ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1844

หลังจากที่ชิงหลงได้จากไปแล้ว เจี้ยนจงก็ได้พูดขึ้นว่า “เหล่าเซียว เรียกว่าศาลองค์ชายแห่งคุนหลุน แบบนี้ เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมแล้วงั้นหรือ?”

สิ่งที่เขาจะหมายถึงก็คือ อย่างน้อยก็ควรจะเคารพคนอื่นบ้าง

เซียวเฉวียนมองเจี้ยนจงด้วยแววตาที่มีความหมาแฝงและพูดว่า “งั้นก็เรียกท่านว่า ท่านผู้เฒ่างั้นหรอ?”

ท่านเป็นบรรพชนของเรา!

ถึงแม้ว่าจะอยากเรียกแบบนั้น ชิงหลงก็กลัวว่าจะแย่งงานกันงั้นหรือ?

ชิงหลงก็ช่างไร้เดียงสาซะจริง แน่นอนว่าเขาไม่ได้เห็นบรรพชนของตนอยู่ที่นั่น เขาก็จะอยู่ที่เกาะนกกระสาได้อย่างสบาย

เมื่อได้ยินเซียวเฉวียนพูดแบบนี้แล้ว เจี้ยนจงก็มีสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ที่พูดมามันก็มีเหตุผลเหมือนกัน”

ต่อจากนั้น เจี้ยนจงก็มองเซียวเฉวียนด้วยความสงสัยและพูดขึ้นว่า “เดิมทีตัวเขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว ชิงหลงคนนี้ ยังไงเขาก็เป็นองค์ชายแห่งคุนหลุน มีฐานะสูงศักดิ์ ทำไมเขาถึงได้ยอมปล่อยให้เจ้าส่งตัวไปทำงานที่อื่นได้?”

และมองไปที่องค์ชายแห่งซินเจียงหมิงเจ๋ออีกครั้ง ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ชิงหลงเป็นฟ้า หมิงเจ๋อเป็นเหว

ชิงหลงภูมิใจที่ได้รับใช้เซียวเฉวียน แต่กลับกันจุดมุ่งหมายของหมิงเจ๋อนั่นก็คือ ฆ่าเซียวเฉวียน

ในแง่ของความเก่งกาจ ชิงหลงนั้นยอดเยี่ยมกว่าหมิงเจ๋อมากเลยทีเดียว หมิงเจ๋อก็ไม่มีสามัญสำนึกเหมือนชิงหลง จะว่าไปแล้ว การเลี้ยงดูของหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

พูดมาขนาดนี้ สุดท้ายก็กลับมาที่เรื่องของตัวเอง อวดเรื่องความดีความชอบของตัวเองอยู่อย่างนั้นหรอ?

เซียวเฉวียนมองเจี้ยนจงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะมีความหมายแฝง “แล้วท่านผู้เฒ่าล่ะ?”

จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

กลายมาเป็นโอ้อวดกันเองแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจี้ยนจงพูดก็เป็นความจริง มุมมองของชิงหลงก็ถูกต้องจริง ๆ

ในเวลาและอวกาศของพระมหากษัตริย์นี้ ชิงหลงก็มีสถานะเป็นองค์ชายแห่งคุนหลุน แต่เขากลับไม่ได้โอ้อวดสถานะของตน เขาไม่โลภไม่โหยหาอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริง ๆ

เจี้ยนจงกล่าวว่า “ชิงหลง ยังมีเจ้าที่ยังเป็นหน้าเป็นตาของข้า!”

พูดจบแล้ว ใบหน้าของเจี้ยนจงก็มีความภูมิใจปรากฏขึ้น “ลูกหลานของข้ามีอนาคตที่สดใส เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ข้าภูมิใจจริง ๆ ”

ดูความดีงามของเขาสิ แต่เซียวเฉวียนกลับได้เมินเฉยต่อเขา สายตาไม่ดีหรือเปล่า

เมื่อเห็นเซียวเฉวียนได้ลุกขึ้น เจี้ยนจงก็ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นว่า “เจ้าจะออกไปไหนงั้นหรือ?”

เซียวเฉวียนก็ตอบกลับมาว่า “อืม” สุดท้ายก็พูดเบา ๆ ว่า “จะไปดูเสี่ยวเซียนชิวซะหน่อยว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว”

หลังจากที่ได้กลับมาจากทะเลแล้ว เซียวเฉวียนก็ได้แอบส่งซิกให้เจี้ยนจงพาเสี่ยวเซียนชิวกลับไปหาเซียวจิง

ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะดึกมากแล้ว แต่ในเมื่อเกาะนกกระสาได้มีการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เซียวจิงเองก็กังวลจนนอนไม่หลับเลย

ได้แต่รอจนกว่าเซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ จะกลับมา

ตอนนั้นทุกคนก็เหนื่อยล้ามากแล้ว หลังจากส่งเสี่ยวเซียนชิวเสร็จแล้ว ก็ยังได้กำชับให้เซียวจิงดูแลเสี่ยวเซียนชิวให้ดี ไม่ให้ออกไปข้างนอก หลังจากนั้นเซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ ก็ได้จากไป

สองสามวันนี้ เซียวเฉวียนไม่ได้ไปหาเสี่ยวเซียนชิวเลย ด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเสี่ยวเซียนชิวยังต้องพักฟื้น อีกด้านก็เป็นเพราะเซียวเฉวียนกลัวว่าจะมีคนมาพบที่อยู่ของเซียวจิง

ยังไงซะที่นี่ก็มีทาสคุนหลุนอยู่มาก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนไม่เชื่อทาสคุนหลุน แต่เป็นเพราะว่าเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของเซียวจิง เซียวเฉวียนก็ยังรู้สึกว่าต้องระวังอยู่

ในตอนนี้ ทาสคุนหลุนก็ยังยุ่งเรื่องของที่พักอยู่ นี่เป็นโอกาสที่จะได้ไปเยี่ยมเสี่ยวเซียนชิวและเซียวจิง

เจี้ยนจงได้ยินอย่างนั้น จึงได้ถามขึ้นว่า"เจ้าจะไปเองงั้นหรือ?"

เดิมทีเซียวเฉวียนไม่ได้เรียกเจี้ยนจงมาด้วย แต่เจี้ยนจงก็อยากจะตามเขาไปด้วย

เพราะงั้นเขาจึงได้ตั้งใจถามคำถามนั้นขึ้น

เซียวเฉวียนก็ยิ้มและพูดว่า "ใช่ ข้าจะไปเอง เจ้าช่วยเก็บเป็นความลับด้วย"

ตรงนี้ต้องยังมีคนคอยคุ้มกันอยู่

เผื่อว่าจะมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นงั้นหรือ?

จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซะที่ไหนกันล่ะ ก็แค่เซียวเฉวียนไม่อยากให้เจี้ยนจงเป็นก้างขวางคอระหว่างเขาและครอบครัว

เจี้ยนจงเข้าใจเรื่องนี้

ยังไงซะกว่าเซียวเฉวียนจะมาที่เกาะนกกระสาได้แต่ละครั้งก็ยากเย็นซะจริง

สิ่งที่ฟ้าลิขิต มันช่างยากเกินจินตนาการจริง ๆ

เจ้าบอกว่ามันเป็นการดูหมิ่นโลกงั้นหรือ แท้จริงแล้วไม่ใช่

อย่างน้อยที่ว่าคนชั่วร้ายนี้มีอยู่เสมอ มันก็เป็นความจริง

จะพูดว่ามันรักชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่าง

ก็คงเช่นเดียวกับเซียวเฉวียนที่แม้ว่าจะโด่ดเด่น แต่ในตอนแรกก็ถูกรังแกด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ผ่านมันมาอย่างยากลำบาก

ก็เช่นเดียวกับเจี้ยนจง ที่เดิมควรจะเป็นผู้พิทักษ์เทือกเขาคุนหลุน แต่ต้องสลายตัว เพื่อปกป้องตระกูลคุนหลุน

นี่ยังเป็นลิขิตของสวรรค์ด้วย

ลิขิตของสวรรค์ มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ

มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ คิดไปคิดมา จู่ ๆ ก็คิดไม่ถึงเรื่องเมฆเก้าสวรรค์เลย

เจี้ยนจงจึงได้รีบหยุดความคิดนั้นอย่างรวดเร็วและดึงสติกลับมา

พมมีจังหวะ เจี้ยนจงก็ได้ตะโกนขึ้นว่า “อาสือ”

เมื่ออาสือได้ยินแบบนั้น ก็ได้ตอบรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม "บรรพบุรุษ เรียกข้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ?"

เจี้ยนจงได้พูดขึ้นว่า “ไปเตรียมเตาไฟกับคาร์บอนไว้”

ตอนนี้ไม่ใช่หน้าหนาวซะหน่อย ไม่ต้องย่างไฟ ทำไมบรรพบุรษถึงให้ไปเตรียมเตาไฟกับคาร์บอนนะ?

แต่ไม่ช้าอาสือก็เข้าใจ ยิ้มแล้วก็พูดว่า "ได้ บรรพบุรุษ"

จากนั้นอาสือก็หันหลังออกไปเตรียมเตาและคาร์บอน

บรรพบุรุษอยากเผามันหวานกินสินะ!

เมื่อเห็นร่างของอาสือหายไปแล้ว เจี้ยนจงก็ยิ้มออกมา เด็กคนนี้ก็ยังมีไหวพริบอยู่บ้าง

ต้องบอกว่าเซียวเฉวียนมีวิสัยทัศน์ที่ดี มองคนออก รู้จักเลือกใช้คน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย