ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1809

ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฉวียนก็มองไปที่เจ้าบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม พลางเอ่ยถาม “เช่นนั้นข้าขอถามท่านเสียหน่อย คนสองคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ มีคนอายุน้อยคนหนึ่ง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนแก่ มีผมและหนวดเคราสีขาวใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนอธิบายลักษณะภายนอกของนักปราชญ์ได้ เจ้าบ้านจึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อ เขาพึมพำเบาๆ “แต่พวกเขาดูไม่เหมือนมือสังหารเลยสักนิด”

ดั่งคำพูดที่ว่า คนเราไม่ควรตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก

เจ้าบ้านคิดไม่ถึงว่า นักปราชญ์และเสวียนจิ้งจะเป็นมือสังหาร

ทว่าทั้งสองคนกลับไม่ได้ลงมือกับครอบครัวของเขา สวรรค์ช่างคุ้มครองเสียจริง!

เจ้าบ้านชี้ไปยังห้องที่นักปราชญ์และเสวียนจิ้งอาศัยอยู่ พร้อมกับส่งสัญญาณบอกเซียวเฉวียนกับคนอื่นๆว่า นักปราชญ์และเสวียนจิ้งอาศัยอยู่ข้างในนั้นเงียบๆ

ได้ยินเช่นนั้น เสวียนอวี๋ก็ปรี่เข้าไปถีบประตูทันที

ทว่า ภายในห้องกลับว่างเปล่า มีเพียงหน้าต่างที่เปิดอยู่

เห็นได้ชัดว่า นักปราชญ์กับเสวียนจิ้งรู้ตัว จึงกระโดดออกนอกหน้าต่างหลบหนีไปแล้ว

บัดซบ!

คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้หนีไปได้อีกแล้ว!

จังหวะนั้นเอง เสวียนอวี๋พลันได้ยินเสียงต่อสู้กันดังขึ้นจากทางด้านหลังหน้าต่าง

เขาโผล่หน้าออกไปดู เห็นเจี้ยนจงกำลังต่อสู้อยู่กับนักปราชญ์

ทว่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสวียนจิ้ง

ความจริงแล้ว ขณะที่นักปราชญ์กับเสวียนจิ้งกำลังหลบหนี พวกเขาก็โดนเจี้ยนจงจับได้เสียก่อน

เดิมทีเจี้ยนจงอยู่ด้านหน้ากับพวกเซียวเฉวียน เผชิญหน้าอยู่กับเจ้าบ้าน

แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเจ้าบ้าน ก็ยิ่งน่าสงสัย แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เจ้าบ้านจงใจถ่วงเวลาให้กับนักปราชญ์และเสวียนจิ้ง

เพื่อให้พวกเขามีโอกาสหลบหนี

ประตูห้องปิดสนิท หากนักปราชญ์กับศิษย์ผู้ติดตามคิดจะหลบหนี ก็มีเพียงสองทางเท่านั้นที่เป็นไปได้

หนึ่งคือหนีออกทางหลังคาบ้าน

และสอง ข้างในห้องมีหน้าต่าง จึงหลบหนีออกทางหน้าต่างได้

ดั่งคำพูดที่ว่า ยืนให้สูงแล้วมองให้ไกล

เจี้ยนจงค่อยๆรวบรวมลมปราน ใช้จังหวะที่เจ้าบ้านไม่สนใจ บินขึ้นไปบนหลังคาเงียบๆ

ทันทีที่เขาบินขึ้นไป ก็เห็นนักปราชญ์และเสวียนจิ้งกำลังหลบหนีอย่างสุดชีวิต

เจี้ยนจงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป จึงบินตามไปเงียบๆ จากนั้นขวางทางพวกเขาเอาไว้

นักปราชญ์กับศิษย์ติดตามต่างตื่นตกใจ

นักปราชญ์กระซิบบางอย่างกับเสวียนจิ้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ เขาบอกให้เสวียนจิ้งรีบหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาส

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เสวียนจิ้งรู้สึกตื้นตันใจ

ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์ยังคงสนใจข้าอยู่

คำสั่งของอาจารย์ไม่อาจละเลยได้ ดังนั้นเสวียนจิ้งจึงใช้โอกาสที่นักปราชญ์และเจี้ยนจงกำลังต่อสู้กัน หลบหนีไปอย่างสุดชีวิต

การต่อสู้ระดับปรมาจารย์ เพลงยุทธที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันผ่านไปสองยกแล้ว

นักปราชญ์ค้นพบว่า เพลงยุทธของตนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจี้ยนจงเลยสักนิด ทำให้เขาเกิดลำพองใจ

แต่เขารู้ดีว่าเซียวเฉวียนและคนอื่นๆยังอยู่ด้านหน้า จึงไม่อาจต่อกรกับเจี้ยนจงอยู่ตรงนี้ได้นานมากนัก

เขาต้องรีบหาทางหนี

ไม่เช่นนั้น หากเซียวเฉวียนและคนอื่นๆตามมาก็ยากที่จะหนีรอดไปได้

แม้เขาจะมีวิชาในการหลบหนี แต่ก็เคยใช้มันต่อหน้าเซียวเฉวียนและคนอื่นๆมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงทำให้พวกนั้นระแวดระวังมากขึ้น

การที่จะใช้กลอุบายเช่นเดิมอีกครั้ง เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนักปราชญ์จึงเริ่มจัดรูปแบบค่ายกลกระบี่

พยายามสกัดเจี้ยนจงไว้ในค่ายกลกระบี่ของตนชั่วคราว

เจี้ยนจงเคยเรียนรู้ค่ายกลกระบี่นี้ของนักปราชญ์ ย่อมไม่เปิดโอกาสนี้แก่เขา เจี้ยนจงเร่งความเร็วในการโจมตี เพื่อไม่ให้นักปราชญ์มีโอกาสได้ตั้งรับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย