ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1803

สายตาที่เลื่อมใสมองมาที่เซียวเฉวียนด้วยความเปล่งประกาย

องค์ชายแห่งคุนหลุนผู้สง่างาม ในที่สุดก็ไม่อาจปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเอาไว้ได้ เอ่ยปากออกมาว่า “ใต้เท้าเซียว ท่านโน้มน้าวใจพวกเขาด้วยวิธีใด?”

ช่างอยากรู้รายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหลือเกิน

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า ที่ดินนั้นมีค่าเท่ากับครึ่งชีวิตของเจ้าของที่ดิน

เซียวเฉวียนสามารถทำให้พวกเขายอมส่งมอบที่ดินให้แต่โดยดีโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ นี่มันไม่สอดคล้องต่อสามัญสำนึก!

นอกจากนั้น ชิงหลงยังได้ยินขุนนางในร้านพวกนั้นพูดกับผู้จัดการร้านสวี เพราะในตอนนั้นชิงหลงและเซียวเฉวียนกำลังแอบฟังผู้จัดการร้านสวีพูดคุยกับแขกในร้านอยู่บนหลังคาด้านบน

จากคำพูดของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่พวกเขามีต่อเซียวเฉวียน และความไม่พอใจพวกนั้นก็ไม่ใช่เพียงเล็กน้อย มันอาจกล่าวว่าเป็นการเกลียดชังได้เลย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เซียวเฉวียนสามารถใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำทำให้ทัศนคติของพวกเขาเปลี่ยนไป มันเป็นสิ่งที่ควรค่าที่ชิงหลงจะเรียนรู้

แม้ว่าอาจจะไม่สามารถเรียนรู้ได้สำเร็จ แต่อย่างน้อยได้ฟังรายละเอียดก็ยังดี

เซียวเฉวียนยิ้มออกมาเล็กน้อย “ตราบใดที่เข้าใจจิตวิทยาและความรู้สึกของพวกเขา ทุกอย่างก็สามารถทำให้เป็นจริงได้”

ที่ดินมีความสำคัญกับขุนนางเหล่านั้นแน่นอน

แต่สำหรับคนในยุคสมัยนี้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือใบหน้าและชื่อเสียง

พวกเขามักจะเห็นสิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าชีวิตของพวกเขา

แม้แต่คนที่ทำเรื่องชั่วร้ายก็ยังให้ความสำคัญต่อใบหน้าและเชื่อเสียง

เว่ยเชียนชิวถือเป็นตัวอย่างที่ดี

เขาทำสิ่งที่ไร้ยางอายไปมากมาย แต่เขาไม่เคยทิ้งจุดอ่อนหรือร่องรอยอะไรไว้เลย ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องใบหน้าและชื่อเสียง เพื่อไม่ให้ถูกผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์

หากมีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เว่ยเชียนชิวในที่สาธารณะแม้แต่เพียงครึ่งคำ เมื่อเว่ยเชียนชิวและคนของเขารู้ตัว พวกเขาก็จะปลิดชีวิตของอีกฝ่ายทันที

ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงและหน้าตาของตัวเอง

สรุปก็คือ ไม่ว่าข้าเว่ยเชียนชิวจะทำเรื่องราวที่เลวร้ายและผิดพลาดไปสักกี่ครั้ง ข้าก็ไม่ยอมให้ผู้ใดกล่าวถึงมันแม้แต่ครึ่งคำ

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังต้องการให้ผู้คนปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพทุกครั้งที่ได้พบเห็นเขาด้วย

ขุนนางเองก็เช่นกัน

พูดตามตรง คนสมัยก่อนให้ความสำคัญกับชื่อเสียงจอมปลอมมากที่สุด

เซียวเฉวียนจึงเติมเต็มความปรารถนาให้พวกเขา และมอบโอกาสที่จะทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำตลอดไป

มีชื่อเสียงคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ จะมีสักกี่คนที่ไม่ปรารถนาถึงมัน?

และวันนี้มันก็วางอยู่ตรงหน้าของขุนนางเหล่านี้แล้ว หากขุนนางพวกนี้ไม่หวั่นไหวถึงจะแปลก!

การมอบในสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการเอาชนะที่ดีที่สุด

มันก็แค่มอบชื่อเสียงอันจอมปลอมให้กับพวกเขา ไม่ต้องใช้เงินหรือใช้แรงแต่อย่างใด จากนั้นก็แค่ใช้เงินในการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกลับที่ดินจำนวนมาก แบบนี้ไม่เรียกคุ้มค่าแล้วจะเรียกว่าอะไร!

ได้ยินเช่นนั้น พวกของชิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะมองเซียวเฉวียนอีกครั้งด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

ในใจคิด เป็นมนุษย์เหมือนกัน เหตุใดเซียวเฉวียนถึงได้โดดเด่นและเฉียบแหลมถึงเพียงนี้?

ทำไมเรื่องราวต่างๆ ถึงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายเมื่ออยู่ในมือของเขา?

มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง

เซียวเฉวียนได้ยินเสียงหัวใจของคนเหล่านี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะข้าเซียวเฉวียนมีสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ของตัวเองอยู่ไงล่ะ!

หูโจว หมู่บ้านจาง

นักปราชญ์และเสวียนจิ้งยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวนั้น

พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน กลางวันไม่ออกไปไหน มากที่สุดก็แค่เดินอยู่ตรงสวนรอบบ้านเท่านั้น

ในช่วงเวลาที่เหลือจากนั้น ส่วนใหญ่ทั้งสองคนก็เอาแต่ซ่อนตัวฝึกซ้อมอยู่ในห้องฝึกฝน

สถานการณ์ปัจจุบันตึงเครียด มีความเป็นไปได้ว่าเซียวเฉวียนจะตามตัวพวกเขาเจอตลอดเวลา สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการพักผ่อนให้เต็มที่ ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง

แม้แต่เสวียนจิ้งเองก็ฝึกซ้อมหนักกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ได้เห็นเซียวเฉวียน มันก็ทำให้เขาได้เข้าใจในทันที หากต้องการแก้แค้นเซียวเฉวียน สิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้

ทาสคุนหลุนเดินทางเข้ามาในเขตของหูโจว พวกเขาเดินทางไปอย่างไม่มีสิ่งกีดขวาง

แม้ว่าจะมีชาวบ้านนินทาพวกเขาตลอดทาง แต่ชาวบ้านพวกนั้นก็เว้นระยะห่างออกไปพอสมควร ไม่ได้เข้าใกล้หรือทำอะไรที่มันมากเกินไปกับทาสคุนหลุน

แม้ว่าทาสคุนหลุนจะอยู่ในสถานที่ซึ่งมีคนพลุกพล่าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ล่าช้าลงเลย พวกเขาเพิ่มความเร็วและรีบเดินทางออกมาจากฝูงชนเหล่านั้น

ดังนั้นต่อให้ชาวบ้านอยากจะสร้างความลำบากใจให้กับทาสคุนหลุน พวกเขาก็ไม่มีเวลาและโอกาสที่จะทำอย่างนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เหล่าทาสคุนหลุนเดินทางมาถึงสถานที่มีประชากรเบาบาง พื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ พวกเขาจึงหยุดเดินทางและนั่งลงเพื่อพักผ่อน

พวกเขาเดินทางติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อเดินทางผ่านสถานที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น พวกเขามักจะเพิ่มความเร็วเพื่อให้เดินทางออกมาจากสถานที่เหล่านั้นให้เร็วที่สุด

เดินทางมาถึงตรงนี้ บอกตามตรงเลยว่า พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

ผู้นำของทาสคุนหลุนกลุ่มนี้มีอายุค่อนข้างมาก เขามีชื่อว่า มานจงเฮ่อ

เขามองไปรอบๆ พบว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างราบเรียบ ไกลออกไปมีภูเขาหลายลูกทับซ้อนกันอยู่ กลายเป็นเกราะป้องกันทางธรรมชาติ ปกป้องที่นี่ไว้เป็นศูนย์กลาง

ด้านหน้าไม่มีหมู่บ้านหรือร้านค้าอะไรตั้งอยู่ ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับผู้คนภายนอก ซึ่งหลีกเลี่ยงปัญหาได้ไม่น้อย

มานจงเฮ่อรู้สึกว่าที่นี่นั้นไม่เลวเลยทีเดียว

ดังนั้นเขาจึงเสนอต่อทุกคนออกไปว่า “พวกเรามาตั้งรากฐานที่นี่กันดีหรือไม่?”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ สุดท้ายก็พยักหน้าและแสดงออกว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของมานจงเฮ่อ

นี่แห่งนี้ไม่เลวเลยจริงๆ เหมาะกับพวกเขาเป็นอย่างมาก

เนื่องจากตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งรากฐานที่นี่ หลังจากทาสคุนหลุนพักผ่อนไปสักระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ใช้โอกาสตอนที่ยังมีแสงอาทิตย์ในการไปหาไม้เพื่อสร้างกระท่อมชั่วคราวในการพักอาศัย

แม้ว่าจะเหนื่อย แต่เมื่อคิดว่าตนเองจะได้บ้านใหม่ และมีชีวิตใหม่ กำลังใจของทุกคนก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

แม้แต่เด็กๆ ก็ให้ความช่วยเหลือเหล่าผู้ใหญ่ด้วยรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าของพวกเขา

นี่คือฉากที่เต็มไปด้วยความรัก

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ มีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ในความมืด จ้องมองพวกเขาอย่างกระตือรือร้น 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย