นเมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากเซียวเฉวียน เขาจึงไม่กล้าเริ่มทำการต่อสู้กับนักปราชญ์
นักปราชญ์รู้ว่าไป๋ฉี่ได้ติดต่อกับเซียวเฉวียนทางเทพเจ้าสื่อสาร เพื่อป้องกันไม่ให้ไป๋ฉี่ได้ติดต่อกับเซียวเฉวียน นักปราชญ์จึงเริ่มทำการโจมตีใส่ไป๋ฉี่อย่างรวดเร็ว
แต่ไป๋ฉี่ก็ไม่ได้ติดกับดักของนักปราชญ์ เขาพยายามหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่
ทำให้ไป๋ฉี่มีเวลาในการใช้เทพเจ้าสื่อสารติดต่อกับเซียวเฉวียน
แม้ว่าวรยุทธ์ของไป๋ฉี่จะเทียบกับนักปราชญ์ไม่ได้ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองและความคล่องตัวของไป๋ฉี่นั้นก็ไม่ธรรมดา
หลังจากโจมตีไปหลายกระบวนท่า นักปราชญ์ก็ไม่อาจทำอะไรไป๋ฉี่ได้เลยแม้แต่น้อย
ตอนแรกนักปราชญ์อยากจะสังหารและดูดซับวิญญาณของไป๋ฉี่มาเป็นของตัวเอง ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะละทิ้งความคิดที่จะสังหารไป๋ฉี่ไป
พูดตามเหตุผล ไป๋ฉี่สามารถหลบหลีกการโจมตีของนักปราชญ์ได้อย่างง่ายดาย สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
แต่ไป๋ฉี่กลับไม่มีวี่แววว่าจะหนี แถมยังพยายามพัวพันอยู่กับนักปราชญ์ หมายความว่าไป๋ฉี่ได้ติดต่อกับเซียวเฉวียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเขากำลังพยายามจะถ่วงเวลารอให้พวกของเซียวเฉวียนเดินทางมาที่นี่
เมื่อคิดว่าพวกของเซียวเฉวียนกำลังจะมาที่นี่ นักปราชญ์ก็ไม่คิดที่จะสู้อีกต่อไป
เมื่อเห็นว่านักปราชญ์คิดจะหนี ไป๋ฉี่จึงจำเป็นต้องชักดาบจิงหุนออกมา ปลดปล่อยจิตสังหารเพื่อขวางทางนักปราชญ์เอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...